สิ้นสุดการรอคอยกันเสียทีกับการาของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ภายในงานเปิดตัวก่อนงาน Computex 2016 จะเริ่ม 1 วัน ของทาง ASUS ไม่ว่าจะเป็น ZenFone 3 ที่ทุกคนเฝ้าที่ต้องบอกว่าสมการรอคอยแน่นอน รวมไปถึงยังมีโน๊ตบุ๊คบางเบา Ultrabook อย่าง ZenBook 3 ที่จัดเต็มแบบสุดๆ ทั้งความบางเบาและสเปก ที่พร้อมท้าชน Apple MacBook อย่างเต็มแรง และสุดท้ายกับ Transformer 3 โน๊ตบุ๊ค 2-in-1 ที่เสมือนกับ Microsoft Surface จำแลง ที่มีดีไซน์ไปในทิศทางเดียวกันแต่เต็มที่กว่าในหลายๆ ส่วน อีกทั้งเรายังมีโอกาสได้เห็น External Graphics Dock ที่มีชื่อว่า ROG XG Station 2 อีกด้วย เอาล่ะเดี๋ยวเราไปชมข้อมูลแต่ละผลิตภัณฑ์กันเลย
ASUS ZenBook 3
อย่างที่บอกไปแล้วว่านอกจากจะมีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนในซีรีส์ ZenFone 3 ไปถึง 3 รุ่นแล้ว ทาง ASUS ยังได้ทำการเปิดตัวโน๊ตบุ๊คในรูปแบบ Ultrabook ซึ่งอยู่ในไลน์ซีรีส์ ZenBook ออกมาด้วยเช่นกันอย่าง ZenBook 3 ที่งานนี้ผู้ผลิตรายอื่นๆ นั้นมีอายหล่ะครับเนื่องจาก ZenBook 3 ของทาง ASUS นั้นบางมากโดยวัดได้เพียง 11.9 mm เท่านั้นแถมน้ำหนักของมันนั้นทาง ASUS ก็ยืนยันว่าเบากว่าทั้ง MacBook Air และ MacBook กว่ากันเป็นกองครับ
อย่างไงก็ตาม ASUS ยังไม่ได้เผยรายละเอียดในส่วนของสเปคของ ZenBook 3 ออกมามากเท่าไรนัก ทว่าตัวเลือกที่คุณสามารถจะเลือกประกอบบน ZenBook 3 ได้นั้นก็ไม่ใช่สเปคไก่กานะครับเนื่องจาก ZenBook 3 สามารถที่จะเลือกใช้หน่วยประมวลผลตัวแรงสุดของ Ultrabook อย่าง Intel Core i7 สถาปัตยกรรม Skylake รวมไปถึงแหล่งเก็บข้อมูลตามที่มีการเปิดตัวออกมานั้นก็มี 2 รุ่นให้เลือกซึ่งเป็นแบบ SSD คือที่ขนาดความจุ 512 GB(โดยจะมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ $1,499 หรือประมาณ 53,970 บาท) และขนาดความจุ 1 TB(โดยจะมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ $1,999 หรือประมาณ 71,970 บาท) ครับ
ยังไงตอนนี้ไปชมภาพตัวเครื่องจริงๆ กันก่อนเลย ต้องบอกสวยงามและดูแพงเกินราคาค่าตัวมากๆ ไว้ยังไงเราคงจะมารีวิวให้ได้ชมกันอีกที
ASUS Transformer 3
ทาง ASUS ยังได้ทำการเปิดตัวโน๊ตบุ๊ตแบบ 2-in-1 ในซีรีส์ Transformers ออกมาด้วยซึ่งผลิตภัณฑ์ในซีรีส์ Transformers ที่ได้รับการเปิดตัวออกมาในครั้งนี้นั้นมีรูปลักษณ์หน้าตาเหมือน Surface มากขึ้นกว่าเดิม คือเป็นโน๊ตบุ๊คที่สามารถใช้งานได้ 2 แบบคือสามารถใช้งานถอดหน้าจอมาเป็นแท็บเล็ตได้หรือจะเชื่อมกับฐานคีย์บอร์ดเพื่อใช้เป็นโน๊ตบุ๊คก็ได้เช่นเดียวกันครับ
ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ในซีรีส์ Transformers ที่ถูกเปิดตัวออกมานั้นประกอบไปด้วย 3 รุ่น 3 สไตล์อันได้แก่ ASUS Transformer 3 Pro, ASUS Transformer 3, ASUS Transformer Mini โดยทุกผลิตภัณฑ์นั้นจะมาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Windows 10 เหมือนกันหมดแต่สิ่งที่แตกต่างกันไปนั้นก็คือสเปคและรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเครื่องครับ แต่ละรุ่นจะมีสเปคและรูปลักษณ์ดีไซน์เป็นอย่างไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลยครับ
