เริ่มเปิดราคาให้เห็นกันแล้วกับกราฟิกการ์ดตัวแรงรุ่นล่าสุดของทาง NVIDIA อย่าง GeForce GTX 1080 ที่ในเมืองไทยเรานั้นมีราคาอยู่ในช่วง 21,xxx – 26,xxx บาท ซึ่งหากจะพูดกันตามตรงแล้วหล่ะก็ด้วยภาพเศรษฐกิจเช่นนี้นั้น GeForce GTX 1080 อาจจะเป็นได้แค่กราฟิกการ์ดที่ใครหลายๆ คนได้แต่จ้องมองอยากได้มาใช้งาน
แต่ทว่างบประมาณนั้นอาจจะไม่เอิ้ออำนวย อย่างไรก็ตามแต่เพื่อไม่ให้เป็นการรอกันนานมากเกินไปนักและเพื่อเป็นการเรียกกระแสให้กับผลิตภัณฑ์ของตัวเองอย่างต่อเนื่องทาง NVIDIA จึงได้ทำการเปิดตัว GeForce GTX 1070 กราฟิกการ์ดระดับกลางไปจนถึงบน(นิดๆ) ตามมาติดๆ แบบไม่ให้หายใจหายคอกันเลยหล่ะครับ
ในขณะที่ GeForce GTX 1080 นั้นทาง NVIDIA ได้บอกกับพวกเราเอาไว้ว่ามันจะมีัประสิทธิภาพที่เหนือกว่า GTX Titan X แต่มีราคาถูกกว่า ในทางกลับกันนั้น GeForce GTX 1070 ก็จะมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GeForce GTX 980 และ GTX 980 Ti โดยราคาของมันนั้นจะอยู่ในช่วง $379 – $449 หรือประมาณ 14,030 – 16,615 บาทเท่านั้นครับ(สำหรับ GeForce GTX 1070 รุ่นราคา $449 นั้นจะเป็นรุ่น Founders Edition) ซึ่งหากเทียบประสิทธิภาพของมันกับราคาของกราฟิกการ์ดรุ่นก่อนหน้าอย่าง GTX 9XX แล้วนั้นถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียวครับ(นอกไปจากนั้นแล้วกราฟิกการ์ดรุ่น GeForce GTX 1070 จะเริ่มวางจำหน่ายเร็วกว่าที่คิดคือในช่วงวันที่ 10 มิถุนายนนี้แล้วด้วย)
ตารางเปรียบเทียบสเปคของกราฟิกการ์ดรุ่นระดับกลาง(นิดๆ) ไปจนถึงระดับบนของ NVIDIA
ถึงแม้ว่าตามตารางสเปคของ GTX 1070 นั้นจะมีสเปคหลายๆ ส่วนที่ค่อนข้างต่ำกว่ากราฟิกการ์ดรุ่นก่อนอย่างเช่นแบนด์วิดธ์ของหน่วยความจำ ทว่าด้วย memory compression engine และ โหมดสำหรับ color compression แบบใหม่ที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามานั้น ทาง NVIDIA อ้างว่ามันจะมีแบนด์วิดธ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่ากราฟิกการ์ดรุ่นก่อนหน้าถึง 20% เลยทีเดียวครับ โดยเหตุนี้เองนั้นทำให้เมื่อทดแทนกับแบนด์วิดธ์ที่ลดลงไปกว่าเดิมแล้วทว่าอัตราการเปลี่ยนเฟรมในเกมของ GTX 1070 เมื่อรันเกม Hitman ด้วย DirectX 12 เฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ 75 FPS เลยทีเดียว(GTX 980 Ti อยู่ที่ 50 FPS ส่วน GTX 1080 อยู่ที่ 85 FPS)
เมื่อพูดถึงเรื่องความคุ้มค่าต่อราคาแล้วหล่ะก็ผู้บริโภคที่ใช้กราฟิกการ์ดรุ่นเก่าอย่าง GTX 980 หรือ GTX 970 อยู่นั้นคุณจะเห็นประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียวครับ แต่ถ้าคุณเป็นผู้ใช้กราฟิกการ์ดรุ่น GTX 980 Ti หรือ Titan X อยู่หล่ะก็ การอัพเกรดมาเป็น GTX 1070 นั้นอาจจะดูไม่ค่อยคุ้มค่ามากนักสักเท่าไร(เว้นแต่ว่าคุณมองในเรื่องของอัตราการคายความร้อนและอัตราการใช้พลังงานของกราฟิกการ์ดเป็นหนึ่งในประเด็นที่ทำให้คุณเลือกเปลี่ยนกราฟิกการ์ด GTX 1080 หรือ GTX 1070 ก็มีประสิทธิภาพในเรื่องดังกล่าวให้คุณมากกว่ากราฟิกการ์ดรุ่นก่อนหน้าครับ)
