คงจะไม่มีอะไรที่ทำให้ผู้ซื้อโน๊ตบุ๊ครู้สึกเจ็บใจมากไปกว่าการที่เห็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ที่คุณพึ่งซื้อมาสดๆ ร้อนๆ ไม่นานอยู่ๆ ก็ลดราคาลงแบบน้ำตาตก(หรือบางทีก็จัดโปรโมชันลดแลกแจกแถมกันเข้าไปอีกต่างหาก) หรือหนักเข้าไปกว่านั้นก็คือการซื้อ MacBook สดๆ ร้อนๆ ในวันที่ 1 มีนาคมแล้วพออีก 1 อาทิตย์ต่อมา Apple ดันจัดงานเปิดตัว MacBook รุ่นอัพเกรดที่มาพร้อมกับความสดใหม่มากกว่าแถม Apple ยังจัดหนักให้คุณด้วยการลดราคาเครื่องรุ่นเก่าลงแบบไม่ไว้หน้าคุณด้วยอีกต่างหาก งานนี้เชื่อว่าหลายๆ ท่านคงเจอปัญหาดังกล่าวนี้มาหลายต่อหลายครั้งหล่ะครับ(หรืออย่างน้อยก็ต้องเคยสักครั้งหนึ่งในชีวิตของคุณแน่ๆ ครับ
ดังนั้นแล้วสิ่งที่น่าคิดมากที่สุดนอกเหนือไปจากการเลือกสเปคของโน๊ตบุ๊คให้เป็นไปตามที่คุณต้องการแล้วก็คือคุณควรจะซื้อโน๊ตบุ๊คในช่วงเวลาไหนดีถึงจะเจ็บตัวน้อยที่สุด(จากการจัดโปรลดแลกแจกแถมหรือไม่ก็การโดนหักหลังด้วยการเปิดตัวรุ่นใหม่) ซึ่งคำตอบที่ได้ของแต่ละคนนั้นบอกได้เลยครับว่าจะแตกต่างกันไปและขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของคุณเป็นส่วนสำคัญด้วย วิธีการตัดสินใจจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นมาดูกันครับ
คุณต้องการโน๊ตบุ๊ค ณ ตอนนี้เลยใช่หรือไม่?
คำถามแรกที่คุณจะต้องตอบตัวเองให้ได้เลยก็คือตัวคุณนั้นจำเป็นที่จะต้องได้โน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ ณ เวลานั้นเลยหรือไม่ครับ ถ้าคำตอบของคุณคือใช่หล่ะก็ เวลานั้นแหละครับที่เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่คุณจะเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ได้เลยและไม่ต้องไปกังวลกับการลดราคาหรือการจัดโปรโมชันลดแลกแจกแถมรวมไปถึงการออกรุ่นใหม่ในภายหลังครับ ให้คุณถือซะว่าคุณมีความจำเป็นจะต้องใช้งานโน๊ตบุ๊ค ณ ตอนนั้น(หรือในช่วงเวลานั้น) การรอคอยเวลาให้ราคาลดหรือมีรุ่นใหม่เปิดตัวออกมานั้นอาจจะทำให้โอกาสทางด้านการใช้งานไม่ว่าจะเป็นโอกาสทางด้านธุรกิจหรือการเรียนของคุณเสียหายได้ … คิดแบบนี้เข้าไว้แล้วคุณจะไม่กังวลครับ
หมายเหตุ – สถานการณ์ดังกล่าวที่จำเป็นต้องได้โน๊ตบุ๊ค ณ เวลานั้นๆ ทันที(หรือในช่วงนั้นทันที) โดยไม่สามารถรอนานได้ก็อย่างเช่นว่า โน๊ตบุ๊คเครื่องปกติที่คุณใช้ในการทำงานเกิดพังขึ้นมา, คุณต้องการเครื่องที่มีประสิทธิภาพมากกว่าในการทำงานหรือเล่นเกมที่เร็วที่สุดหรือการซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องแรกให้กับลูกหลานของคุณเพื่อใช้ในการศึกษาซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นเครื่องที่มาราคาแพงมากและต้องเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดเสมอไปครับ
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่คำตอบของคำถามนี้ของคุณคือคุณยังไม่มีความจำเป็นจะต้องซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ ณ ตอนนั้น(หรือในช่วงเวลานั้น) คุณสามารถที่จะยังรอคอยต่อไปได้สักพัก ดังนั้นแล้วจงใช้เวลาในการรอคอยเครื่องรุ่นใหม่โดยการเก็บเงินเพิ่มเพื่อที่จะดูโน๊ตบุ๊คที่จะออกมาใหม่ในอนาคตว่าเหมาะสมกับความต้องการของคุณหรือไม่ครับ
อย่างไรก็ตามแต่แล้วโดยปกติทั่วไปนั้นผู้ผลิตส่วนใหญ่มักจะมีระยะเวลาในการอัพเกรดโน๊ตบุ๊คของตัวเอง ตามกลไกของการตลาดที่คุณสามารถสังเกตได้อยู่อย่างชัดเจนครับ ซึ่งการสังเกตช่วงระยะเวลาในการอัพเกรดโน๊ตบุ๊คของแต่ละผู้ผลิตนั้นนอกจากจะทำให้คุณสามารถกำหนดช่วงเวลาในการซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่ได้ถูกแล้ว ตัวคุณเองยังจะสามารถวางแผนทางด้านการเงินให้เหมาะสมได้อีกด้วย ลองมาดูตัวอย่างของผู้ผลิตรายใหญ่ๆ บางรายดูดีกว่าครับว่าพวกเขาจะมีช่วงเวลาในการอัพเกรดโน๊ตบุ๊คของตัวเองอย่างไรบ้าง
Apple กับ MacBook
โดยปกติทั่วไปนั้น Apple มักจะมีช่วงเวลาในการทำการอัพเกรด MacBook ปีละครั้งครับ แต่ทว่าสิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องระวังกับการอัพเกรดของ Apple ให้ดีก็คือทาง Apple นั้นมักจะไม่ทำการอัพเกรด MacBook โมเดลเดียวกันในช่วงเวลาที่ใกล้ๆ กัน ตัวอย่างเช่นครั้งล่าสุดที่ทาง Apple อัพเกรด MacBook ก็คือ MacBook Air ในช่วงต้นปี 2015, MacBook 12″ และ MacBook Pro 13.3″ ในช่วงมีนาคม 2015 และ MacBook Pro 15″ ในช่วงพฤษภาคม 2015 ที่ผ่านมาครับ
ทั้งนี้ในงานวันที่ 21 มีนาคม 2016 ที่ผ่านมานั้นทาง Apple ไม่ได้ทำการเปิดตัว MacBook รุ่นอัพเกรดประจำปี 2016 ออกมาเลยครับ นักวิเคราะหฺ์และสื่อหลายๆ สำนักอย่างเช่น DigiTimes ได้คาดการณ์เอาไว้ว่า Apple น่าจะทำการเปิดตัว MacBook รุ่นอัพเกรดประจำปี 2016 ในงาน WWDC 2016 ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ โดยตามข่าวลือนั้นระบุเอาไว้ว่า MacBook รุ่นใหม่จะแรงกว่าเดิมด้วยหน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรม Skylake ใหม่ของทาง Intel ซึ่งจะมีผลทำให้ดีไซน์ของตัวเครื่องเบาและบางลงกว่าเดิมอีกด้วยต่างหากครับ
ฉะนั้นแล้วถ้าคุณเป็นแฟนฝั่ง Apple ที่กำลังรอ MacBook อยู่หล่ะก็ เก็บเงินของคุณไว้ให้ดีแล้วรอในช่วงเดือนพฤษภาคมหรือไม่ก็มิถุนายนนี้ครับรับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
กำหนดการอัพเกรดและการขายโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ของผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คระบบปฎิบัติการ Windows
