เปิดตัวออกมาได้สักพักแล้วกับเรือธงประจำปี 2016 ของทาง HTC รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง HTC 10 รุ่นสานต่อเรือธงที่ไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จเท่าไรในปี 2015 ที่ผ่านมาอย่าง HTC One M9 ซึ่งก่อนที่ HTC 10 จะเข้าไทยอย่างเป็นทางการนั้นวันนี้เรามีรีวิวจากทาง techradar ซึ่งมีข้อสรุปของ HTC 10 ไว้ได้ค่อนข้างน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งมาเผยแพร่ให้ทุกท่านได้อ่านกันสำหรับใช้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการตัดสินใจก่อนที่จะซื้อ HTC 10 นี้ครับ รีวิวของทาง techradar จะเป็นอย่างไร น่าสนใจแค่ไหนไปติดตามกันได้เลยครับ
Specification
ก่อนที่จะไปดูในส่วนอื่นๆ ของ HTC 10 มาดูกันดีกว่าครับว่าสเปคของ HTC 10 นั้นเป็นอย่างไรบ้าง โดยสเปคของ HTC 10 นั้นมีดังต่อไปนี้ครับ
- หน้าจอขนาด 5.2 นิ้วใช้ panel แบบ Super LCD5(เป็นหน้าจอสัมผัสแบบ capacitive) รองรับความละเอียดที่ระดับ 2K หรือ 1440 x 2560 pixels โดยมีความหนาแน่นของจุด pixels อยู่ที่ 565 PPI มาพร้อมกระจกกันหน้าจอ Corning Gorilla Glass 4
- ขนาดของหน้าจอใช้พื้นที่บนตัวเครื่องทั้งหมดคิดเป็น 71.1%
- ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 820 แบบ Quad-cores(dual-core 2.15 GHz Kryo & dual-core 1.6 GHz Kryo)
- ชิปกราฟิก Adreno 530
- หน่วยความจำ(RAM) ขนาด 4 GB
- แหล่งเก็บข้อมูลภายในมีให้เลือก 2 รุ่นคือมาพร้อมขนาดความจุ 32 GB(เหลือใช้งานจริง 23 GB) และ 64 GB(เหลือใช้งานจริง 52 GB แต่รุ่นที่วางขายก่อนจะเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับแหล่งเก็บข้อมูลภายในความจุ 32 GB และในเมืองไทยก็คาดว่าน่าจะมีเฉพาะรุ่นนี้เท่านั้นที่ถูกนำเข้ามาจำหน่ายครับ)
- สามารถเพิ่มแหล่งเก็บข้อมูลผ่านทาง microSD Card ได้สูงสุดถึง 200 GB(แต่ในเว็บของ HTC ไทย และ PhoneArenaระบุเอาไว้ว่าเพิ่มได้สูงสุดถึง 2 TB)
- ผู้ใช้จะได้รับแหล่งเก็บข้อมูลบนระบบ Google Cloud จำนวน 100 GB ฟรี(ไม่ได้ระบุไว้แน่ชัดว่าเป็นระยะเวลาเท่าไรแต่คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 1 – 2 ปีครับ)
- กล้องหลังความละเอียด 12 MP (HTC UltraPixel™ 2), รูรับแสงขนาด f/1.8 และความยาวโฟกัสอยู่ที่ 26 mm(สามารถจับภาพมุมกว้างได้สูงสุด 80°), มาพร้อมเทคโนโลยีกันสั่น OIS, laser autofocus และ dual-LED (dual tone) flash
- กล้องหลังมาพร้อมกับฟีเจอร์ 1/2.3” sensor size, 1.55 µm pixel size, geo-tagging, touch focus, face detection, HDR, panorama
- กล้องหลังสามารถบันทึกวีดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 2160p @ 30fps, 1080p @ 60fps, 720p @ 120fps, HDR และ stereo sound rec.