เริ่มกันที่รุ่นใหญ่ก่อนอย่าง ASUS Transformer 3 Pro ที่ตัวเครื่องนั้นเห็นแล้วเหมือนกับจะเอามาต่อกรกับ Surface Pro 4 โดยเฉพาะ สำหรับสเปคจะเป็นอย่างไรนั้นไปติดตามกันเลยครับ
- หน้าจอขนาด 12.6 นิ้วรองรับความละเอียดที่ระดับ 2880 x 1920 pixels ความหนาแน่นของจุด pixels อยู่ที่ 275 PPI รองรับมุมมองแบบกว้าง
- หน่วยประมวลผลสูงสุดที่สามารถเลือกได้คือรุ่น Intel Core i7 สถาปัตยกรรม Skylake
- หน่วยความจำ(RAM) ขนาด 16 GB ความเร็ว 2,133 MHz
- แหล่งเก็บข้อมูลภายในแบบ PCIe x4 SSD ความจุสูงสุดที่เลือกได้คือ 1 TB
- กล้องหลังความละเอียด 13 MP
- กล้องหน้าไม่ได้บอกความละเอียดเอาไว้ทว่าสำหรับบน Transformer 3 Pro นั้นจะรองรับการใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ Windows Hello ของ Windows 10
นอกเหนือจากนี้ในส่วนของ ASUS Transformer 3 Pro ยังได้โชว์การเชื่อมต่อกับ ROG XG Station 2 ซึ่งเป็นอุปกรณ์ External Graphics Dock โดยทำหน้าที่เป็นตัวอัพเกรดพลังของการประมวลผลกราฟิก 3 มิติ และ VR โดยสเปกนั้นเป็น NVIDIA GTX 1080 กันเลยทีเดียว อาศัยการเชื่อมต่อผ่านทาง USB Type-C (Thunderbolt 3) คือหน้าที่หลักของการทำงานยังเป็นตัวโน๊ตบุ๊คอยู่ แต่ส่วนประมวลผลกราฟิกจะเป็น ROG XG Station 2 สำหรับการแสดงผลจำเป็นต้องต่อไปยังหน้าจอภายนอก โดยมีพอร์ตการเชื่อมต่อครบครันทั้ง USB 3.0 และอื่นๆ ซึ่งใช้พาวเวอร์ซัพพลายขนาด 680W เป็นตัวขับเคลื่อน ราคานั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อได้ว่าไม่ถูกอย่างแน่นอน
ASUS Transformer 3
สำหรับ ASUS Transformer 3 จะบอกว่าเป็นรุ่นลดสเปคของ ASUS Transformer 3 Pro ก็ว่าได้ครับ ทว่าถึงแม้ว่าจะมีการลดสเปคลงไปบ้างแต่อะไรหลายๆ อย่างนั้นก็ได้รับการสืบถอดมาจากรุ่น Pro ด้วยเหมือนกัน สเปคของ ASUS Transformer 3 จะเป็นอย่างไรนั้นไปติดตามกันได้เลยครับ
- หน้าจอขนาด 12.6 นิ้วรองรับความละเอียดที่ระดับ 2880 x 1920 pixels ความหนาแน่นของจุด pixels อยู่ที่ 275 PPI รองรับมุมมองแบบกว้าง
- หน่วยประมวลผลสูงสุดที่สามารถเลือกได้คือรุ่น Intel Core i7 สถาปัตยกรรม Skylake
- หน่วยความจำ(RAM) ขนาดสูงสุด 8 GB ความเร็ว 2,133 MHz
- แหล่งเก็บข้อมูลภายในแบบ SSD ความจุสูงสุดที่เลือกได้คือ 512 GB
- กล้องหลังและหน้าไม่ได้บอกความละเอียดเอาไว้ทว่าสำหรับบน Transformer 3 นั้นจะรองรับการใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ Windows Hello ของ Windows 10
- ส่วนของคีย์บอร์ดจะมาพร้อมกับคีย์บอร์ดที่มีขื่อว่า Sleeve Keyboard ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นขาตั้งส่วนของหน้าจอให้กับ Transformer 3 ด้วย(และแต่ละปุ่มนั้นจะมีระยะจากแป้นลงไปถึงพื้นสัมผัสที่ 1.4 mm ซึ่งถือว่าพอๆ กับโน๊ตบุ๊คขนาดปกติ)
