ประเทศจีนหรือสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้นถือว่าเป็นประเทศใหญ่ที่น่ากลัวมากเลยทีเดียวครับ ถึงแม้ว่าในอดีตที่ผ่านมานั้นเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ ในประเทศจีนจะไม่ได้รับการสนับสนุนมากสักเท่าไรจากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน(Communist Party of China (CPC) หรือ Chinese Communist Party (CCP)) ทว่าในปัจจุบันนั้นทุกอย่างได้กลับกันไปอย่างสิ้นเชิงจากในอดีตโดยจะเห็นได้ครับว่าในช่วงประมาณ 10 ปีหลังที่ผ่านมานี้วงการเทคโนโลยีของประเทศจีนพัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นสถานที่ต้องของบริษัทอย่าง Foxconn ซึ่งรับหน้าที่ในการประกอบผลิตภัณฑ์สุดฮิตให้แก่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Apple หรือการที่ในประเทศจีนเองนั้นเริ่มมีบริษัทผู้ผลิตทางด้านเทคโนโลยีเกิดขึ้นมาอย่างมากมายตามลำดับครับ
ความน่ากลัวทางด้านเทคโนโลยีของจีนนั้นก็เป็นอย่างที่เราๆ ท่านๆ ทราบกันดีหล่ะครับว่าบริษัทผู้ผลิตในประเทศจีนนั้นเมื่อสามารถที่จะผลิตผลิตภัณฑ์อะไรขึ้นมาสักอย่างได้แล้ว ราคาจำหน่ายของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนั้นๆ มักจะถูกกว่าในตลาดแบบหลายเท่า(หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น) ในขณะที่เทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศจีนนั้นไม่ได้มีความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทจากประเทศอื่นๆ แต่อย่างใด ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือเมื่อไม่นานมานี้ที่งาน CE China ซึ่งเป็นงานจัดแสดงโชว์ผลิตภัณฑ์ทางด้านเทคโนโลยีของทางประเทศจีนเองนั้นมีผลิตภัณฑ์หนึ่งที่ดูแล้วเผลอๆ ผู้ผลิตและพัฒนาฝั่งตะวันตกอาจจะต้องคอยระวังตัวเองไว้ให้ดีกับ Dlodlo Glass V1 VR glasses ครับ
Dlodlo Glass V1 VR glasses
ถึงแม้ว่า Dlodlo Glass V1 VR glasses จะยังคงเป็น VR glasses ที่ยังคงเป็นตัวต้นแบบอยู่ทว่าทาง CEO ของบริษัท Dlodlo นั้นได้บอกเอาไว้ครับว่าเจ้า Dlodlo Glass V1 VR glasses ผ่านช่วงของการดีไซน์มาแบบก้าวหน้าเป็นอย่างมากและทางบริษัทคาดว่า Dlodlo Glass V1 VR glasses สำหรับผู้บริโภคนั้นจะสามารถวางจำหน่ายได้จริงๆ ภายในปีนี้ ถึงแม้ว่า Dlodlo Glass V1 VR glasses ตัวต้นแบบที่ถูกนำมาโชว์ในงานนั้นจะยังไม่สามารถทำอะไรได้มากมายเท่าไรนักทว่าหากให้เทียบกับ VR Headset ของผู้ผลิตรายใหญ่ๆ อย่างเช่น Oculus, HTC, Sony หรือแม้กระทั่ง Microsoft คงต้องบอกเลยหล่ะครับว่าทาง Dlodlo นั้นมีแนวคิดในการสร้างอุปกรณ์เสมือนจริงที่ดูมีระดับกว่าผู้ผลิตรายใหญ่ๆ อย่างมาก เชื่อว่าถ้าไม่บอกว่านี่คือต้นแบบ VR glasses แล้วบางท่านอาจจะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่แว่นตากันแดดธรรมดาด้วยซ้ำไปครับ
เอาหล่ะครับมาถึงจุดที่บอกว่าทำไมสหรัฐอเมริกาจำเป็นต้องห่วงกับข้อตกลงทางด้านเทคโนโลยีล่าสุดที่ทางประเทศจีนทำกับ AMD โดยในการทำข้อตกลงครั้งนี้นั้นเป็นการทำข้อตกลงระหว่างบริษัท AMD กับ THATIC ในเรื่องของการขายสิทธิ์ของชิปหน่วยประมวลผลชุดคำสั่งสถาปัตยกรรม X86 เพื่อให้ทาง THATIC นำไปใช้ในการผลิตเป็นชิปหน่วยประมวลผลสำหรับเครื่องเซิร์ฟเวอร์เพื่อใช้ในประเทศจีนโดยเฉพาะ ซึ่งทาง THATIC นั้นสามารถที่จะเข้าถึงเทคโนโลยีของ AMD ได้หลากหลายอย่างมาก คิดดูครับว่าถ้า THATIC ประสบความสำเร็จขึ้นมาแล้วหล่ะก็มีหรือครับที่ทางจีนจะไม่บุกตลาดโลก
เรื่องการบุกตลาดโลกนี่เราเห็นได้อย่างชัดเจนจากหลายๆ บริษัทของจีนที่เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมาครับไม่ว่าจะเป็น Huawei, Xiaomi หรือ Lenovo ที่หนักไปกว่านั้นก็คือบริษัททางด้านเทคโนโลยีในจีนนั้นเริ่มที่จะเข้าครอบครองสินทรัพย์ของทางบริษัทต่างประเทศมากขึ้นเข้าไปทุกปีๆ อย่างที่เห็นได้เมื่อไม่นานมานี้ทาง HP ก็ได้ขายหุ้นในส่วนของกลุ่มเซิร์ฟเวอร์และแหล่งเก็บข้อมูลให้กับ Tsinghua ของประเทศจีนไปถึง 51% ดังนั้นการที่มีข่าวเรื่องของข้อตกลงระหว่าง AMD กับ THATIC ตามออกมาอีกนั้นจึงไม่ค่อยดีเท่าไรนักกับสหรัฐครับ
ไม่แน่ว่าอีกไม่นานหลังจากนี้สัก 3 – 5 ปีสินค้าทางด้านเทคโนโลยีในตลาดของโลกอาจจะมาจากประเทศจีนเป็นส่วนใหญ่ และเมื่อถึงตอนนั้นแล้วเราคงต้องมาตั้งคำถามกันอีกทีหล่ะครับว่าใครเป็นคนกุมอำนาจของโลกตัวจริงกันแน่ เพราะจะว่าไปแล้วตอนนี้เราอยู่ในสงครามทางด้านเทคโนโลยีก็ว่าได้ครับ
ที่มา : sea.pcmag.com