- กล้องหน้าความละเอียด 5 MP, รูรับแสงขนาด f/1.8 และความยาวโฟกัสอยู่ที่ 23mm(สามารถจับภาพมุมกว้างได้สูงสุด 86°), มาพร้อมเทคโนโลยีกันสั่น OIS, autofocus, 1.34 µm pixel size
- กล้องหน้าสามารถบันทึกวีดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 1080p, HDR
- มาพร้อมกับลำโพง HTC BoomSound™ Hi-Fi Edition รองรับการให้เสียงเทคโนโลยี Dolby Audio™
- มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ GPS(รองรับ A-GPS), GLONASS/ BDS (เฉพาะในบางภูมิภาคที่รองรับ), Fingerprint, accelerometer, gyro, proximity และ compass
- การเชื่อต่อไร้สายรองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, DLNA, hotspot และ Bluetooth v4.2, A2DP, apt-X
- มาพร้อมการกันฝุ่นและกันน้ำตามมาตรฐาน IP53(กันฝุ่นได้ในระดับหนึ่งแต่ฝุ่นอาจจะยังเข้าสู่ตัวเครื่องได้และกันน้ำได้เฉพาะเมื่อโดนน้ำฉีดเข้ามาทำมุม 60 องศาจากแนวตั้งเท่านั้น)
- รองรับการเชื่อมต่อ 2G และ 2.5G บนคลื่นความถี่ 850/900/1800/1900 MHz
- รองรับการเชื่อมต่อ 3G UMTS บนคลื่นความถี่ 850/900/1900/2100 MHz
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ 4G LTE ตามมาตรฐาน Cat.9 ซึ่งสามารถทำความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลได้สูงสุดที่ 450 Mbps และความเร็วในการอัพโหลดข้อมูลได้สูงสุดที่ 50 Mbps
- รองรับการเชื่อมต่อ 4G FFD LTE บนคลื่นความถี่ 700 (band 28), 800 (band 20), 850 (band 5), 900 (band 8), 1800 (band 3), 2100 (band 1), 2600 (band 7) MHz
- รองรับการเชื่อมต่อ 4G TDD LTE บนคลื่นความถี่ 2300 (band 40), 2500 (band 41), 2600 (band 38) MHz
- มาพร้อมกับพอร์ทเชื่อมต่อ USB 3.1 Type-C Gen 1.0
- แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้เองรองรับเทคโนโลยี Quick Charge 3.0 ที่สามารถชาร์จจาก 0% ไปเป็น 50% ได้ภายใน 30 นาที
- ขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 145.9 x 71.9 x 9 mm
- น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 161 g
- มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Android 6.0.1 (Marshmallow)
- มีให้เลือก 3 สีได้แก่ Carbon Gray, Topaz Gold, Glacier Silver
- ราคาเปิดตัว(รุ่นที่มาพร้อมกับแหล่งเก็บข้อมูลภายในขนาดความจุ 32 GB) อยู่ที่ $699 หรือประมาณ 25,170 บาท
Design
ว่ากันต่อด้วยเรื่องของดีไซน์ที่ HTC 10 นั้นมีทั้งส่วนที่ยังคงคล้ายกับ HTC One M9(รวมไปถึง HTC One M8) และส่วนที่แตกต่างไป ทั้งนี้ส่วนที่ HTC 10 นั้นได้นำเอาดีไซน์ในส่วนที่ดีๆ ของรุ่นก่อนหน้ามาแล้วทำการปรับปรุงใหม่ให้มีความสวยงามมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเช่นหากดูจากทางด้านหลังของตัวเครื่อง(ตามภาพทางด้านบน) จะเห็นได้ครับว่าขอบรอบๆ ของตัวเครื่องนั้นไม่ได้เป็นแบบโค้งมนเหมือนกับในรุ่นก่อนหน้าอีกแล้ว โดยการปรับดีไซน์ในครั้งนี้นั้นทำให้การถือ HTC 10 ไว้ภายในมือทำได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น โครงสร้างของตัวเครื่องนั้นดูสมดุลมากๆ และตัวเครื่องโดยรวมที่ใช้โลหะเป็นวัสดุดูหรูหราถือแล้วให้ความรู้สึกว่าเป็นเครื่องระดับเรือธงจริงๆ ครับ
