ปี 2016 ก็เป็นปีแห่งแว่น Virtual Reality อย่างแท้จริงเพราะมีการเปิดตัวแว่นและมีเกมสำหรับ VR ถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างล้นหลามโดยชื่อที่น่าจะคุ้นหูมากก็คงจะไม่พ้น Oculus Rift กับ HTC Vive ที่เป็นตัวหลักของแว่น VR แต่ถึงอย่างนั้นแว่น VR ก็ใช่ว่าจะมีเพียงแค่ 2 ยี่ห้อนี้แต่พบว่ามันกลับมีอีก 4 ยี่ห้อที่น่าสนใจด้วยกันและในวันนี้เราก็จะมาดูกันว่าแว่นทั้ง 6 ยี่ห้อนี้มีคุณสมบัติอะไรกันบ้างมีอะไรดีและเหมาะกับผู้ใช้แบบไหนกันครับ
แต่ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกับประเภทของแว่น VR กันก่อนโดยสามารถแบ่งได้ 2 ประเภทได้แก่ Mobile และ Tethered ทั้งสองประเภทก็จะมีคุณสมบัติไม่เหมือนกันดังนี้ครับ
- Mobile – เป็นแว่น VR ที่ใช้โทรศัพท์หรือสมาร์ทโฟนในการแสดงภาพ มีน้ำหนักเบา , พกพาได้สะดวก , มีวิธีติดตั้งง่ายและมีราคาที่ถูกมากถ้าเทียบกับแว่นแบบ Tethered เช่น Google Cardboard , Samsung Gear VR
- Tethered – จะเป็นแว่นที่ต้องต่อกับคอมพิวเตอร์ PC สามารถเร่งประสิทธิภาพได้ดีกว่าแต่ต้องแลกมาด้วยน้ำหนักแว่นที่มาก , การติดตั้งค่อนข้างยุ่งยากเล็กน้อยอีกทั้งราคาของแว่นมีราคาแพงและต้องใช้สเปคคอมที่จัดว่าค่อนข้างสูง เช่น HTC Vive , Oculus Rift
เมื่อเรารู้จักประเภทของแว่นแล้วก็มาดูรายชื่อแว่น VR ทั้งหมดกันดีกว่าครับ
Google Cardboard
แว่นเสมือนจริงจาก Google ที่เปิดตัวก่อนใครเพื่อนมีจุดเด่นที่ความสะดวกสบายทั้งการพกพาหรือสวมใส่เพราะวัสดุที่ใช้เป็นแค่กล่องกระดาษที่ประกอบง่ายแสนง่ายก็สามารถเข้าสู่โลกเหมือนจริงได้แล้ว สามารถใช้สมาร์ทโฟนของคุณเป็นหน้าจอแสดงผลโดยจะต้องมีแอพพลิเคชั่น Cardboard ทำงานร่วมกันด้วย จึงเป็นแว่น VR ขนาดมินิเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย
HTC Vive
มาในส่วนแว่น VR ระดับ PC กันบ้างกับ HTC Vive จากการพัฒนาของ Valve ร่วมกับ HTC จะประกอบด้วยแว่นตา , จอยคอนโทรลเลอร์ 2 ชิ้น , เซ็นเซอร์ตรวจจับตำแหน่ง 2 ตัวและต้องเว่นที่ว่างรอบตัวค่อนข้างกว้างโดยจุดเด่นของแว่นตัวนี้จะอยู่ที่ประสิทธิภาพของแว่นที่จะมอบความสมจริงในระดับขีดสุดบวกกับจอยควบคุมที่กระชับมือใช้ได้กับทุกเกมแต่ข้อเสียอาจจะอยู่ที่น้ำหนักของมันที่มากกว่าใครและราคาสูงถึง $800 หรือประมาณ 28,000 กว่าบาทที่จัดว่าแรงใช้ได้เลยเหมาะสำหรับเกมเมอร์หรือผู้ที่ชอบเสพภาพกราฟิกสวย ๆ
LG 360VR
