อุปกรณ์สำหรับการทำมาหากินของพนักงานออฟฟิศในปัจจุบันนี้ที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานตลาดทั้งวันนั้นคงหนีจะไม่พ้นอุปกรณ์สำหรับการเก็บข้อมูลที่พกพาสะดวกอย่าง USB Flash Drive ที่นับวันนั้นมีออกมาวางจำหน่ายกันเรื่อยๆ มากมายหลอกหลายยี่ห้อไปหมด ราคาของมันนั้นก็มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนหลักพันแถมยังมีมากมายหลากหลายมาตรฐานอีก วันนี้ทาง NBS จึงถือโอกาสฤกษ์งามยามดีที่ใครหลายๆ ท่านน่าจะโบนัสออกมาทำการแนะนำรีวิว USB Flash Drive ที่น่าใช้ในช่วงปัจจุบันกันสักหน่อยครับ
คงต้องยอมรับกันอย่างหนึ่งหล่ะครับว่าในปัจจุบันนั้น USB Flash Drive ที่มีคุณภาพและราคาอยู่ในช่วงที่รับได้นั้นจะรองรับกับมาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ USB 3.0 แล้ว ซึ่งนั่นทำให้การโอนถ่ายข้อมูลระหว่างตัวเครื่องกับ USB Flash Drive นั้นเร็วขึ้นตามไปด้วย แถมในปัจจุบันนั้น USB Flash Drive ก็เริ่มมีความจุมากขึ้นเรื่อยๆ(ในขณะที่ราคาก็ค่อยๆ ลดลงมาตามลำดับ) ทั้งนี้ USB Flash Drive นั้นถือว่าเป็นตัวเลือกในการสำรองข้อมูลที่ดีมากเพราะมีขนาดเล็กพกพาสะดวก(มากกว่าการพก External Hard disk) วันนี้ USB Flash Drive ที่เรานำมาสเนอให้ทุกท่านนั้นจะมียี่ห้ออะไรและน่าสนใจแค่ไหนนั้นไปติดตามกันได้เลยครับ
USB Flash Drive ที่ดีที่สุดเพราะทั้งคุ้มค่าคุ้มราคาแถมยังมาพร้อมประสิทธิภาพน่าใช้งาน
SanDisk Extreme CZ80 (32GB)
ราคา $22.99 หรือประมาณ 828 บาท (ราคาในเมืองไทยรุ่นนี้จะจำหน่ายอยู่ในช่วง 1,250 บาท ขึ้นอยู่กับร้านจำหน่าย)
จุดเด่น
- ประสิทธิภาพความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลคุ้มกว่าราคาที่ต้องจ่ายไป
- สามารถเก็บส่วนเชื่อมต่อ USB 3.0 เข้าไปได้ และปุ่มเลื่อนสำหรับเก็บส่วนเชื่อมต่อนี้ก็ถูกออกแบบมาอย่างดีเข้ากับรูปมือทำให้ใช้งานได้สะดวกมาก
- รับประกันตลอดอายุการใช้งาน
จุดด้อย
- ราคาในเมืองไทยค่อนข้างจะแพงกว่าต่างประเทศพอสมควรแถมยังค่อนข้างที่จะหาซื้อยากในเมืองไทยด้วย(แต่ร้านค้าออนไลน์ชื่อดังมีจำหน่ายนะครับ)
ก่อนอื่นเลยคงต้องบอกหล่ะครับว่าโดยปกติถ้าคุณเป็นคนที่มี USB Flash Drive ในการใช้งานอยู่แล้วนั้นคงจะเป็นเรื่องยากพอสมควรหล่ะครับที่จะทำให้คุณตัดสินใจที่จะซื้อ USB Flash Drive ตัวใหม่ถ้าความจุไม่มากขึ้นและความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลไม่ได้เปลี่ยนไปจนเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนได้มากพอ ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของราคานั้นจะต้องอยู่ในระดับที่คุณสามารถที่จะรับได้กับการจ่ายเงินไป ซึ่งทุกอย่างที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นมีอยู่บน SanDisk Extreme CZ80 นี้เลยหล่ะครับ