- พอร์ทการเชื่อมต่อมาพร้อมกับ USB Type-C, Thunderbolt 3, USB 3.0 และ HDMI
- ลำโพงเป็นของ Harmon Kardon
- รองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ASUS Pen, Universal Dock, AudioPod และ ROG XG Station 2
- ตัวเครื่องหนา 6.9 mm และน้ำหนักอยู่ที่ 695 g(เฉพาะส่วนที่เป็นหน้าจอซึ่งเบาและบางกว่ารุ่น Pro มาก)
- วัสดุตัวเครื่องเป็นโลหะแบบทั้งตัวทำให้มีความแข่งแกร่งและดูหรูหรา
ทั้งนี้ ASUS Transformer 3 จะมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ $799 หรือประมาณ 28,770 บาทครับ
ASUS Transformer 3 Mini
ถ้า ASUS Transformer Pro 3 และ Transformer 3 มีขนาดใหญ่มากเกินไปหล่ะก็ขอแนะนำให้คุณพบกับรุ่นน้องเล็กสุดอย่าง ASUS Transformer Mini ที่ขนาดของหน้าจอนั้นจะลดลงมาเหลืออยู่ที่ 10.1 นิ้วเท่านั้นทำให้ในส่วนของความหนาและความเบานั้นลดลงกว่าเดิมมาเกเลยทีเดียวครับ อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าเสียดายของ Transformer Mini นั้นก็คือสเปคของมันโดนลดลงไปด้วยโดยจะมีสเปคดังต่อไปนี้ครับ
- หน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว(รายละเอียส่วนอื่นยังไม่มีการเปิดเผย)
- หน่วยประมวลผลจะเป็น quad-core Intel Atom X5
- หน่วยความจำ(RAM) ยังไม่มีการเผยข้อมูลแต่คาดว่าน่าจะเลือกได้สูงสุดที่ 8 GB
- แหล่งเก็บข้อมูลภายในยังไม่มีการเผยข้อมูลแต่คาดว่าน่าจะเลือกได้สูงสุดที่ 256 GB หรือไม่ก็ 512 GB
- ไม่ได้ระบุรายละเอียดของกล้องเอาไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
- ส่วนของคีย์บอร์ดจะมาพร้อมกับคีย์บอร์ดที่แต่ละปุ่มนั้นจะมีระยะจากแป้นลงไปถึงพื้นสัมผัสที่ 1.5 mm ซึ่งถือว่าพอๆ กับโน๊ตบุ๊คขนาดปกติ แต่ในส่วนของขนาดคีย์บอร์ดนั้นพบว่ามีขนาดเล็กพอควรทำให้เวลาพิมพ์เพื่อใช้งานจริงๆ นั้นจะยากกว่าปกติพอควร(เนื่องด้วยต้องทำให้ส่วนของคีย์บอร์ดเท่ากับหน้าจอพอดีนั่นเอง)
- มาพร้อมกับระบบสแกนลายนิ้วมือ(แต่ทว่าจะวางตัวอยู่ทางด้านหลังของตัวเครื่องไม่ได้อยู่ทางด้านหน้าเลยทำให้เวลาใช้งานจริงอาจจะใช้งานลำบากเล็กน้อย)
- ตัวเครื่องหนา 8.2 mm และน้ำหนักอยู่ที่ 790 g(รวมทั้งส่วนหน้าจอและคีย์บอร์ดแล้ว หากคิดน้ำหนักเฉพาะส่วนของหน้าจออย่างเดียวจะอยู่ที่ 530 g เท่านั้น)
- ฐานตั้งมาพร้อมกับบานพับที่เรียกว่า “stepless hinge” ซึ่งสามารถทำให้ปรับตั้งส่วนหน้าจอได้มากสุดถึง 170 องศา
- มาพร้อมกับฟีเจอร์พิเศษอย่าง ZenSync ที่ช่วยให้คุณสามารถซิงค์ข้อมูลจากสมาร์ทโฟนเพื่อไปแสดงผลบนหน้าจอได้
- แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 11 ชั่วโมง
- มีวางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 4 สีได้แก่ Quartz Gray, Pearl White, Amber, Mint Green และ Icicle Gold
ทั้งนี้ ASUS Transformer Mini จะมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ $349 หรือประมาณ 12,570 บาทครับ