LG ก็ใช่ว่าจะไม่มีแว่น VR เป็นของตนเองก็เหมือนกันกับ Google Cardboard ครับที่เป็นแว่นประเภท Mobile มีลักษณะพกพาง่ายใช้ร่วมกับสมาร์ทโฟน G5 ของ LG แต่ถ้าจะไปเทียบกับ Gear VR ของ Samsung มันก็ไม่เหมือนซะทีเดียวเพราะ LG 360 VR ไม่สามารถสไลด์โทรศัพท์ไปมาได้ขณะที่กำลังเชื่อมต่อกับแว่น โดยวิธีการใช้งานก็แค่นำสาย USB-C ที่มาจากแว่น LG 360 VR เชื่อมต่อกับ LG G5 เท่านั้นก็สามารถท่องโลกเสมือนจริงได้แล้วเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยหรือผู้ใช้ทั่วไปครับ
Oculus Rift
ส่วน Oculus Rift ก็เป็นแว่น VR ที่ต้องเชื่อมต่อกับ PC เหมือนกับ HTC Vive มีดีไซน์เฉพาะตัวสวยงามวางจำหน่ายไปเมื่อต้นปี 2016 โดยจะพร้อมกับเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและจอยควบคุมที่เป็นจอย Xbox ส่วนจอย Oculus Touch จะวางจำหน่ายอีกทีช่วงปลายปี 2016 นอกจากนี้แม้ว่าประสิทธิภาพของมันจะพอ ๆ กับ HTC Vive แต่ในเรื่องน้ำหนักถือว่าเบากว่าครับ ส่วนราคาที่วางจำหน่ายก็จะตกที่ $600 หรือ 21,000 บาทซึ่งก็ถือว่าแพงพอสมควรเหมาะกับผู้เล่นที่ต้องใช้เล่นเกมบ่อย ๆ
Samsung Gear VR
แว่นประเภท Mobile ที่มีการดีไซน์สวยมากใช้ร่วมกับสมาร์ทโฟนรุ่น Galaxy มีจุดเด่นตรงการสวมใส่ที่เน้นความสบายโดยโครงสร้างแว่นจะได้มาจาก Oculus Rift สามารถใช้ได้ทั้งเล่นเกม , แอพพลิเคชั่นหรือจะดูหนัง , สตรีมมิ่ง วีดีโอ , ซีรี่ส์ช่อง Netflix ก็ยังได้เรียกว่าเป็นอุปกรณ์ที่เน้นความบันเทิงที่มาในราคาเบา ๆ เพียง $100 หรือประมาณ 3,500 บาทครับก็เหมากับผู้ใช้ที่ชอบความบันเทิงเป็นหลักเล่นเกมเป็นเรื่องรอง
Sony PlayStation VR
ปิดท้ายท้ายสุดด้วยแว่น VR ฝั่งคอนโซลที่มีรูปร่างล้ำสมัยดูไฮเทคสุด ๆ ตอบสนองเพื่อคนเล่นเกมโดยเฉพาะซึ่งในปีนี้ก็มีการเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าไปทดสอบมากมายซึ่งต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันเยี่ยมมาก นอกจากตัวแว่นก็จะมีจอยคอนโทรลเลอร์ที่มีรูปทรงเหมือนไม้คฑา 2 อัน เกมที่รองรับก็จะมีทั้งเกมมุมมอง FPS เกมซิมูเลเตอร์หรือเกมแนวสยองขวัญก็มีให้เรียกว่ามีครบทุกอย่างและใครที่ชอบเล่ยเกมบนเครื่องคอนโซลอยู่แล้ว PlayStation VR ก็น่าจะเป็นอีกไอเท็มที่ต้องซื้อเก็บไว้ครับ
แต่ถ้าหากยังไม่จุใจหรืออยากจะทราบสเปคข้อมูลของแว่นทั้งหมดอีกก็มีตารางเปรียบเทียบสเปคข้อมูลของแว่นทั้ง 6 ยี่ห้อมาให้ดูกันอีกด้วยครับ
เห็นตารางก็น่าจะทราบแล้วนะครับว่าแว่น VR ตัวไหนที่ตรงใจเพื่อน ๆ และถ้าหากมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมก็จะมานำเสนออีกนะครับ
ที่มา: Pcmag