สิ่งที่น่าประทับใจมากที่สุดของ SanDisk Extreme CZ80 นั้นก็คือประสิทธิภาพความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลที่มันสามารถจะทำผลการทดสอบความเร็วในการอ่านข้อมูลเฉลี่ยได้อยู่ที่ 229 MB/s และความเร็วในการเขียนข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 178 MB/s โดยถึงแม้ว่าความเร็วที่ได้จากการทดสอบนั้นจะไม่ได้สูงเหมือนกับที่โฆษณาเอาไว้คืออ่านข้อมูลเฉลี่ยได้อยู่ที่ 245 MB/s และความเร็วในการเขียนข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 190 MB/s แต่คะแนนที่ได้จากการทดสอบนั้นก็ถือว่าใกล้เคียงกับที่ทาง SanDisk โฆษณาเอาไว้มากเลยทีเดียวครีบ
อย่างไรก็ตามแต่ในการทดสอบความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลด้วยโปรแกรม CrystalDiskMark ในส่วนของไฟล์ที่มีขนาดเล็กนั้น CZ80 จะทำได้ไม่ค่อยดีนักเท่าไรโดยผลการทดสอบความเร็วในการอ่านข้อมูลเฉลี่ยได้อยู่ที่ 123 MB/s และความเร็วในการเขียนข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 56 MB/s เท่านั้น ทว่าตัวเลขที่ขนาดนี้ก็ถือว่าสูงอยู่ดีแถมเมื่อเทียบ CZ80 กับ USB Flash Drive ที่ราคาใกล้เคียงกันหรือแม้กระทั่งเมื่อเอาไปเปรียบเทียบกับ USB Flash Drive รุ่น Pro แล้ว CZ80 ก็ยังดูคุ้มค่ากว่าในเรื่องของราคาต่อประสิทธิภาพที่ได้ครับ
นอกเหนือไปจากเรื่องประสิทธิภาพของความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลแล้ว เรื่องของดีไซน์และความสะดวกในการใช้งานต่างๆ นั้น CZ80 ถือว่าสามารถที่จะทำออกมาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวครับ ตัว Flash Drive มีขนาดที่ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปเทำให้เมื่อเสียบเข้ากับตัวเครื่องแล้วจะไม่ไปบดบังพอร์ท USB ช่องอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ๆ กัน การใช้สีดำตัดกับสีเงินและสีแดงนั้นก็ทำให้มันดูหรูหราขึ้นมาพอสมควรเลยทีเดียว ส่วนของตัวเลื่อนสำหรับเลื่อนส่วนเชื่อมต่อ USB เข้าและออกนั้นได้ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีทำให้สามารถที่จะใช้งานได้อย่างสะดวกสบายเรียกได้ว่าเรื่องของดีไซน์นั้น CZ80 ทำคะแนนได้ไปเต็มๆ เลยครับ
SanDisk Extreme CZ80 อาจจะไม่ใช่ USB Flash Drive ตัวเลือกที่มาพร้อมกับความเร็วมากที่สุดแต่ถ้าดูในเรื่องของความครบเครื่องในทุกๆ ส่วนแล้วถือได้ว่า SanDisk Extreme CZ80 นั้นครบหมดทุกอย่างตามที่คุณๆ ต้องการแล้วหล่ะครับ ในการใช้งานจริงนั้นเมื่อคุณเชื่อมต่อ SanDisk Extreme CZ80 เข้ากับพอร์ท USB 3.0 เพื่อโอนถ่ายข้อมูลไฟล์ภาพยนตร์ขนาด 2 GB นั้นคุณจะใช้เวลาเพียงประมาณ 10 วินาทีเท่านั้น(ไม่เกินไปจากนี้) และถึงแม้ว่าจะนำไปใช้กับพอร์ทเชื่อมต่อรุ่นเก่าอย่าง USB 2.0 คุณก็จะใช้เวลาเพียงแค่ประมาณ 5 นาทีเท่านั้นกับไฟล์เดียวกันครับ โดยรวมแล้วถือว่าคุ้มค่าจริงๆ ครับ
USB Flash Drive ระดับสูงที่ดีที่สุด
Patriot Supersonic Rage 2 (128 GB)
ราคา $54.99 หรือประมาณ 1,980 บาท (ในเมืองไทยยี่ห้อนี้ยังไม่มีการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการครับ)
จุดเด่น
- มีขนาดเล็กพกพาสะดวกผ่านการออกแบบที่มีลักษณะเพรียวบางผิดกับประสิทธิภาพภายในที่อยู่ในระดับบน
- วัสดุที่ใช้ในการผลิตเป็นยางทำให้สามารถป้องกันการตกหล่นได้ในระดับหนึ่ง
- เป็น USB Flash Drive มาตรฐานการเชื่อมต่อ USB 3.0 ที่มีความเร็วในการเขียนข้อมูลสูงที่สุดในบรรดา USB Flash Drive ที่มีการนำมาทดสอบ