สำหรับผู้ผลิตรายอื่นๆ ในตลาดที่ผลิตโน๊ตบุ๊คระบบปฎิบัติการ Windows เป็นหลักนั้นมักจะมีช่วงเวลาของการเปิดตัวโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่หรือรุ่นอัพเกรดที่ค่อนข้างจะตายตัวและเหมือนกันหมดดังต่อไปนี้ครับ
- ช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ของนักเรียนนักศึกษา(อยู่ในช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงกรกฎาคม)
- ช่วงวันหยุดยาว(อยู่ในช่วงเดือนกันยายนไปจนถึงธันวาคมที่มีเทศกาลของฝั่งตะวันตก(เทศกาลทางศาสนาคริสต์) ค่อนข้างมาก)
- ช่วงฤดูใบไม้ผลิ(อยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงเดือนเมษายน)
โดยปกติแล้วใน 3 ช่วงเวลาดังกล่าวนี้โน๊ตบุ๊คมักจะมีการเปิดตัวใหม่และมีการจัดโปรโมชันลดราคามากเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามแต่แล้วถ้าจะเอาช่วงเวลาที่ดีที่สุดซึ่งมีทั้งโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ให้เลือกจำนวนมากพร้อมกับราคาโปรโมชันนั้นคงหนีไม่พ้นในช่วงเดือนมิถุนายน, กรกฎาคม, พฤศจิกายนและธันวาคม ทั้งนี้ในเมืองไทยเรานั้นช่วงเวลาที่ดีที่สุดคงจะหนีไม่พ้นช่วงของงานคอมพิวเตอร์อย่างเช่นงาน Commart เป็นต้นซึ่งโดยปกติแล้วจะมีจัดขึ้นในทุกๆ ไตรมาสครับ
นักวิเคราะห์อย่าง Stephen Baker จากสำนักวิเคราะห์การตลาด NPD Group ซึ่งศึกษาช่วงเวลาที่คอมพิวเตอร์ PC และโน๊ตบุ๊คจะมีราคาที่ดีที่สุดต่อสเปคยืนยันเอาไวหนักแน่นเลยครับว่าในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายนไปจนถึงต้นเดือนกรกฎาคมคอมพิวเตอร์ PC, โน๊ตบุ๊คจนกระทั่ง Mac จะมีราคาดีที่สุด ตัวอย่างเช่น MacBook Air 13.3″(Core i5, 128 GB SSD) จะมีราคาแพงสุดในช่วงเปิดตัวตอนเดือนมีนาคมคืออยู่ที่ $999 หรือประมาณ 35,970 บาท พอมาในช่วงปลายเดือนมิถุนายนจะมีราคาตกลงมาอยู่ที่ $849 หรือประมาณ 30,570 บาทก่อนจะดีดกลับขึ้นไปอยู่ที่ $950 และลดลงต่ำสุดในช่วงเดือนธันวาคมโดยจะมีราคาอยู่ที่ $850 หรือประมาณ 30,600 บาท ซึ่งราคานั้นจะขึ้นๆ ลงๆ เป็นไปดังกราฟทางด้านล่างนี้ครับ
หมายเหตุ – ราคาอ้างอิงจากเว็บไซต์ Amazon จะขึ้นๆ ลงๆ ไม่เหมือนกับราคาบนเว็บไซต์ของ Apple เองที่จะคงที่ตลอดจนกระทั่งมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ออกมาครับ
ในทำนองเดียวกันนั้นอีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่ามีช่วงเวลาของราคาที่ขึ้นๆ ลงๆ ตามช่วงที่ได้กล่าวไปก็คือ Lenovo ThinkPad T450s ซึ่งเปิดตัวในเดือนเมษายน ด้วยราคา $1,061 หรือประมาณ 38,200 บาท และตกลงมาอยู่ที่ $800 หรือประมาณ 28,800 บาทในช่วงปลายเดือนมิถุนายนไปจนถึงกลางกรกฎาคมก่อนจะดีดกลับขึ้นไปอยู่ที่ $900 และกลับมาลดลงอยู่ที่ $800 อีกครั้งในเดือนธันวาคมจนกระทั่งพ้นปี 2015 แล้วก็ตกลงมาที่ $773 หรือประมาณ 27,830 บาท โดยราคานั้นจะขึ้นๆ ลงๆ เป็นไปดังกราฟทางด้านล่างนี้ครับ