อีกจุดหนึ่งที่ HTC 10 เปลี่ยนไปจากเดิมเลยก็คือทางด้านหน้าของตัวเครื่องนั้นใน HTC 10 นี้ทาง HTC ได้เปลี่ยนดีไซน์ใหม่มาใช้ปุ่มแยกจากส่วนของหน้าจอ(เหมือนกับ Samsung) ซึ่งตำแหน่งของปุ่มตรงกลางนั้นจะเป็นปุ่ม Home ที่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือซ่อนอยู่(และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ HTC 10 ก็ทำหน้าที่ของมันได้ดีกว่า Samsung Galaxy S7 อีกด้วย)
อย่างไรก็ตามแต่ใช่ว่ามันมาพร้อมกับปุ่ม Home ตรงกลางของจอแล้วจะคลิกลงไปได้เหมือนกับของทาง Samsung นะครับ สงสัยเพื่อป้องกันการโดนฟ้องร้องในเรื่องของสิทธิบัตรทาง HTC ก็เลยออกแบบให้ปุ่มดังกล่าวไม่สามารถคลิกลงไปได้แต่มันจะสามารถทำงานได้ด้วยวิธีการสัมผัสแทน(ดังนั้นหากคุณเป็นผู้ใช้ที่เปลี่ยนสมาร์ทโฟนมาจาก Samsung แล้วหล่ะก็นี่อาจจะเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาหน่อยในการทำตัวให้ชินหล่ะครับ)
การมาพร้อมช่องเชื่อมต่อแบบ USB-Type C นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาครับ HTC สามารถที่จะจัดการการวางตำแหน่งของทั้งช่องเชื่อมต่อและปุ่มต่างๆ บน HTC 10 ได้อย่างลงตัวเป็นอย่างมากเลยทีเดียว แต่ท่ามกลางความลงตัวเหล่านี้ก็ใช่ว่ามันจะไร้ซึ่งข้อเสียเพราะ HTC 10 นั้นมีน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างจะมากกว่าคู่แข่งคือหนักถึง 161 g(เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอขนาดอยู่ใกล้เคียงกัน) และนอกไปจากนั้นยังค่อนข้างเป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่หนาอยู่เหมือนกันครับ(ในขณะที่คู่แข่งพยายามที่จะลดความหนาของตัวเครื่องลงเรื่อยๆ)
อีกหนึ่งจุดซึ่งอาจจะเป็นทั้งจุดที่ผู้ใช้บางคนเฉยๆ หรือผู้ใช้บางคนไม่ชอบ(เป็นประเด็นมาแล้วกับดีไซน์ของสมาร์ทโฟนระดับเรือธงหลายๆ รุ่น) ซึ่งนั่นก็คือส่วนของเลนส์กล้องหลังที่หากสังเกตดีๆ แล้วจะมีกรอบโลหะเคลือบครอบยื่นออกมาจากส่วนของด้านหลังตัวเครื่องเล็กน้อย ทั้งนี้ปัญหาจะเกิดขึ้นก็เมื่อผู้ใช้ทำการวางเครื่องโดยเอาหน้าจอขึ้นส่วนกรอบโลหะเคลือบนี้อาจจะไปขูดเอาเข้ากับพื้นผิวทำให้เกิดการถลอกขึ้นมาได้ครับ(จริงๆ แล้วจะเห็นได้ครับว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนหลายๆ บริษัทได้แก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของตัวเองในปี 2016 กันไปแล้ว)
Hardware Performance
ในส่วนของประสิทธิภาพต่างๆ ของตัวเครื่องนั้นด้วยความที่สเปคของตัวเครื่องจัดมาตามระดับเรือธงของปี 2016 ทั้งหมดทำให้ประสิทธิภาพของตัวเครื่องไม่ได้แตกต่างไปจากยี่ห้ออื่นมากเท่าไรครับ ส่วนของซอฟต์แวร์อย่าง HTC Sense UI ที่ครอบตัวระบบปฎิบัติการ Android เอาไว้อีกทีนั้นทาง HTC ก็สามารถที่จะทำออกมาได้ดีอยู่แล้วด้วยตั้งแต่ในสมัย HTC One M9 ทว่าอย่างไรก็ตามแต่แล้วหากคุณเป็นคนที่ยึดติดกับคะแนนของ Benchmark แล้วหล่ะก็ดูเหมือนว่า HTC 10 จะทำได้ไม่ค่อยดีสักเท่าไรครับเนื่องจากว่าคะแนนจาก GeekBench 3 ของ HTC 10 นั้นอยู่ที่ 4962 คะแนนเทียบไม่ได้เลยกับ Samsung Galaxy S7 ที่คะแนนโดดไปอยู่ที่ 6542 คะแนน และหากเทียบกับ HTC One M9 ที่ได้ 3803 คะแนนแล้วก็พบว่าต่างกันไม่เยอะมากเท่าไรครับ