GTX 1070 FOUNDERS EDITION
สำหรับกราฟิกการ์ดในซีรีส์ GTX 10XX ที่พร้อมกับรุ่นพิเศษที่ใช้ชื่อว่า FOUNDERS EDITION ที่ได้รับการปรับแต่งมาโดยตรงจากทาง NVIDIA เองนั้น เมื่อมองจากรูปลักษณ์ดีไซน์ภายนอกของ GTX 1070 FOUNDERS EDITION เทียบกับ GTX 1080 FOUNDERS EDITION แล้วดูเหมือนกับว่าจะไม่มีอะไรที่แตกต่างกันไปมากเท่าไรครับ GTX 1070 FOUNDERS EDITION สิ่งที่หายไปบน GTX 1070 FOUNDERS EDITION ก็คือระบบระบายความร้อน vapor chamber ที่อยู่บน GTX 1080 FOUNDERS EDITION นั้นจะไม่ได้มาด้วยแต่จะถูกแทนที่ด้วยพัดลมระบายความร้อนที่เป็นแฮกพร้อมฮีทซิงค์แทนโดยภายในนั้นจะมีท่อนำความร้อนอยู่ด้วยกันจำนวน 3 ท่อที่ใช้วัสดุเป็นทองแดงครอบด้วยกรอบนอกที่ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมครับ
ส่วนของ low-profile backplate ของ GTX 1070 FOUNDERS EDITION สามารถที่จะทำการย้ายออกได้ด้วยเพื่อที่จะช่วยให้การไหลเวียนของกระแสลมระบายความร้อนของตัวกราฟิกการ์ดทำได้ดีมากขึ้น และเแน่นอนครับว่าฟีเจอร์เด็ดๆ อย่างการเชื่อมต่อกราฟิกการ์ดแบบคู่เพื่อเพิ่มพลังในการประมวลผล(SLI) ก็ยังคงมีมาให้ใช้ด้วยเช่นกัน(บนตัวการ์ดจะมาพร้อมกับพอร์ทเชื่อมต่อ DisplayPort จำนวน 3 พอร์ท, HDMI 2.0b จำนวน 1 พอร์ทและ dual-link DVI อีกจำนวนหนึ่งพอร์ททำให้กราฟิกการ์ด GTX 1070 สามารถเชื่อมต่อกับมอนิเตอร์ได้สูงสุดในเวลาเดียวกันถึง 4 หน้าจอครับ
Benchmark
เรื่องที่หลายๆ คนน่าจะมองและเป็นจุดสนใจมากที่สุดในการตัดสินใจเลือกซื้อกราฟิกการ์ดรุ่น GTX 1070 ก็คือประสิทธิภาพในการใช้งานเมื่อทำการเล่นเกมครับ จากกราฟทางด้านบนจะเห็นได้เลยครับว่า GTX 1070 นั้นแรงน่าสนใจเป็นอย่างมาก(เมื่อทดสอบที่ความละเอียดระดับ 1080p ซึ่งน่าจะเป็นความละเอียดที่เหล่านักเล่นเกมหลายๆ คนยังคงใช้กันเนื่องจากข้อจำกัดของหน้าจอที่ใช้งานร่วมด้วย) GTX 1070 นั้นในบางเกมก็สามารถที่จะทำอัตราการเปลี่ยนเฟรมได้เร็วกว่า GTX 980 Ti ซะอีก(ในขณะที่ราคาของมันนั้นน่าจะต่ำกว่า GTX 980 Ti เกือบ 10,000 บาทเลยทีเดียว) ตรงจุดนี้นั้นทาง NVIDIA ได้อ้างเอาไว้ครับว่า GTX 1070 จะมีความสามารถในการประมวลผลทางด้านการสร้างภาพเสมือนจริงมากกว่ากราฟิกการ์ดอย่าง GTX 980 Ti ถึง 2 เท่าตัวครับ
AMIGO เทคโนโลยีทางด้านการสร้างภาพเสมือนจริงที่เหมาะทั้งผู้ใช้งานและนักพัฒนา