ทั้งนี้ทั้งนี้อย่างไรก็ดีแล้วไม่มีการการันตีที่แน่นอนครับว่าผลิตภัณฑ์ที่คุณมองอยู่และอยากเป็นเจ้าของนั้นจะมีราคาลดลงถูกกว่าเดิมในช่วงเดือนกรกฎาคมหรือในช่วงเดือนธันวาคมมากไปกว่าตอนที่มันเปิดตัวออกมา(หรือลดราคาครั้งแรก) ในช่วงเดือนเมษายน แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถที่จะนำมาใช้ในการพิจารณาได้ก็คือในกรณีผู้ผลิตโน๊ตบุ๊ครายอื่นๆ ที่ไม่ใช่ Apple นั้นในช่วงเวลากรกฎาคมหรือธันวาคมนั้นคุณอาจจะพบกับเครื่องรุ่นอัพเกรดสเปคที่ราคาเท่ากับของเดิมแต่ประสิทธิภาพดีกว่าครับ
หมายเหตุ – หลักการเดียวกันนี้สามารถใช้กับในประเทศไทยได้ด้วยเช่นเดียวกันโดยหากสังเกตในงาน Commart หรืองานใหญ่ๆ ที่มีการจัดโปรโมชันนั้นราคาที่ลดลงจะไม่ได้มากจนทำให้เกิดความแตกต่างได้อย่างชัดเจนมากเท่าไรนักแต่สิ่งที่คุณจะได้มาแทนก็คือของแถมล่อตาล่อใจอื่นๆ ที่มากกว่าตอนที่คุณทำการซื้อในช่วงเวลาปกติครับ
หมายเหตุ 2 – ตัวอย่างของโน๊ตบุ๊คที่ไม่มีการลดราคาลงเลยตั้งแต่เปิดตัวได้แก่ Dell XPS 13 ที่ตั้งแต่เปิดตัวนั้นราคาอยู่ที่ $999 หรือประมาณ 36,000 บาทตลอด(จะเว้นก็แต่ตอนที่ Microsoft จัดโปรโมชันลดราคาที่ Dell XPS 13 มีราคาลดลงเหลือ $685 หรือประมาณ 24,660 บาทเท่านั้นแต่ก็เฉพาะในบางประเทศซึ่งในไทยนั้นอดไป) โดย Dell XPS 13 นั้นราคาคงที่ตลอดจนกระทั่งทาง Dell ออกรุ่นอัพเกรด XPS 13 ออกมาใหม่ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรม Skylake ของทาง Intel, USB Type-C ฯลฯ โดยราคาจำหน่ายเริ่มต้นคงเดิมและรุ่นเดิมนั้นก็ถูกเก็บออกไปจากตลาดทันทีครับ
ฉะนั้นแล้วถ้าคุณคิดจะใช้เกณฑ์ของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นอัพเกรดหรือการเปิดตัวรุ่นใหม่ลงสู่ตลาดเพื่อซื้อโน๊ตบุ๊ครุ่นที่ต้องการในช่วงที่มันมีราคาลดต่ำลงมากที่สุดแล้วหล่ะก็ หากเป็นที่ต่างประเทศคุณจะต้องดูในช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคมหรือไม่ก็เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนธันวาคม ส่วนในประเทศไทยนั้นให้ดูในช่วงของงานคอมพิวเตอร์ใหญ่ๆ เป็นหลักซึ่งส่วนมากจะจัดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ต่างประเทศลดราคาอยู่แล้วครับ
การอัพเกรดหน่วยประมวลผลของทาง Intel ที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์แบบเต็มๆ