การใช้งานทั่วไปของ HTC 10 นั้นไหลลื่นมากเลยทีเดียวด้วยการที่ทาง HTC ปรับซอฟต์แวร์มาใหม่ครับ(จะพูดถึงในตอนต่อไป) อย่างไรก็ตามแต่แล้วถ้ามาดูที่เรื่องของการเล่นเกมแล้วหล่ะก็ทาง techradar ได้ทดสอบการเล่นเกมบน HTC 10 ด้วยเกม 3 มิติที่จำเป็นต้องใช้เครื่องสเปคสูงๆ ในการเปิดเอฟเฟคแบบเต็มๆ อย่าง Modern Combat 5, N.O.V.A. 3 และ Real Racing 3 พบว่า HTC 10 นั้นสามารถรันเกมทุกเกมได้อย่างไม่มีปัญหาแถมด้วยแอปพลิเคชันปรับแต่งประสิทธิภาพของเครื่องอย่าง Boost+ ซึ่งเป็นของใหม่สดที่พึ่งจะมีมาใน HTC 10 นั้นยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับลดความละเอียดในการแสดงผลของเกมให้อยู่ที่ระดับ Full HD เพื่อลดการใช้งาน GPU มีผลให้เล่นได้เร็วกว่าเดิมและเครื่องเย็นกว่าเดิมด้วยครับ
ทั้งนี้ในการเล่นเกมแบบปกติโดยปรับประสิทธิภาพให้สูงสุดในทุกๆ เกมนั้นพบว่า HTC 10 ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 820 นั้นมีความร้อนของตัวเครื่องสูงขึ้นมาเล็กน้อยมากๆ ไม่เหมือนกับในสมัย Snapdragon 810 ที่จะร้อนแบบรู้สึกได้ชัดเจน แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้มีข้อเสียที่ร้ายแรงซึ่งนั่นก็คือเรื่องของความสว่างของหน้าจอที่เป็นผลมาจากการที่ทาง HTC ยังคงยึดติดกับเทคโนโลยียุคเก่าอย่างการใช้ panel หน้าจอเป็น Super LCD 5 ที่ถึงแม้ว่าสีของหน้าจอจะดูเป็นธรรมชาติก็จริงแต่มันก็ไม่ได้ดีเหมือนกับเทคโนโลยี IPS, AMOLED หรือ Super AMOLED แล้วครับ
จุดด้อยของการใช้ panel หน้าจอเป็น Super LCD 5 นั้นทำให้ HTC 10 เป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่ไม่สู้แสงเท่าไรมากนักและปัญหาใหญ่มากๆ เลยของเทคโนโลยีหน้าจอแบบ LCD ก็คือมุมมองของหน้าจอที่ต่ำมากๆ เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ ทำให้เวลาที่มองหน้าจอ HTC 10 ผิดมุมไปเล็กน้อยก็จะเริ่มไม่ชัดเจนเหมือนมองตรงๆ แล้ว(แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบในความเป็นส่วนตัวอย่างเช่นการใช้สมาร์ทโฟนในที่สาธารณะอย่างรถไฟฟ้าที่มีคนแน่นๆ HTC 10 น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียวสำหรับการปิดบังสิ่งที่คุณกำลังดูอยู่บนหน้าจอของคุณครับ)
Camera Performance
อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงของ HTC 10 ก็คือเรื่องของกล้องหลังที่บน HTC 10 นั้นใช้หลักการคล้ายๆ กับทาง Samsung Galaxy S7 คือลดความละเอียดของเซ็นเซอร์ลงแต่ไปปรับแต่งในส่วนของขนาดรูรับแสงให้ดีกว่าเดิมทำให้ HTC 10 นั้นสามารถที่จะถ่ายภาพได้ดีขึ้นถึงแม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อย ซึ่งหากจะว่าไปแล้วการปรับปรุงในครั้งนี้นั้นเกิดขึ้นมาจากทาง HTC ใส่ใจในเสียงตอบรับของผู้บริโภคแล้วนำไปปรับปรุงให้กล้องบนเรือธงของตัวเองนั้นมีประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้นกว่าเดิมครับ
ถึงแม้ว่าเซ็นเซอร์ความละเอียดจะลดลงจาก 20 MP เหลือเพียง 12 MP แต่ด้วยการเพิ่มความสามารถอื่นๆ เพิ่มเติมเข้ามาจนทาง HTC เรียนเทคโนโลยีเซ็นเซอร์กล้องบน HTC 10 ใหม่ว่า Ultrapixel 2 นั้นทำให้การจับภาพต่างๆ ดีขึ้น ภาพที่ได้ไร้ซึ่งจุด noise, มีความคมชัด, เก็บรายละเอียดได้ดี การประมวลผลภาพหลังกดถ่ายเร็วมากกว่าเดิม ข้อเสียอย่างเดียวของระบบกล้องของ HTC 10 นั้นอยู่ที่ซอฟต์แวร์ซึ่งมันดูแล้วไม่ค่อยจะแตกต่างไปสักเท่าไรจาก Camera ของทาง Google หรือจะให้เรียกว่าบ้านๆ ก็คงได้แต่บ้านๆ แบบนี้ก็มีฟีเจอร์การใช้งานครบถ้วนตามฉบับเรือธงนะครับ