และแล้วก็ทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วครับหลังจากที่ให้สาวก ZenFone รอและคาดเดากันอย่างเนิ่นนาน โดยในครั้งนี้นั้น ASUS ได้ทำการเปิดตัว ZenFone 3 ออกมาทีเดียวด้วยกันถึง 3 รุ่น 3 สไตล์(แต่คาดง่าหลังจากนี้คงมีการแตกรุ่นออกมาให้ได้งงกันอีกอย่างแน่นอน) อันประกอบไปด้วย ZenFone 3, ZenFone 3 Deluxe และ ZenFone 3 Ultra ที่ถ้าหากเมื่อดูจากรูปลักษณ์และดีไซต์แล้วนั้น ZenFone 3 และ ZenFone 3 Deluxe จะค่อนข้างมีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกันดู แต่สำหรับในรุ่น ZenFone 3 Ultra นั้นรูปลักษณ์ภายนอกจะแตกต่างไปจากทั้ง 2 รุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจนครับ
มาดูกันดีกว่าครับว่า ZenFone 3 ในแต่ละรุ่นนั้นจะมีสเปคน่าใช้งานมากน้อยแค่ไหน
ZenFone 3
- หน้าจอขนาด 5.5 นิ้วใช้ panle แบบ IPS+ รองรับความละเอียดที่ระดับ 1080p ความสว่างของหน้าจอสูงสุดมากถึง 500 nits
- กระจกล้อมรอบตัวเครื่องเป็นแบบ 2.5D ของทาง Corning Gorilla โดยจะใช้ล้อมรอบวัสดุที่เป็นอลูมิเนียมภายในอีกรอบหนึ่งเพื่อความแข็งแรง
- ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 625
- หน่วยความจำ(RAM) ขนาด 4 GB
- แหล่งเก็บข้อมูลภายในมีให้เลือกมากสุดถึง 64 GB(ทั้งนี้คาดว่าน่าจะมีรุ่นขนาดแหล่งเก็บข้อมูลที่ 16 GB และ 32 GB แตกย่อยออกมาให้เลือก)
- กล้องหลังความละเอียด 16 MP มาพร้อมกับเทคโนโลยี ASUS TriTech autofocus และ laser autofocus รุ่นที่ 2(สามารถจับโฟกัสได้ในเวลาเพียง 0.03 วินาที)
- กล้องหน้าความละเอียด 8 MP
- แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh
- มีระบบสแกนลายนิ้วมือทางด้านหลังของเครื่อง
- พอร์ทการเชื่อมต่อเป็น micro USB 2.0
- มีสีวางจำหน่ายถึง 4 สี ประกอบไปด้วย ทอง, น้ำเงิน, ดำและขาว
ZenFone 3 Deluxe
สำหรับ ZenFone 3 Deluxe นั้นจะมีดีไซน์ของตัวเครื่องที่เหมือนกันกับ ZenFone 3 รุ่นธรรมดาเลยครับ ทว่าก็ใช่ว่าจะเหมือนกันไปหมดซะทุกอย่างเพราะว่าทาง ASUS ได้มีการปรับแต่ง ZenFone 3 Deluxe ไว้ดังนี้ครับ
- หน้าจอขนาด 5.7 นิ้วใช้ panel แบบ Super AMOLED รองรับความละเอียดที่ระดับ 1080p และรองรับช่วงกว้างของสีแบบ NTSC ได้มากถึง 100%
- ใช้วัสดุเป็นโลหะทั้งตัวโดยจะไม่มีเส้นของสายเสาอากาศแสดงให้เห็นบนลายตัวเครื่องอีกต่อไปแถมขนาดของขอบจอ(ด้านบนและล่าง) ยังเล็กมากคืออยู่ที่ 4.2 mm เท่านั้นทำให้ตัวเครื่องดูไม่ใหญ่มากเกินไป
- ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 820
- หน่วยความจำ(RAM) ขนาด 6 GB
- แหล่งเก็บข้อมูลภายในไม่มีรายละเอียดระบุเอาไว้แต่คาดว่าน่าจะมีตัวเลือกมาสุดอยู่ที่ขนาดความจุ 128 GB
- กล้องหลังความละเอียด 23 MP ใช้เซ็นเซอร์กล้องของ Sony IMX318 มาพร้อมกับรูรับแสงขนาด f/2.0, 4-axis optical image stabilization, เทคโนโลยี ASUS TriTech autofocus และ laser autofocus รุ่นที่ 2(สามารถจับโฟกัสได้ในเวลาเพียง 0.03 วินาที)