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยเวลาที่คุณจะทำการเลือกซืท้อโน๊ตบุ๊คสักเครื่องหนึ่งเพื่อไม่ให้โดนหักหลังในช่วงเวลาไม่นานมานักก็คือตารางการอัพเกรดหน่วยประมวลผลหลัก(CPU) ที่ผู้ผลิตนิยมใช้บนโน๊ตบุ๊คมากที่สุดอย่าง Intel ครับ สิ่งสำคัญเลยก็คือถึงแม้ว่าผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คจะทำการออกโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ได้ 3 ครั้งในระยะเวลา 1 ปี(ตามที่ได้กล่าวไปแล้วในหัวข้อที่ผ่านมา) แต่ผู้ผลิตก็จะไม่สามารถที่จะทำการอัพเกรดครั้งใหญ่อย่างการเปลี่ยนหน่วยประมวลผลได้อย่างน้อยก็ในช่วง 12 – 18 เดือนขึ้นไปต่อครั้งเพราะว่าผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คต้องรอให้ทาง Intel เปิดตัวหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่และส่งไปยังผู้ผลิตให้ทำการผลิตก่อนครับ
ในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้นี้(เน้นว่าในอนาคตอันใกล้นะครับเพราะไม่แน่ว่าหากนานไปกว่านี้หลักการที่กำลังจะพูดถึงต่อไปนี้อาจจะใช้ไม่ได้แล้ว) คุณสามารถที่จะยึดหลักการดูโน๊ตบุ๊คที่คุณต้องการตามรุ่นของหน่วยประมวลผลซึ่งโดยปกติแล้วทาง Intel จะทำการอัพเกรดหน่วยประมวลผลของตัวเองในรูปแบบที่เรียกว่า Tick และ Tock วิธีสังเกตที่ดีที่สุดคือให้ดู Gen หรือรุ่นของหน่วยประมวลผลที่เป็นเลขคู่ซึ่งมักจะมาพร้อมกับสถาปัตยกรรมในลักษณะแบบเดิมแต่มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยให้เข้ากับกระบวนการการผลิตที่เล็กลงกว่าเดิมครับ ผลที่ได้นั้นก็คือประสิทธิภาพจะเพิ่มมากขึ้น, หน่วยประมวลผลประหยัดพลังงานมากขึ้นและรองรับกับเทคโนโลยีที่ใหม่ขึ้น
หมายเหตุ – เอาง่ายๆ เลยก็คือให้ดูความต่างใน 2 รุ่น อย่างเช่นรุ่นที่ 5(Broadwell) และ รุ่นที่ 6(Skylake) ซึ่งต่างกัน 2 รุ่นแต่จะมีประสิทธิภาพแตกต่างกันอย่างชัดเจนโดยทั้ง 2 รุ่นนี้จะใช้กระบวนการผลิตที่ระดับเดียวกันคือที่ระดับ 14 nm ครับ
ในการอัพเกรดหน่วยประมวลผลครั้งต่อไปของทาง Intel นั้นจะเกิดขึ้นในช่วงกลางปี 2016 ไปกัลหน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรม Kaby Lake ซึ่งยังคงใช้สถาปัตยกรรมการผลิตที่ระดับเดิมคือ 14 nm และกว่าที่จะทำการส่งให้ผู้ผลิตได้ทำการผลิตโน๊ตบุ๊คออกมานั้นก็คงจะเป็นในช่วงต้นปี 2017 นู่นเลย ดังนั้นหากดูตามหลักการดังกล่าวแล้วนั้น Kaby Lake จะยังคงมีประสิทธิภาพที่ได้ได้กระโดดไปจาก Skylake มากเท่าไรนักดังนั้นในช่วงปลายปี 2016 นี้(หรือกลางปี 2016) ก็ยังถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีอยู่ที่คุณจะทำการซื้อโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ครับ
ฉะนั้นแล้วหากจะเอาหน่วยประมวลผลเป็นเกณฑ์ในการซื้อโน๊ตบุ๊คแล้วหล่ะก็ช่วงนี้คุณสามารถที่จะซื้อโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรม Skylake ได้เลยไม่ต้องรอเวลานานมากก็ได้ครับ