อีกจุดเด่นที่น่าสนใจก็คือฟีเจอร์ของการเก็บภาพแบบ Pro mode(หรือ Raw mode ของทาง HTC) ที่ทาง HTC เพิ่มขึ้นมาบน HTC 10 นี้ซึ่งทำได้ค่อนข้างดีทีเดียวเพราะถึงแม้ว่าตอนประมวลผลเก็บภาพจะต้องใช้เวลาเล็กน้อยแต่ทว่าขนาดของไฟล์ภาพ Pro mode นั้นก็อยู่ที่ 1 – 2 MB ต่อภาพเท่านั้นเรียกได้ว่าน่าประทับใจเป็นอย่างมาก(แต่คงไม่เหมาะที่จะเอาไปใช้งานในการถ่ายภาพแบบต่อเนื่องถึงแม้ว่าตัวเครื่อง HTC 10 จะมาพร้อมระบบกันสั่น OIS ด้วยก็ตาม) ทั้งนี้ถึงจะบอกว่าต้องใช้เวลาในการประมวลผลก่อนการถ่ายภาพต่อไปสักพัก แต่ระยะเวลาในการประมวลผลภาพใน Pro mode นั้นก็อยู่ที่ราวๆ 1.5 – 2 วินาทีเท่านั้นครับ(สำหรับผู้ใช้ทั่วไปอาจจะไม่ค่อยมีปัญหา แต่กับมืออาชีพนี่เวลาแค่วินาทีเดียวก็เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างได้นะครับ)
จุดที่กล้องของ HTC 10 จะตกม้าตายเลยจริงๆ ก็คือการถ่ายรูปในสภาพแวดล้อมที่มีจุดกำเนิดแสงมากและสภาพแวดล้อมนั้นแสงน้อย(ภาพด้านล่างสุดในปรระมวลภาพ) ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนเลยครับว่าภาพที่ได้เบลอจับโฟกัสไม่ได้และยังคงมี noise เกิดขึ้นมาในภายไม่ว่าจะพยายามปรับโหมดไปในรูปแบบใดก็จะให้ภาพในลักษณะคล้ายๆ กันในการทดลองของ techradar แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทาง techradar ก็ได้บอกเอาไว้ครับว่าหากผู้ถ่ายมีความเป็นมือโปรในการปรับแต่งเอฟเฟคต่างๆ มากกว่านี้อาจจะทำให้ภาพที่ได้จากจุดเดียวกันไม่เหมือนกันที่ทาง techradar ถ่ายได้ก็เป็นได้(เนื่องจากคนเขียนรีวิวนี้ของ techradar ไม่ได้มีความรู้ในเรื่องของการปรับกล้องโดยตรงและต้องการใช้ฟีเจอร์ที่มีมาในแอปพลิเคชันกล้องหลักเท่านั้นครับ)
ในส่วนของกล้องหน้าสำหรับการถ่าย Selfie ที่มาพร้อมกับระบบกันสั่น OIS ในตัวซึ่งไม่ค่อยจะได้เห็นผู้ผลิตรายอื่นๆ ใส่มาให้เท่าไรนั้นน่าจะถูกใจชาว Selfie ได้เป็นอย่างดีเพราะมันสามารถที่จะทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดีและที่ความละเอียดระดับ 5 MP นี้ก็ได้ภาพที่คมชัดสวยสบายตาเอาเป็นว่าเรื่องกล้องนั้นดีหรือไม่ดีคงไม่มีใครตอบได้นอกเหนือไปจากตัวผู้ใช้จะต้องไปลองดูว่าชอบหรือไม่ชอบแต่ HTC 10 นั้นสามารถทำคะแนน Benchmark ของ DxO Mark ได้สูงถึง 88 คะแนนครับ
ประมวลภาพจากกล้อง HTC 10
‘standard’ photo mode
HDR mode
HDR mode
HDR mode
Pro mode (RAW Enhancement)
Pro mode (RAW Enhancement)
Pro mode (RAW Enhancement)
Pro mode (RAW Enhancement)
Software and Feature
ดูในส่วนของทางด้านฮาร์ดแวร์แล้วเรามาดูด้านซอต์ฟแวร์กันบ้างครับ สำหรับบน HTC 10 นั้นบอกได้เลยครับว่ามีอะไรหลายๆ อย่างเปลี่ยนไปเป็นอย่างมากในส่วนของซอฟต์แวร์โดยเฉพาะในเรื่องของอินเตอร์เฟซเพราะส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากการปรับดีไซน์ที่เปลี่ยนปุ่มแยกส่วนของหน้าจอกับปุ่มออกจากกันไปเลยหล่ะครับ จริงๆ แล้วความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ในสมัย HTC One A9 ที่ทาง HTC ได้ร่วมมือกับทาง Google ในการออกแบบ UI ใหม่สำหรับครอบทับ Android แล้วกินสเปคน้อยที่สุดแล้วซึ่งผลของมันนั้นน่าทึ่งมาก(และ Samsung ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างจริงๆ ครับ)
บน HTC 10 จะไม่มีแอปพลิเคชันที่ทับซ้อนกับแอปพลิเคชันของทาง Google มาให้แกะกะเครื่องอีกต่อไป(หรือที่เราเรียกกันว่า bloatware นั่นแหละครับ) ผลก็คือด้วยการตัดแอปพลิเคชันที่ทำงานทับซ้อนกับแอปพลิเคชันของทาง Google ไปนั้นทำให้ HTC เองสามารถที่จะทำการอัพเดทตัวเครื่องเป็นระบบปฎิบัติการ Android เวอร์ชันใหม่ๆ ได้เร็วมากขึ้นกว่าเดิมไม่ต้องกลัวเรื่องของการเข้ากันไม่ได้อีกต่อไป แต่ก็ใช่ว่าการตัดแอปพลิเคชันที่ทับซ้อนกันทิ้งไปนี้จะมีแต่ข้อดีอย่างเดียวนะครับ