ผมเชื่อว่า ณ เวลานี้หลายๆ ท่านน่าจะเคยมีประสบการณ์ในการรับชมภาพเสมือนจริงกันไปแล้วครับ แน่นอนว่าถึงแม้ว่ามันจะยังคงเป็นเทคโนโลยีที่อยู่ในช่วงแรกของการเริ่มต้นทว่า NVIDIA ก็ใส่ใจกับเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก ด้วย AMIGO นั้นจะช่วยทำให้ผู้เล่นเกมสามารถที่จะทำการหยุดภาพเกมเอาไว้และมองไปรอบๆ แบบ 360 องศาเพื่อรับชมความเสมือนจริงแบบที่ไม่น่าเป็นไปได้มาก่อน(เนื่องจากว่าในช่วงก่อนหน้านี้ฮาร์ดแวร์ยังไม่ค่อยรองรับมากนัก) แถม AMIGO นั้นยังเป็นมิตรกับนักพัฒนาเกมด้วยอีกต่างหากโดยทาง NVIDIA ระบุเอาไว้ว่าเกมในปัจจุบันนั้นสามารถที่จะเพิ่มส่วนของโค้ด AMIGO เข้าไปในเกมเพื่อที่จะทำให้ตัวเกมรองรับฟีเจอร์ดังกล่าวได้อย่างไม่ยากเย็นเลยครับ
หมายเหตุ – NVIDIA ยกตัวอย่างเกม The Witness ที่แค่เพิ่มโค้ดเข้าไปประมาณ 40 บรรทัดเท่านั้นก็สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้แล้วหรือจะเป็นเกมดังอย่าง The Witcher 3 ที่เพิ่มโค้ดเข้าไปเพียง 150 บรรทัดก็สามารถที่จะรองรับฟีเจอร์ดังกล่าวได้ด้วยเช่นเดียวกันครับ
เมื่อนักพัฒนาเกมตัดสินใจที่จะเพิ่มโค้ด AMIGO เข้าไปในเกมของตัวเองแล้วนั้น ตัวเทคโนโลยี AMIGO จะมีฟีเจอร์ย่อยที่มีชื่อเรียกว่า Ansel อยู่ด้วยครับ Ansel นี้จะเป็นฟีเจอร์ที่คำนวนเรื่องของภาพในการแสดงผลแบบ 360 องศาออกมาให้สดสวยงดงามมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ไม่ว่าสเปคของเครื่องผู้เล่นเกมจะสูงหรือต่ำมากเพียงใดโดยที่ Ansel จะทำงานด้วยความรวดเร็วในระดับที่ว่าผู้เล่นเกมจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปว่ามีการประมวลผลเกิดขึ้น ณ เวลานั้นอยู่ สิ่งที่นักเล่นเกมจะได้รับจากฟีเจอร์ Ansel นั้นก็คือภาพที่คมชัดบาดตาบาดใจที่สุดเท่าที่สเปคเครื่องของพวกเขาจะรีดออกมาได้ครับ
การทำงานของ Ansel นั้นจะใช้การประมวลผลจาก CUDA Cores ของตัวกราฟิกการ์ดซึ่งจะทำหน้าที่คุมโทนในเรื่องของการแสดงผลในทุกๆ อย่างและประมวลผลภาพที่จะแสดงออกมาแบบ 360 องศาให้อยู่ในรูปแบบของภาพนิ่งที่มีความละเอียดสูงจำนวนมากๆ มาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน(นั่นหมายความว่าตัวกราฟิกการ์ดก็จะไม่ต้องประมวลผลภาพเป็น 3 มิติแต่จะประมวลผลภาพเป็นภาพนิ่งแบบภาพต่อภาพจำนวนหลายๆ ภาพมาประกอบเข้าด้วยกันเพื่อแสดงผลจนทำให้เกิดเป็นภาพ 3 มิติแบบ 360 องศาขึ้นมา อย่างไรก็ตามเทคนิคนี้ยังมีข้อจำกัดอยู่ซึ่งนั่นก็คือมันสามารถที่จะทำการประมวลผลภาพนิ่งแต่ละภาพได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4.5 gigapixel และนำมาเย็บเชื่อมต่อกันได้ไม่เกิน 3,600 ภาพต่อเนื่องเท่านั้น