หมายเหตุ – หลักการนี้ใช้ไม่ได้กับการมองในส่วนของกราฟิกชิปแยกบนโน๊ตบุ๊คนะครับเพราะโดยทั่วไปแล้วนั้นกราฟิกชิปแยกบนโน๊ตบุ๊คนั้นจะทำการออกรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมออกมาเป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าคุณพบว่ากราฟิกชิปบนโน๊ตบุ๊คที่คุณอยากจะได้เพียงพอต่อการใช้งานแล้วหล่ะก็ไม่จำเป็นต้องรอครับคุณสามารถที่จะซื้อได้เลยเพราะถ้าขืนคุณรอให้กราฟิกชิปอัพเดทใหม่เรื่อยๆ คุณก็ต้องรอไปเรื่อยๆ ไม่ได้ซื้อสักทีครับ
โน๊ตบุ๊คโมเดลรุ่นเก่าไม่ได้หมายความว่าจะถูกลงเมื่อมีโมเดลรุ่นใหม่ออกมาเสมอไป
หลายคนมีความคิดว่าเมื่อมีโน๊ตบุ๊คโมเดลใหม่ๆ ออกมาในตลาดแล้ว โน๊ตบุ๊คโมเดลรุ่นเก่าที่คุณมองเอาไว้จะราคาตกลงมาพอที่จะทำให้คุณซื้อได้แบบสนิทใจ บอกได้เลยครับว่าโมเดลดังกล่าวนี้ใช้ไม่ได้กับผู้ผลิตบางรายตัวอย่างเช่น MSI กับ GT72 Dominator กับ GT72 Dominator Pro-211 ซึ่งเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนครับว่ารุ่นเก่าที่ออกมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2014 นั้นราคาอยู่ที่ $2,300 หรือประมาณ 82,800 บาทพอมาในช่วงเดือนกรกฎาคม 2015 ราคาของรุ่นนี้ลดลงมาอยู่ที่ $1,899 หรือประมาณ 68,370 ซึ่งเป็นราคาที่น่าซื้อเป็นอย่างมาก
ทว่าหลังจากที่โมเดลใหม่ GT72 Dominator Pro-211 ซึ่งมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลใหม่เปิดตัวออกมาด้วยราคา $2,199 หรือประมาณ 79,170 บาทนั้นปรากฎว่าโมเดลเก่าดันราคาพุ่งไปอยู่สูงถึง $3,319 หรือประมาณ 119,485 บาทซึ่งการพุ่งขึ้นของราคานี้ทำลายทุกหลักการไปกันแบบงงก่อนที่จะดีดตัวกลัวลงมาอยู่ที่ $2,649 หรือประมาณ 95,370 บาทครับ
ทั้งนี้การจะใช้หลักเกณฑ์โมเดลเก่าต้องมีราคาที่ถูกกว่าโมเดลใหม่นั้นคุณจะต้องดูเป็นผู้ผลิตๆ แต่ละรายไปครับ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลยว่าทุกครั้งที่โมเดลใหม่ออกมาแล้วโมเดลเก่าจะมีราคาลดลงก็อย่างเช่น Microsoft Surface Pro 3 กับ Surface Pro 4 ที่ ราคาต่างกัน $100 หรือประมาณ 3,600 บาทตอนเปิดตัว(ซึ่งหลักการนี้ก็ใช้ได้กับ MacBook ของทาง Apple เช่นเดียวกันแต่ว่าสำหรับ MacBook นั้นหากคุณมองโมเดลเก่าอยู่จะต้องรีบหน่วยครับเพราะ Apple ชอบที่จะทิ้งโมเดลเก่าไปโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวล่วงหน้าครับ
จะรู้ได้อย่างไรว่าคุณจะได้โน๊ตบุ๊คในช่วงที่มันมีราคาเหมาะสมที่สุด
ค่อนข้างที่จะยากพอดูเหมือนกันนะครับกับการที่เราจะสามารถรู้ได้ว่าเมื่อไรที่ราคาของโน๊ตบุ๊คเครื่องที่เราต้องการอยากได้นั้นถูกสุดและน้าซื้อที่สุดในช่วงตอนนั้นเพราะอย่างที่บอกไปหล่ะครับว่าเกณฑ์การลดราคา, การเปิดตัวรุ่นใหม่ ฯลฯ ที่กล่าวมาก็ใช่ว่าจะใช้ได้กับโน๊ตบุ๊คทุกยี่ห้อ ทว่ามีอยู่สอง – สามสิ่งที่เราสามารถที่จะทำได้ก่อนที่จะทำการเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเสียใจกับการเปิดตัวรุ่นใหม่หลังจากซื้อไม่นานหรือดันมีงานจัดโปรโมชันหลังซื้อได้ไม่นานนั้นดังต่อไปนี้ครับ