ในสายตาของ techradar นั้นมองว่าแอปพลิเคชันหลายๆ อย่างที่เป็นแอปพลิเคชันของ HTC นั้นก็มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าแอปพลิเคชันของ Google ตัวอย่างเช่นแอปพลิเคชัน Mail ของ HTC(ซึ่งโชคดีที่ยังมีอยู่บน HTC 10) นั้นมีประสิทธิภาพการใช้งานดีกว่า G-mail เพราะเพียงแค่ใส่เมลไปก็จบ(แถมยังสามารถใช้งานร่วมกับเมลรายอื่นๆ ที่ไม่ใช่ G-mail ได้ด้วย) ในทางกลับกันแอปพลิเคชันบางอันของ HTC ก็แย่ลงเหมือนกันอย่างเช่น BlinkFeed ที่บน HTC 10 นี้ใช้งานยากกว่าเก่าครับ
อย่างไรก็ตามแต่ทาง HTC ได้เลือกที่จะติดตั้งแอปพลิเคชันดังๆ อย่างเช่น Facebook และ Instagram มาให้บนเครื่องเลยตั้งแต่ต้นซึ่งก็อาจจะมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ผู้ใช้บางคนอาจจะใช้หรือไม่ใช้แอปพลิเคชันดังกล่าว แต่อย่างน้อยก็ยังดีตรงที่ว่าทาง HTC ก็เปิดให้ผู้ใช้สามารถที่จะทำการลบแอปพลิเคชันต่างๆ ที่ติดตั้งในตอนต้นออกได้เอง ดังนั้นโดยรวมแล้ว HTC 10 มีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ครอบ Android ที่ดีขึ้นกว่าเดิมมากๆ ครับ
Movies & Music
แอปพลิเคชันสำหรับการเล่นไฟล์มีเดียวที่เป็นวีดีโอของ HTC 10 สามารถทำงานได้ดีครับ โดยมันสามารถที่จะเล่นไฟล์วีดีโอที่ความละเอียดสูงถึงระดับ 4K โดยไม่กระตุกได้อย่างสบายๆ บนหน้าจอระดับ QHD นี้ ความคมชัดของภาพที่ได้ก็ดีเยี่ยม สีที่ได้ก็ดูเป็นธรรมชาติ แต่ทว่าข้อเสียของมันนั้นก็จะเหมือนกับที่บอกไปในตอนต้นว่าด้วยเทคโนโลยี panel หน้าจอแบบ Super LCD 5 ที่ไม่ค่อยมีใครจะใช้เท่าไรแล้วทำให้มันดูไม่สดถ้าเอาไปเทียบกับหน้าจอที่ใช้ panel แบบอื่นและมุมมองของภาพก็จะแคบมากอีกด้วยครับ
ในส่วนของเรื่องเสียงนั้นหลังจากที่ทาง HTC ไม่ได้ร่วมงานกับ Beats อีกแล้วอาจจะมีใครหลายๆ คนกลัวว่าเรื่องระบบเสียงบน HTC 10 จะด้อยลง แถมด้วยการเปลี่ยนดีไซน์ที่จากเดิมลำโพงเคยอยู่ที่หน้าจอโดยตรงไปเป็นด้านข้าง(บนและล่าง) จะทำให้เสียงของ HTC 10 ทำออกมาได้ไม่ดีเท่าไรนักบอกเลยครับว่าคุณคิดผิดแล้วเนื่องจากว่าเสียงของ HTC 10 นั้นยังทรงพลังไม่ว่าจะผ่านบนลำโพงของตัวเครื่องหรือผ่านหูฟังซึ่งทั้งนี้ต้องขอบบคุณที่ทาง HTC ยังคงพัฒนาเรื่องของเสียงต่อให้ HTC 10 รองรับ 24-bit Hi-Fi sound ที่สามารถจะทำการอัพสเกลของเสียงจากแอปพลิเคชันที่มีระดับบิทเสียงต่ำๆ ให้สูงขึ้นมาได้(อย่างเช่นแอปพลิเคชัน Spotify) ดังนั้นเรื่องเสียงที่ได้เวลาดูหนัง ฟังเพลงหรือแม้แต่เล่นเหมนั้นไม่ต้องไปกลัวเลยครับ HTC 10 ยังเจ๋งอยู่ครับ
Boost+
หนึ่งในแอปพลิเคชันเด็ดที่ถือว่าเป็นฟีเจอร์เด็ดที่ทาง HTC เพิ่มเข้ามาบน HTC 10 อย่าง Boost+ นั้นบอกได้เลยครับว่ามันสามารถที่จะใช้งานได้เป้นอย่างดี(แต่สำหรับส่วนตัวผู้แปลแล้วขอบอกว่า Boost+ นั้นค่อนข้างจะคล้าย Smart Manager ของทาง Samsung ที่มีฟีเจอร์มากกว่าครับ) บนแอปพลิเคชัน Boost+ นี้นั้นคุณสามารถทำการปรับแต่งประสิทธิภาพสำหรับแต่ละเกมได้(อย่างที่ได้พูดไปในตอนต้น) เพื่อเป็นการรีดเอาประสิทธิภาพของตัวเครื่องออกมามากที่สุดหรือจะปรับเพื่อให้เครื่องสามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ดีที่สุดก็ได้เช่นเดียวกัน