หมายเหตุ – ภาพที่ฟีเจอร์ Ansel เก็บมานั้นจะเป็นภาพแบบ Raw และ EXR ซึ่งมาพร้อมกับ high dynamic range ทำให้นักพัฒนาสามารถที่จะนำไปใช้งานได้ง่ายต่อเนื่องกับโปรแกรมยอดนิยมอย่าง Photoshop ในการประมวลผลภาพเพื่อประโยชน์อย่างอื่นต่อไป แถมด้วยฟีเจอร์ Ansel นั้นจะมีการรวมเอฟเฟคจำนวนหนึ่งเอาไว้เพื่อให้นักพัฒนาเกมสามารถเลือกเอาไปใช้ต่อได้ด้วยอย่างเช่น lens flare, lens dirt, tone mapping, distortion effects และ convolution filters
OVERCLOCKING AND SLI
ถึงแม้ว่าทาง NVIDIA เองนั้นจะไม่แนะนำให้ผู้ใช้งานนำเอากราฟิกการ์ดมาเชื่อมต่อกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากกว่า 2 ใบขึ้นไป(dual-link SLI) ทว่าในส่วนของซอฟต์แวร์ของทาง NVIDIA เองนั้นก็ดันสนับสนุนการเชื่อมต่อกราฟิกการ์ดเพื่อใช้งานมากกว่า 2 ใบอยู่ดีครับ ถามว่าอะไรที่จะเป็นเหตุผลที่ทำให้คนที่ซื้อกราฟิกการ์ดที่ค่อนข้างจะแรงอยู่แล้วซื้อกราฟิกการ์ดอีกใบหนึ่งเพื่อมาต่อเข้าไปอีกในระบบนั้น ผมเชื่อว่าคำตอบนั้นคงอยู่ในใจของทุกๆ อยู่แล้วหล่ะครับว่าก็คือเพื่อประสิทธิภาพที่มากกว่าเดิม ซึ่ง ณ ที่นี้นั้นในการตัดสินใจว่าจะซื้อ GTX 1070 มาต่อแบบ SLI เพื่อใช้งานดีไหมนั้นก็คงจะต้องดูประสิทธิภาพของการเล่นเกมที่ความละเอียดระดับ 4K ดังกราฟด้านบนครับ
หากการซื้อกราฟิกการ์ด 2 ใบมาเชื่อมต่อกันแบบ SLI ไม่ใช่คำตอบของคุณ GTX 1070 นั้นก็ยังรองรับความสามารถในการ Overclocked ความเร็วให้สูงขึ้นไปอีก โดยก่อนที่คุณจะ Overclocked นั้นทาง NVIDIA ก็มีเทคโนโลยีในการเร่งความถี่สัญญาณนาฬิกาของตัวชิปกราฟิกมาให้อยู่แล้วโดยบน GTX 1070 นั้นจะเป็น GPU Boost 3.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่เหมือนกับ GTX 1080 ครับ
อย่างไรก็ตามแต่ไม่ว่าจะเป็นการซื้อกราฟิกการ์ด 2 ใบมาต่อแบบ SLI หรือการ Overclocked ความเร็วของกราฟิกชิปให้มากขึ้นไปอีกนั้นจะเพิ่มประสิทธิภาพได้มากน้อยแค่ไหนคุณจะต้องดูในส่วนขององค์ประกอบอื่นๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณด้วยครับ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือจากผล Bemchmark ก่อนหน้านี้ที่ระบุเอาไว้ว่าใช้หน่วยประมวลผล Intel Core i7-2600K ดูเหมือนว่าเจ้าหน่วยประมวลผลนี่เองที่เป็นปัญหาในการรั้งความเร็วของกราฟิกการ์ดไว้เนื่องจากปัญหาทางด้านคอขวดของการส่งข้อมูลครับ
สรุป
ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่างไรก็ตามแต่แล้ว GTX 1070 ถือได้ว่าเป็นกราฟิกการ์ดอีกรุ่นหนึ่งที่น่าเป็นเจ้าของครับ เชื่อได้ว่าอายุการใช้งานของมันนั้นก็คงจะต่อเนื่องจากนี้ไปอย่างน้อย 1 – 2 ปีได้ซึ่งน่าจะพอที่จะทำให้คุณเล่นเกมที่ความละเอียดที่ระดับ 1080p เปิดเอฟเฟคเต็มที่ได้อย่างสบายๆ ไปอีกนาน(ถ้าสเปคส่วนอื่นไม่ได้รั้งความแรงของกราฟิกการ์ดไว้นะครับ)
ที่มา : polygon