- สำรวจราคากลางจากเว็บไซต์ของผู้ผลิตซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นราคาที่เปิดตัวและมักจะไม่ค่อยมีการปรับลดลงตามกลไกตลาดมากเท่าไรนอกเหนือไปจากว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นนั้นๆ จะมีการประกาศปรับลดราคาอย่างเป็นทางการจริงๆ โดยวิธีการเปรียบเทียบราคานั้นให้เปรียบเทียบจากหลายๆ แหล่งไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ต่างๆ (จะเป็น NotebookSpec เองเทียบกับเว็บไซต์ต่างประเทศอย่าง Amazon หรือ Newegg ก็ได้แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูรุ่นให้ตรงกันด้วยนะครับเพราะบางทีโน๊ตบุ๊คที่จำหน่ายในบ้านเราก็มีรุ่นไม่ตรงกับที่จำหน่ายในต่างประเทศครับ)
- คอยติดตามเว็บไซต์ร้านค้าปลีกที่มักจะจัดโปรโมชันบ่อยๆ อย่างเช่นในเมืองไทยเองนั้นก็จะมี Banana IT, Advice หรือ J.I.B ซึ่งจะมีการอัพเดทราคาค่อนข้างบ่อยรวมถึงมีการปล่อยโปรโมชันออกมาบ่อยๆ ทว่าบางทีเมื่อดูราคาจากเว็บไซต์แล้วสิ่งที่คุณต้องทำเพิ่มก็คือต้องไปเดินสำรวจตลาดจริงด้วยว่าในร้านค้าปลีกตามห้างดังนั้นมีรุ่นที่คุณต้องการอยู่หรือไม่ครับ จากประสบการณ์ของตัวผมเองนั้นพบว่าครั้งหนึ่งเคยตามซื้อโน๊ตบุ๊คของ Lenovo รุ่นหนึ่งซึ่งสเปคดีมากและทุกเว็บไซต์ประกาศราคาไว้ที่ 28,900 บาท แต่พอไปเดินตลาดจริงปรากฎว่าหาของไม่ได้ครับ … เรื่องต่อจากนี้น่าจะเดาได้ไม่ยากครับพอเจอร้านที่มีรุ่นที่ผมต้องการ ราคาของเครื่องรุ่นดังกล่าวตีกลับขึ้นไปอยู่ที่ 32,900 บาท ท้ายที่สุดก็เลยไปได้ MSI มาแทนหล่ะครับ
สรุป “รอ” หรือ “ไม่รอ”
ณ ปัจจุบันนี้กับคำถามนี้ขอแยกตอบออกเป็น 2 ประเด็นดังนี้ครับ
- ถ้าคุณมอง MacBook อยู่คำแนะนำคือ “รอ” ครับ เก็บเงินในมือของคุณไว้ก่อน เพราะอีกไม่เกิน 2 – 3 เดือนข้างหน้านี้รับรองว่ารุ่นใหม่จะต้องออกมาอย่างแน่นอนครับ
- ถ้าคุณมองโน๊ตบุ๊คจากผู้ผลิตรายอื่นๆ อยู่คำแนะนำคือถ้าไม่รีบและไม่จำเป็นมากก็ “รอ” ช่วงที่มีงานแฟร์คอมพิวเตอร์ที่กำลังจะมีจัดขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ครับ แต่ถ้าคุณมีความจำเป็นต้องใช้งานเร่งด่วนหล่ะก็ “ไม่ต้องรอ” ครับ กำเงินของคุณไปซื้อได้เลยแต่ก่อนที่จะไปซื้อลองหาข้อมูลก่อนสักนิด … และไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามไม่ต้องหวังครับว่าราคาโน๊ตบุ๊คที่คุณมองอยู่จะตกลงมากกว่า 5,000 บาทภายในช่วงสิ้นปีนี้เพราะเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะออกมานั้นก็เป็นช่วงกลางปี 2017 นู่นแหละครับ(ยกเว้นกรณีที่ทางร้านค้าปลีกหรือห้าง IT จัดงานแฟร์ขึ้นมาเองนั้่นก็อีกเรื่องนะครับ
ที่มา : laptopmag