บน Boost+ นั้นคุณสามารถทำได้หลายอย่างมากๆ ที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพ แต่ที่เด็ดสุดแล้วคงหนีไม่พ้นการปรับในส่วนของการหยุดแอปพลิเคชันไม่ให้รันตัวเองขึ้นมาโดยอัตโนมัติ(ทว่ามีข้อเสียคือแอปพลิเคชันพวกแชทจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนหากไม่มีการเปิดแอป) กับฟีเจอร์ Game battery booster อย่างที่ได้บอกไปในตอนแรกครับ
Ice View Case
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ต้องใช้คู่กับฮาร์ดแวร์เคสเฉพาะตัวอย่าง Dot View ที่ในครั้งนี้ต้องใช้คู่กับเคสรุ่นใหม่ที่ชื่อ Ice View Case โดยลักษณะของการทำงานนั้นมันจะทำให้หน้าจอของตัวเครื่องที่แสดงผ่านเคสนี้แสดงผลในรูปแบบของภาพดีไซน์แบบ 8-bit ซึ่งบอกได้เลยครับว่าบน HTC 10 นั้นทาง HTC ได้อัพเกรดฟีเจอร์นี้ให้ออกมาดูดีมากขึ้นกว่าเดิม ใช้งานง่ายขึ้นกว่าเดิม มีตัวเลือกให้เลือกมากกว่าเดิม โดยส่วนดีๆ ทั้งหมดของเดิมนั้นทาง HTC ได้นำมาปรับปรุงให้ดีเพิ่มขึ้นแล้วใส่ความสามารถใหม่อย่างการรับสายเรียกเข้า, เลื่อนเพลง, เปิดกล้อง ผ่านทางหน้าจอตัวเคสได้แล้ว
หมายเหตุ – การแสดงผลแบบ 8-bit ผ่านทางหน้าจอ Ice View Case นี้ก็ดูดีมากกว่าเดิมเหมือนไม่ใช่ 8-bit ด้วย
แต่ครับแต่ ใช่ว่ามันจะไม่มีข้อเสียเลยนะครับ จากภาพทางด้านบนให้คุณลองสังเกตดูครับจะพบว่าในบางครั้งฝาหน้าของตัว Ice View Case มันจะปิดไม่แนบสนิทไปกับตัวเครื่อง(ซึ่งเป็นปัญหาแบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับ Dot View case) ผลก็คือเมื่อปิดไม่สนิทฟีเจอร์ Dot View นั้นก็ไม่ทำงานไปซะอย่างนั้นหล่ะครับ วิธีแก้ก็คือต้องเปิดฝาหน้ามาแล้วปิดใหม่ให้สนิท จนเห็นภาพ Dot View ขึ้นนั่นแหละครับถึงจะใช้งานได้ ตรงจุดนี้นั้นทาง HTC น่าจะต้องกาทางแก้ไขในส่วนของตัว Ice View Case ต่อไปหล่ะครับ
Battery Performance
ท้ายสุดเลยน่าจะเป็นสิ่งที่หลายๆ ท่านอยากจะทราบกันก็คือประสิทธิภาพของแบตเตอรี่บน HTC 10 ที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh เท่ากันกับ Samsung Galaxy S7 ว่ามันจะสามารถอยู่ได้นานมากแค่ไหน ทาง techradar ได้ทำการทดสอบใช้งานแล้วพบว่าเวลาในการใช้งานแบตเตอรี่ต่อการชาร์จเต็มบน HTC 10 หนึ่งครั้งนั้นขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้เลยครับ นั่นก็คือถ้าคุณใช้งานเครื่องมากๆ แบตก็จะลดลงเร็วอย่างต่อเนื่องแต่ว่าถ้าคุณปิดเครื่องไว้เฉยๆ แล้ว HTC 10 เข้าสู่โหมด deep sleep นั้นแบตเตอรี่แทบจะไม่ลดลงเลย(ไม่เกิน 1 – 2% ต่อชั่วโมง) ซึ่งตรงนี้นั้นน่าจะมาจากการที่ทาง HTC ได้ร่วมกับ Google ในการปรับปรุงซอฟต์แวร์ใหม่เหมาะสมกับ Android 6.0 Marshmallow หล่ะครับ
ทั้งนี้คงไม่มีใครซื้อ HTC 10 มาวางทิ้งไว้เฉยๆ แน่ครับ ในการใช้งานนั้น techradar พบว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากเมื่อมีการใช้งานแบบเปิดหน้าจอหนักๆ ทำนู่นทำนี่วนไปวนมาแบตเตอรี่ของ HTC 10 สามารถที่จะลดลง 20% ได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้นซึ่งถือว่าลดลงด้วยความรวดเร็วแบบสุดๆ จริงๆ(ทดสอบด้วยการใช้กล้อง, ตัดต่อภาพ, เล่นเกม, เล่นเว็บตลอดเวลา) เอาเป็นว่าเพื่อเป็นการทดสอบดูการทำงานเดิมๆ ซ้ำๆ ทาง techradar ได้ทำการทดสอบด้วยวิธีการเปิดไฟล์วีดีโอความละเอียด 1080p ทิ้งไว้เป็นระยะเวลา 90 นาที พบว่าลดลง 22% เมื่อครบ นาทีครับ(การทดสอบนี้เปิดความสว่างมากสุด)
