Stardew Valley ปัญหาที่มักจะพบและถูกบ่นกันบ่อย ๆ คือค่าพลัง Energy ที่ลดฮวบฮาบจนน่าตกใจโดยเฉพาะการรดน้ำต้นไม้ซึ่งใครทำแปลผักขนาดใหญ่แล้วล่ะก็คงได้เสีย Energy ไปเกือบครึ่งหลอดไปกับการรดน้ำต้นไม้แน่นอนแต่ถึงอย่างนั้นตัวเกมก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะหมดเพราะยังมีตัวช่วยเครื่องทุ่นแรงภายในเกมอยู่แต่จะเป็นอะไรบ้างนั้นมาติดตามกันครับ
อัพเกรดบัวรดน้ำ
สำหรับการรดน้ำต้นไม้ใน Stardew Valley จำเป็นต้องรดน้ำทุกวันถ้าจะให้ต้นไม้ของเราเจริญงอกงามโดยไอเท็มหลักในการรดน้ำก็คือ บัวรดน้ำ ที่มีมาให้ตอนเริ่มเกมนั่นเองครับโดยผู้เล่นจะต้องไปตักน้ำแล้วนำมารดน้ำทีละต้น ๆ แต่การทำเช่นนี้มันจะใช้เวลานานซึ่งบัวรดน้ำมาตรฐานจะรดได้ 40 ครั้งและเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพตัวเกมจึงเปิดโอกาสให้เราสามารถอัพเกรด บัวรดน้ำ ได้ครับโดยบัวรดน้ำจะสามารถอัพเกรดได้ถึง 4 ระดับได้แก่
- Copper Watering Can – บัวรดน้ำทองแดงเพิ่มจำนวนรดน้ำสูงสุดได้ 55 ครั้งและเพิ่มจำนวนช่องรดน้ำ 3 ช่องด้านหน้า ใช้ Copper Bar 5 ชิ้น+เงิน 2,000 G ในการอัพเกรด
- Steel Watering Can – บัวรดน้ำเหล็กเพิ่มจำนวนช่องรดน้ำ 5 ช่องด้านหน้า ใช้ Iron Bar 5 ชิ้น+เงิน 5,000 G ในการอัพเกรด
- Gold Watering Can – บัวรดน้ำทองคำจะเพิ่มระยะการรดน้ำได้ถึง 3×3 ช่อง ใช้ Gold Bar 5 ช่อง+เงิน 10,000 G ในการอัพเกรด
- Iridium Watering Can – บัวรดน้ำอีริเดียมจะเพิ่มระยะการรดน้ำได้มากกว่าบัวรดน้ำทองคำประมาณ 6×3 ช่อง ใช้ Iridium Bar 5 ชิ้น+เงิน 25,000 G ในการอัพเกรด
“อัพเกรดบัวรดน้ำที่ Blacksmith”
จากบัวรดน้ำทั้ง 4 แบบนี้เราก็จะสามารถรดน้ำได้คุ้มค่ากับ Energy ที่เสียไปครับและที่สำคัญการอัพเกรดไอเท็มดังกล่าวต้องไปอัพเกรดที่ NPC ชื่อ Clint จะอยู่ในโรงตีเหล็กด้านขวามือสุดของแผนที่ครับ
Sprinkler
นอกเหนือจากบัวรดน้ำแล้วสปริงเกอร์หรือ Sprinkler ก็เป็นอีกไอเท็มที่ช่วยทุ่นแรงได้เยอะมากโดยการทำงานของมันจะพ่นน้ำออกมาในทุก ๆ ตอนเช้าและเราไม่เสียค่า Energy เลยด้วยซึ่งถ้าหากเล่นไปสักระยะควรนำไอเท็มชิ้นนี้ติดตั้งที่แปลงผักของท่านจะเป็นการดีที่สุดครับ
“สปริงเกอร์แต่ละชนิดจะมีระยะพ่นน้ำแตกต่างกัน”