จุดด้อย
- ความเร็วเฉลี่ยนในการเขียนข้อมูลได้ต่ำกว่าที่โฆษณาเอาไว้เกือบ 50%
- ไม่มีวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเมืองไทย
- การสั่งซื้อจากเว็บไซต์ต่างประเทศมีการบวกค่าขนส่งอีกกว่า $15 หรือประมาณ 540 บาท(ขึ้นไป)
ก่อนอื่นนั้นคงต้องบอกว่าอิจฉาผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาและประเทศโซนยุโรปบางประเทศที่มีตัวเลือกคุณภาพดีๆ ให้เลือกมากมายจริงๆ ครับ สำหรับ Patriot Supersonic Rage 2 ที่มาพร้อมกับขนาดความจุ 128 GB ในราคาประมาณ 2,000 บาทนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือก USB Flash Drive ขนาดความจุสูงที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว หากจะว่าไปแล้วนั้นขนาดความจุที่ระดับนี้นั้นยังถือว่าสูงกว่า SSD บางรุ่นในตลาดด้วยอีกต่างหากและต้องไม่ลืมนะครับว่าด้วยความที่มันมาในรูปแบบของ USB Flash Drive ขนาดเล็กนั้นทำให้มันพกพาสะดวกกว่าแหล่งเก็บข้อมูลประเภทอื่นมากเลยทีเดียว
ความเร็วที่ Patriot Supersonic Rage 2 โฆษณาเอาไว้นั้นคืออ่านข้อมูลเฉลี่ยได้อยู่ที่ 400 MB/s และความเร็วในการเขียนข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 300 MB/s ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลที่สูงมากครับสำหรับ USB Flash Drive(จะว่าไปแล้วเกือบเท่า SSD รุ่นประหยัดแล้วครับเนี่ย) โดยในการทดสอบนั้นพบว่า Patriot Supersonic Rage 2 สามารถที่จะทำความเร็วในการอ่านข้อมูลเฉลี่ยได้อยู่ที่ 354 MB/s และความเร็วในการเขียนข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 187 MB/s สำหรับไฟล์ที่มีขนาดใหญ่และสามารถที่จะทำความเร็วในการอ่านข้อมูลเฉลี่ยได้อยู่ที่ 180 MB/s และความเร็วในการเขียนข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 34 MB/s สำหรับไฟล์ที่มีขนาดเล็กครับ(ซึ่งตรงการอ่านข้อมูลขนาดเล็กนี้นั้นถือว่าทำความเร็วเฉลี่ยได้ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไรครับ)
จะเห็นได้ว่าความเร็วเฉลี่ยในการเขียนข้อมูลของ Patriot Supersonic Rage 2 นั้น ทำได้ค่อนข้างที่จะต่ำกว่าที่โฆษณาไว้พอควรครับ โดยเฉลี่ยแล้วนั้นพบว่าความเร็วในการเขียนข้อมูลของ Patriot Supersonic Rage 2 นั้นน้อยกว่าที่โฆษณาเอาไว้ในช่วง 40% – 50% ได้ครับ แต่ถึงกระนั้นแล้วก็ต้องไม่ลืมครับว่าด้วยความที่ขนาดความจุของ Patriot Supersonic Rage 2 นั้นเยอะกว่าคู่แข่งมากพอสมควรดังนั้นแล้วด้วยเหตุผลทางเทคนิคเลยอาจจะทำให้ความเร็วในการเขียนข้อมูลโดยเฉลี่ยนตามการทดสอบต่ำกว่าจากที่โฆษณาไว้ แต่ความเร็วในการอ่านข้อมูลโดยเฉลี่ยของ Patriot Supersonic Rage 2 นั้นถือว่าน่าพอใจมากครับ
ขนาดและการดีไซน์ของ Patriot Supersonic Rage 2 นั้นถือว่าเป็นจุดเด่นที่ทำให้มันเด่นกว่าคู่แข่ง(อย่างเช่น Corsair Flash Voyager GS) ในหลายๆ ด้านเลยทีเดียวครับ ต้องไม่ลืมนะครับว่าสิ่งที่คุณใช้และเห็นจากรูปนั้นคือ USB Flash Drive ที่มีขนาดเล็กมากๆ(หนักเพียง 8.5 g) แต่ว่ามันมาพร้อมกับความจุในระดับที่พอเพียงต่อความต้องการในการใช้งานในระยะยาวได้อย่างสบายๆ อย่างที่ขนาดความจุ 128 GB(อ้อ Patriot Supersonic Rage 2 ยังมีรุ่นที่มาพร้อมกับความจุ 256 GB ด้วยอีกต่างหากแต่ว่าราคาก็กระโดดขึ้นไปสูงกว่านี้พอดูครับ)