- กล้องหน้าความละเอียด 8 MP
- ไม่มีการบอกขนาดความจุของแบตเตอรี่ไว้แน่ชัดแต่จากข้อมูลบอกเอาไว้ว่าไม่ได้ต่างอะไรไปจาก ZenFone 3 ทำให้คาดได้ว่าน่าจะมีขนาดแบตเตอรี่อยู่ที่ 3,000 mAh ทว่า ZenFone 3 Deluxe จะรองรับเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว Qualcomm Quick Charge 3.0
- มีระบบสแกนลายนิ้วมือทางด้านหลังของเครื่อง
- พอร์ทการเชื่อมต่อเป็น USB Type-C 3.0
- มาพร้อมกับ five-magnet speaker และสนับสนุน Hi-Res Audio
- มีสีวางจำหน่ายถึง 4 สี ประกอบไปด้วย ทอง, เงินและเทา
Zenfone 3 Ultra
สำหรับ Zenfone 3 Ultra นั้นจะมีดีไซน์ของตัวเครื่องทางด้านหน้าที่แตกต่างไปจากรุ่นธรรมดาและรุ่น Deluxe พอควรครับ หลายๆ คนอาจจะคาดว่า Zenfone 3 Ultra นั้นเป็นรุ่นระดับท๊อปสุดแต่ทว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่ครับเพราะหากจะว่าไปแล้ว Zenfone 3 Ultra นั้นเป็นรุ่นหน้าจอขนาดใหญ่ที่ทาง ASUS นำเอารุ่นธรรมดาและ Deluxe มาผสมกันมากกว่า โดยสเปคของ Zenfone 3 Ultra มีดังต่อไปนี้ครับ
- หน้าจอขนาด 6.8 นิ้วใช้ panle แบบ IPS+ รองรับความละเอียดที่ระดับ 1080p และรองรับช่วงกว้างของสี NTSC สูงถึง 95%
- ใช้วัสดุเป็นโลหะทั้งตัวโดยจะไม่มีเส้นของสายเสาอากาศแสดงให้เห็นบนลายตัวเครื่องอีกต่อไป
- มาพร้อมกับเทคโนโลยีเฉพาะตัวของทาง ASUS อย่าง Tru2Life+ Video technology สำหรับการแสเงผลทำให้สามารถที่จะแสดงผลภาพและวีดีโอความละเอียดระดับ 4K UHD เหมือนกับบนทีวีระดับสูง
- ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 625
- หน่วยความจำ(RAM) ขนาด 4 GB
- แหล่งเก็บข้อมูลภายในไม่มีรายละเอียดระบุเอาไว้แต่คาดว่าน่าจะมีตัวเลือกมาสุดอยู่ที่ขนาดความจุ 64 GB
- กล้องหลังความละเอียด 23 MP ใช้เซ็นเซอร์กล้องของ Sony IMX318 มาพร้อมกับรูรับแสงขนาด f/2.0, 4-axis optical image stabilization, เทคโนโลยี ASUS TriTech autofocus และ laser autofocus รุ่นที่ 2(สามารถจับโฟกัสได้ในเวลาเพียง 0.03 วินาที)
- กล้องหน้าความละเอียด 8 MP
- ขนาดความจุของแบตเตอรี่อยู่ที่ 4,600 mAh และรองรับเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว Qualcomm Quick Charge 3.0
- มีระบบสแกนลายนิ้วมือทางด้านหลังของเครื่อง
- มาพร้อมกับ five-magnet speaker และสนับสนุน Hi-Res Audio รวมทั้งยังเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกที่รองรับการสร้างเสียงเสมือนจริงแบบ 7.1 channel surround sound เมื่อใช้งานร่วมกับ DTS Headphone
- มีสีวางจำหน่ายถึง 4 สี ประกอบไปด้วย ชมพู, เงินและเทา
ทั้งนี้ราคาจำหน่ายของ ZenFone 3 จะอยู่ที่ $249 หรือประมาณ 8,970 บาท, ZenFone 3 Deluxe จะอยู่ที่ $499 หรือประมาณ 17,970 บาทและ ZenFone 3 Ultra จะอยู่ที่ $479 หรือประมาณ 17,250 บาท ส่วนวันวางจำหน่ายนั้นยังคงไม่มีการเปิดตัวออกมาแต่อย่างใดครับ