ตัว Sprinkler ก็ใช่ว่าจะมีเพียงแค่แบบเดียวแต่มันสามารถแบ่งได้ถึง 3 ประเภทด้วยกันโดยแต่ละแบบก็จะมีคุณสมบัติพ่นน้ำได้มมากน้อยตามลำดับดังนี้
- Sprinkler
สปริงเกอร์พื้นฐานจะพ่นน้ำ 4 ทิศ (บน ล่าง ซ้าย ขวา) รอบตัว ใช้ Copper Bar และ Iron Bar อย่างละ 1 ชิ้นในการ Craft และต้องมีทักษะ Farming Level 3 ด้วยครับ
- Quality Sprinkler
สปริงเกอร์อีกระดับจะพ่นน้ำมากกว่าแบบธรรมดาโดยจะพ่นน้ำได้ถึง 8 ช่องรอบตัวมันเอง ใช้ Iron Bar , Gold Bar และ Refine Quartz อย่างละ 1 ชิ้นในการ Craft โดยจะต้องมีทักษะ Farming Level 6 ครับ
- Iridium Sprinkler
สปริงเกอร์ระดับสูงสุดทำจากแร่ Iridium จะพ่นน้ำได้ถึง 24 ช่องรอบตัวมัน ใช้ Gold Bar , Iridium Bar และ Battery Pack อย่างละ 1 ชิ้นในการ Craft ต้องมีทักษะ Farming Level 9 ขึ้นไปครับ
“ควรติดตั้งสปริงเกอร์ตรงกลางของแปลงผัก”
สำหรับการติดตั้งสปริงเกอร์ที่คุ้มค่าที่สุดควรติดตั้งตรงกลางของแปลงผักของท่านเพื่อให้เมล็ดพืชได้รับน้ำอย่างทั่วถึง
Retaining Soil (ปุ๋ยรักษาความชุ่มชื้น)
อีกช่องทางสำหรับคนไม่อยากเสียพื้นที่ติดตั้งสปริงเกอร์การใช้ปุ๋ยประเภท Retaining ก็เป็นหนึ่งตัวช่วยที่น่าใช้เช่นกันเพราะมันจะทำให้โอกาสที่ดินจะอุ้มน้ำได้ตลอดทั้งคืน ซึ่งวิธีการใช้งานก็คือควรใส่มันลงในจุดที่เราพรวนดินแล้วครับและปุ๋ยประเภทนี้ก็จะแบ่งย่อยได้อีกด้วยกัน 2 แบบได้แก่
- Basic Retaining Soil – ปุ๋ยรักษาความชุ่มชื้นแบบมาตรฐานมีโอกาสทำให้ดินชุ่มชื้นตลอดทั้งคืนโดยจะใช้ Stone 2 ก้อนในการ Craft (ต้องมีทักษะ Farming Level 4 ก่อน) หรือจะซื้อที่ร้านค้าของ Pierre’s ในราคา 100 G ครับ
- Quality Retaining Soil – ปุ๋ยที่มีคุณภาพอีกขั้นจะเพิ่มโอกาสที่ดินจะชุ่มชื้นมากขึ้นกว่าเดิมโดยจะใช้ Stone 3 ก้อน และ Clay 1 ก้อนในการ Craft (ต้องมีทักษะ Farming Level 7 ก่อน) หรือจะซื้อที่ร้านค้าของ Pierre’s ในราคา 150 G ครับ
ตรวจสอบสภาพอากาศทาง TV
อย่างสุดท้ายก็เป็นอีกวิธีที่จะทำให้ผู้เล่นวางแผนได้ง่ายขึ้นโดยสามารถเปิดดู TV แล้วเลือกช่องพยากรณ์อากาศ (ตัวเลือกแรก) จากนั้นมันก็จะบอกว่าอากาศในวันพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไรซึ่งถ้าหากพรุ่งนี้ฝนตกผู้เล่นก็จะไม่ต้องออกแรงรดน้ำให้เสียเวลาครับ
ที่มา: StardewWikia