ด้วยขนาดที่เล็กของ Patriot Supersonic Rage 2 ทำให้เมื่อคุณเสียบมันใช้งานกับพอร์ท USB ของเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วคุณจะพบว่ามันไม่กินพื้นที่ด้านข้างเลยครับ ดีไซน์ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี(จะเว้นก็แต่การเล่นสีที่บางคนอาจจะไม่ชอบเท่าไร) ส่วนของพอร์ท USB ที่ใช้ในการเชื่อมต่อนั้นได้ถูกออกแบบมาให้กดจากปลายเพื่อเป็นการสไลด์เอาพอร์ท USB ออกมาซึ่งน่าจะทำให้ใครหลายๆ คนพอใจใน Patriot Supersonic Rage 2 ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ถ้าเทียบกับ USB Flash Drive ในระดับบนด้วยกันแล้วนั้น Patriot Supersonic Rage 2 ถือว่ามีประสิทธิภาพโดยรวมและดีไซน์ที่ดีกว่าคู่แข่งทั้งหมดครับ
หมายเหตุ – Patriot Supersonic Rage 2 มีความเร็วในการอ่านข้อมูลเฉลี่ยสูงกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกันเกือบทั้งแบบไม่เห็นฝุ่นหมดยกเว้นก็แต่ Corsair Flash Voyager GTX ที่ Patriot Supersonic Rage 2 ได้ต่ำกว่า ทว่าในส่วนของความเร็วในการเขียนข้อมูลเฉลี่ยนนั้น Patriot Supersonic Rage 2 กลับทำได้ดีกว่า Corsair Flash Voyager GTX กว่ามากครับ
ถามว่า Patriot Supersonic Rage 2 นั้นเหมาะกับผู้ใช้งานประเภทไหนคงต้องบอกหล่ะครับว่าเหมาะกับผู้ที่ต้องการทำการโอนถ่ายข้อมูลปริมาณมากๆ อยู่ทุกๆ วัน(เพราะถ้าไม่จำเป็นโอนถ่ายข้อมูลปริมาณมากๆ แล้วกลับไปเลือก SanDisk Extreme CZ80 จะดีกว่า) ทั้งนี้ข้อเสียอย่างรุนแรงที่สุดของพวกเราชาวไทยก็คือต่อให้ Patriot Supersonic Rage 2 ดีมากขนาดไหนทว่าในไทยนั้นก็ไม่มีการจำหน่ายอย่างเป็นทางการครับ ในกรณีที่คุณต้องการหล่ะก็สามารถสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ต่างประเทศได้แต่จากเท่าที่ผมดูมานั้นรู้สึกจะมีค่าส่งที่บวกกับราคาของตัว Patriot Supersonic Rage 2 ไปแล้วทำให้มันไม่ค่อยจะคุ้มค่าเท่าไรครับ
USB Flash Drive ราคาประหยัดที่ดีที่สุด
ADATA Superior Series S102 หรือ Adata S102 Pro (16 GB)
ราคา $10.26 หรือประมาณ 370 บาท (ราคาในเมืองไทยรุ่นนี้จะจำหน่ายอยู่ในช่วง 450 บาท ขึ้นอยู่กับร้านจำหน่าย)
จุดเด่น
- ราคาถูกมากๆ เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่อยู่ในระดับเดียวกัน
- ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ใช้วัสดุเป็นโลหะและมาพร้อมฝาครอบกันพอร์ทเชื่อมต่อ
จุดด้อย
- ความเร็วเฉลี่ยนในการอ่านและเขียนข้อมูลต่ำมาก(แต่ก็เป็นไปตามราคา)
- ในเมืองไทยรุ่นขนาดความจุ 16 GB นั้นค่อนข้างจะหายากพอควรและที่มีจำหน่ายในตอนนี้ก็จะเป็นรุ่นอื่นที่มีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลที่ใช้โฆษณาใกล้เคียงกัน
- การสั่งซื้อจากเว็บไซต์ออนไลน์เมืองไทยบางเว็บไซต์(ที่ยังมีรุ่นนี้วางจำหน่ายอยู่) จะเป็นการสั่งของจากทางต่างประเทศซึ่งต้องใช้เวลาในการส่งค่อนข้างนาน