จะเห็นได้ครับว่าหน้าจอแบบ Super LCD 5 ที่ใครหลายๆ คนคิดว่าประหยัดพลังงานกว่าหน้าจอแบบอื่นนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วเวลาใช้งานจริงด้วยความที่หน้าจอมันไม่ได้สว่างมากเท่าไรผู้ใช้ก็ต้องไปเร่งให้หน้าจอสว่างเพิ่มมากขึ้นอยู่ดีเพื่อเป็นการทดแทน โดยหากเทียบกับรุ่นอื่นที่ทดสอบด้วยวิธีเดียวกันแล้วนั้นพบว่า
- Samsung Galaxy S7 แบตเตอรี่ลดลง 13%
- iPhone 6s แบตเตอรี่ลดลง 30%
- Sony Xperia Z5 แบตเตอรี่ลดลง 25%
- HTC One M9 แบตเตอรี่ลดลง 31%
ที่น่าประหลาดใจก็คือถึงแม้ว่า HTC 10 จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Quick Charge 3.0 ซึ่งทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี แต่ใน HTC 10 นั้นกลับไม่รองรับการชาร์จแบบไร้สายในมาตรฐานใดๆ เลยเหมือนกับสมาร์ทโฟนเรือธงจากผู้ผลิตรายอื่นซึ่งตรงจุดนี้นั้นอาจจะเป็นจุดที่ทำให้ HTC 10 เสียโอกาสไปได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียวครับ
Conclusion
สำหรับ HTC 10 นั้นหากคุณเป็นแฟนของ HTC อยู่แล้วน่าจะเป็นเรื่องไม่ยากเลยครับที่คุณจะตัดสินใจกลับไปคบหาดูใจกับ HTC 10 อีกครั้งเพราะมันไม่เหมือนกับสมัยที่ HTC One M9 ลอกเอา HTC One M8 มาเพิ่มนี่เติมหน่อย แต่ HTC 10 ได้รับการปรับปรุงออกมาเป็นอย่างดีให้เหมาะสมกับการเป็นเรือธงในปัจจุบันได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่ถ้าถามความเห็นผมจากใจแล้วหากนำไปเทียบกับเรือธงของคู่แข่ง HTC 10 ยังมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงอีกมากมายเลยทีเดียว การยึดจุดเด่นทำลายจุดด้อยของ HTC ยังไม่ชัดเจนเหมือนกับที่ Samsung ทำกับ Galaxy S6 มาเป็น Galaxy S7 และอะไรหลายๆ อย่างที่ดูเหมือนจะลงตัวมันก็ไม่ได้ลงตัวครับ
เหนือจุดอื่นใดเลยก็คือราคาเปิดตัวที่เกือบเท่า(และเท่าหรือมากกว่า) เรือธงของผู้ผลิตบางรุ่นที่ทำออกมาได้ดีกว่า HTC มากนั้นยิ่งทำให้ผู้บริโภคอย่างเราๆ ท่านๆ ต้องคิดหนักหล่ะครับงานนี้ว่า HTC 10 นั้นจะคุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายไปหรือไม่ งานนี้เงินในกระเป๋าของคุณจะหลุดออกมาให้กับ HTC 10 หรือไม่นั้น คุณเองต้องเป็นผู้ที่ตัดสินเอาแล้วหล่ะครับ
จุดเด่น
- สเปคสูง
- ดีไซน์สวยงามจับกระชับมือดูหรูหรา
- ระบบกล้อง Pro Mode ที่ใช้งานได้ดีมากจริงๆ ในที่ที่มีแสงมากพอ
- ระบบเสียงที่ยังคงความเป็น HTC ซึ่งดีกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ เป็นอย่างมาก
- มีการปรับปรุงเรื่องขนาดของแบตเตอรี่ให้เหมาะสมกับการเป็นเรือธง
จุดด้อย
- ระบบซอฟต์แวร์คีย์บอร์ดที่ติดตัวมาของ HTC 10 ไม่ค่อยดีใช้งานยาก ผู้ใช้ควรหาคีย์บอร์ดอื่นใน Google Play Store ใช้แทน
- ระบบกล้องที่พอเจอสภาพแสงน้อยๆ แต่มีจุดกำเนิดแสงมากจะไม่สามารถจับโฟกัสได้ผลที่ได้คือภาพเบลอ
- ดีไซน์ของตัวเครื่องที่หากดูผ่านๆ แล้วไม่ได้เปลี่ยนไปจากตอน HTC One M9 มากเท่าไรนัก
- ถึงแม้ว่าระบบเสียงจะดีจริงแต่ก็สู้ลำโพง BoomSound แบบของเดิมไม่ได้(ทางด้านคุณภาพของเสียงที่ดร๊อปไปเนื่องจากการวางตัวของลำโพงที่เปลี่ยนตำแหน่งไปจากรุ่นเดิม)
- แบตเตอรี่ยังคงหมดเร็วหากใช้งานในสภาวะปกติ
- Ice View Case มีปัญหา
- ซอฟต์อแวร์ยังมีปัญหาให้พบข้อผิดพลาด(จนถึงระดับ Force Close) บ้าง
ที่มา : techradar, HTC Thailand, gsmarena, phonearena