เบราว์เซอร์ในปัจจุบันที่ทุกท่านนิยมใช้ในการเข้าถึงเว็บไซต์ต่างๆ แบบจริงๆ จังๆ นั้นคงหนีไม่พ้น Google Chrome หรือไม่ก็ Mozilla Firefox อย่างแน่นอนครับ(ถึงแม้ว่าเวลามีการเผยข้อมูลของเบราว์เซอร์ที่มีจำนวนคนใช้งานมากที่สุดในโลกออกมานั้นจะมี Internet Explorer ลอยลำอยู่ที่อันดับที่ 1 แต่เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นคงหนีไม่พ้นการที่ IE มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Windows ในตัวหรือไม่งั้นก็ใช้เป็นทางผ่านในการโหลดเบราว์เซอร์ตัวอื่นครับ)
อย่างไรก็ตามแต่แล้วเบราว์เซอร์สุดฮิตที่เชื่อว่าทุกท่านเลือกใช้งานกันมากที่สุดนั้นคงหนีไม่พ้น Google Chrome ถึงแม้ว่า Chrome นั้นจะมีข้อเสียสุดร้ายแรงอยู่ 2 ประการ(หรืออาจจะมากกว่านี้) ซึ่งนั่นก็คือมันใช้ทรัพยากรของเครื่องมาก(โดยเฉพาะกับหน่วยความจำที่เวลาเปิด Tab เยอะๆ แล้วจะอืดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด) กับอีกอย่างหนึ่งซึ่งผู้ใช้งาน Chrome บนโน๊ตบุ๊คคงจะไม่ค่อยพอใจเท่าไรคือการที่มันรับประทานแบตเตอรี่ของโน๊ตบุ๊คอย่างหนักหน่วงจนทำให้อายุการใช้งานของโน๊ตบุ๊คเครื่องนั้นๆ เมื่อเข้าเว็บไซต์ผ่านเบราว์เซอร์ Chrome แล้วจะหมดเร็วกว่าเบราว์เซอร์ตัวอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัดครับ
สำหรับท่านที่เบื่อกับปัญหาเรื่องการท่องเว็บด้วย Chrome บนโน๊ตบุ๊คแล้วแบตเตอรี่หมดเร็วนั้นวันนี้เราขอแนะนำเบราว์เซอร์มือรองอย่าง Opera ที่อาจจะไม่ค่อยมีคนใช้งานมากเท่าไรนักแต่มันก็อยู่คู่กับวงการเบราว์เซอร์มาอย่างยาวนาน โดยเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมานี้นั้นทาง Opera ได้ทำการเปิดตัว Opera เวอร์ชันสำหรับนักพัฒนาที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า “low-power mode” ซึ่งทาง Opera นั้นบอกเอาไว้ครับว่าถ้าหากคุณใช้งานโหมดนี้แล้วหล่ะก็แบตเตอรี่ของคุณจะหมดช้าลงกว่าเดิมถึง 50% เมื่อเทียบกับการใช้เบราว์เซอร์อย่าง Chrome ครับ
ทางทีม Opera บอกเอาไว้ครับว่าจากการทดสอบฟีเจอร์ “low-power mode” บนโน๊ตบุ๊ค Lenovo X250 และ Dell XPS 13(ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Windows 10 และหน่วยความจำบนตัวเครื่องขนาด 16 GB) โดยในการทดสอบนั้นได้ทำการเปิดโหลดเว็บไซต์ดังๆ จำนวน 11 เว็บไซต์พร้อมๆ กัน(หนึ่งในนั้นมี YouTube รวมอยู่ด้วย) แบบแยก Tab พร้อมทั้งได้มีการเปิดฟีเจอร์ ad-blocker ที่อยู่บน Opera เองอยู่แล้วเอาไว้ด้วย(แต่บน Chrome ไม่ได้เปิดส่วนขยาย ad-blocking) จึงได้ผลดังกล่าวที่ว่าแบตเตอรี่ของเครื่องหมดช้าลงถึง 50% ครับ
หลักการทำงานของฟีเจอร์ “low-power mode” นั้นจะอาศัยการลดการทำงานเบื้องหลังของ Tab ที่ได้ไม่ถูกเปิดเพื่อทำการดูอยู่ ณ เวลานั้นๆ รวมไปถึงมีการปรับแต่ง plug-ins และการแสดงวีดีโอให้เหมาะสม เช่น Opera จะทำการหยุดบาง plug-ins ไปเมื่อไม่มีความจำเป็นต้องใช้งานและลดความเร็วในการเล่นวีดีโออยู่ให้มาอยู่ที่ 30 FPS รวมไปถึงหยุดการทำงานของ JavaScript ไม่ให้ใช้งานหน่วยประมวลผลมากจนเกินความจำเป็นด้วยเป็นต้นครับ ทั้งนี้ท่านใดอยากจะลองดูแล้วหล่ะก็สามารถเข้าไปโหลด Opera เวอร์ชันสำหรับนักพัฒนา(หรือ pre-beta release) ได้ ที่นี่ เลยครับ
หมายเหตุ – ฟีเจอร์ “low-power mode” นั้นจะมีการเตือนผู้ใช้หากผู้ใช้ไม่ได้เปิดฟีเจอร์ดังกล่าวไว้ตลอด โดยจะดูจากแบตเตอรี่ของเครื่องโน๊ตบุ๊คว่าถ้าหากลดเหลืออยู่ที่ 20% แล้วนั้นจะมีคำเตือนขึ้นมาให้ผู้ใช้เปิดใช้งานฟีเจอร์ “low-power mode” ครับ
ที่มา : laptopmag