- การสั่งซื้อจากเว็บไซต์ออนไลน์เมืองไทยและส่งมาจากต่างประเทศอีกทีนั้นทำให้ตัวสินค้าไม่ได้รับการประกันเหมือนกับซื้อในประเทศไทย
หากคุณมีงบประมาณไม่มากเท่าไรนักและไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องได้ USB Flash Drive ที่มีความจุขนาดใหญ่มากเท่าไรแล้วหล่ะก็ Adata S102 Pro ความจุ 16 GB ถือได้ว่าเป็น USB Flash Drive ที่ใช้มาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ USB 3.0 ที่คุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุดรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ครับ ด้วยราคาค่าตัวที่ไม่ถึง 450 บาทนั้น(ในต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 370 บาท) กับวัสดุโลหะพร้อมการออกแบบที่สวยงามรวมถึงด้านความเร็วในการอ่านข้อมูลนั้นก็ไม่ได้ต่ำมากสักเท่าไรเรียกได้ว่าคุ้มเกินคุ้มครับ(ถ้ายังหาได้ในเมืองไทยนะครับ)
ความเร็วที่ Adata S102 Pro โฆษณาเอาไว้นั้นคืออ่านข้อมูลเฉลี่ยได้อยู่ที่ 100 MB/s และความเร็วในการเขียนข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 50 MB/s ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลที่ค่อนข้างจะอยู่ในระดับล่างๆ สำหรับ USB Flash Drive มาตรฐาน USB 3.0 ในปัจจุบันครับ ในการทดสอบนั้นพบว่า Adata S102 Pro สามารถที่จะทำความเร็วในการอ่านข้อมูลเฉลี่ยได้อยู่ที่ 116 MB/s ซึ่งสูงกว่าที่โฆษณาไว้ซะอีกและความเร็วในการเขียนข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 36 MB/s สำหรับไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ที่จะว่าไปแล้วก็ถือว่าไม่ได้ย่ำแย่เท่าไรนัก นอกจากนั้นยังสามารถที่จะทำความเร็วในการอ่านข้อมูลเฉลี่ยได้อยู่ที่ 84 MB/s และความเร็วในการเขียนข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 21 MB/s สำหรับไฟล์ที่มีขนาดเล็กครับ
สาเหตุหลักเลยที่ทำให้ Adata S102 Pro สามารถเข้ายึดตำแหน่ง USB Flash Drive ราคาประหยัดที่ดีที่สุดไปครอบครองได้นั้นไม่ได้อยู่ที่ความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลของมันแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นครับ ทว่าอย่างที่บอกไปในตอนต้นว่าดีไซน์และการออกแบบของ Adata S102 Pro นั้นก็มาพร้อมกับความสวยงามเกินตัวด้วยอีกต่างหาก ทั้งนี้หากนำขนาดของ Adata S102 Pro ไปเทียบกับ USB Flash Drive คู่แข่งในระดับเดียวกันที่มีราคาสูงกว่ามันอยู่หน่อยแล้วพบว่า Adata S102 Pro นั้นจะมีขนาดเล็กเหมาะกับการพกพามากกว่าแถมเวลาเสียบใช้งานนั้นก็ไม่ไปกินที่ของพอร์ทเชื่อมต่อ USB อื่นอีกด้วยครับ
ข้อเสียเล็กน้อยที่หลายๆ คนอาจจะนำมาพิจารณาในการซื้อ Adata S102 Pro นั้นก็คือการที่มันมาพร้อมกับวัสดุเป็นโลหะที่สามารถนำไฟฟ้าได้ซึ่งอาจจะทำให้เวลาที่จับตัว Adata S102 Pro แล้วเสียบนั้นอาจจะมีช๊อตได้บ้าง(ช๊อตจี๊ดๆ ไม่ใช่ช๊อตแบบรุนแรงนะครับ) และกับส่วนการดีไซน์ที่ใช้ฝาครอบในการปิดเปิดพอร์ทเชื่อมต่อ USB แบบที่ต้องคอยเอาเข้าๆ ออกๆ ไม่ได้ใช้วิธีการสไลด์นั้นหลายๆ คนก็อาจจะไม่ชอบเท่าไรเพราะอาจจะเกิดเหตุการณ์ทำฝาปิดหายหรือลืมทิ้งไว้แล้วหลายเป็นว่า Adata S102 Pro ถูกเปลือยพอร์ท USB ไว้ตลอดเวลาก็เป็นได้ครับ
หมายเหตุ – ส่วนใหญ่แล้วดีไซน์แบบที่ใช้ฝาปิดพอร์ทเชื่อมต่อ USB นั้นมักจะถูกใช้งานกับ USB Flash Drive ราคาถูกหรือไม่ก็เป็น USB Flash Drive รุ่นเก่าในช่วงปีต่ำกว่า 2013 ลงไปครับ(แต่ในปัจจุบันก็ยังสามารถพบได้บ้างนะครับ)
โดยรวมแล้วนั้นหากคุณอยากที่จะประหยัดและได้ของดีคุ้มค่าคุ้มราคานั้น Adata S102 Pro ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ทว่าแต่กับประเทศไทยเรานั้นอย่างที่บอกไปครับว่าในปัจจุบันนี้คุณอาจจะไปเดินหาซื้อ USB Flash Drive รุ่นนี้ไม่ได้แล้ว ที่สามารถทำได้ตอนนี้ก็คือต้องสั่งจากเว็บขายของออนไลน์ของเมืองไทยเราบางเว็บเอาเองซึ่งก็มีข้อเสียอย่างที่บอกไปครับว่าถึงแม้จะได้ราคาถูกแต่ทว่าเรื่องของประกันนั้นก็ไม่มีเลยแถมสั่งไปแล้วยังต้องนั่งรอการขนส่งมากกว่า 1 เดือนอีกด้วยดังนั้นลองไปเดินดูรุ่นอื่นที่มีความเร็วใกล้ๆ กันในราคาระดับพอๆ กันในตลาดน่าจะดีกว่าครับ
Lexar M20c (16 GB)
ราคา $14.95 หรือประมาณ 540 บาท (ในเมืองไทยยี่ห้อนี้ยังไม่มีการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการครับ)
จุดเด่น
- ราคาถูกมากๆ เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่อยู่ในระดับเดียวกัน
- มาพร้อมกับพอร์ทการเชื่อมต่อแบบ USB 3.0 และ USB Type-C(เป็นแบบ 2-in-1)
จุดด้อย
- ความเร็วเฉลี่ยนในการอ่านและเขียนข้อมูลค่อนข้างต่ำ
- ไม่มีจำหน่ายในเมืองไทยอย่างเป็นทางการและการสั่งจากเว็บไซต์ออนไลน์ต่างประเทศจะมีการบวกค่าคนส่งมากกว่า $15 หรือประมาณ 540 บาทขึ้นไป
- ราคาที่จำหน่ายในเว็บไซต์ออนไลน์ต่างประเทศในแต่ละเว็บไซต์ไม่เท่ากัน
ทั้งนี้อีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับ USB Flash Drive ราคาประหยัดที่ทาง PCGAMER แนะนำเอาไว้ก็คือ Lexar M20c 16 GB ซึ่งความเร็วที่โฆษณาเอาไว้นั้นคืออ่านข้อมูลเฉลี่ยได้อยู่ที่ 150 MB/s และความเร็วในการเขียนข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 60 MB/s จุดเด่นที่สุดก็คือมันมาพร้อมกับพอร์ทเชื่อมต่อแบบ USB 3.0 และ USB Type-C แบบบใหม่ทำให้ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียวเพราะนั่นหมายความว่าคุณสามารถที่จะนำมันไปเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนระบบปฎิบัติการ Android รุ่นใหม่ๆ ที่มาพร้อมกับพอร์ท USB Type-C แล้วใช้งานแบบ On-the-Go ได้ครับ
หมายเหตุ – ทาง PCGAMER ได้แค่เพียงแนะนำ Lexar M20c 16 GB เอาไว้เท่านั้นแต่ไม่ได้ทำการทดสอบเพื่อเปรียบเทียบกับ Adata S102 Pro อย่างเป็นทางการครับ
หมายเหตุ 2 – Lexar เป็นบริษัทที่ค่อนข้างจะดังมากในต่างประเทศแต่ในเมืองไทยนั้นยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการนำยี่ห้อนี้เข้ามาจำหน่ายครับ
USB Flash Drive ขนาดเล็กที่ดีที่สุด
SanDisk Ultra Fit CZ43 (32 GB)
ราคา $10.89 หรือประมาณ 392 บาท (ราคาในเมืองไทยรุ่นนี้จะจำหน่ายอยู่ในช่วง 480 บาท ขึ้นอยู่กับร้านจำหน่าย)
จุดเด่น
- ราคาถูกมากๆ เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่อยู่ในระดับเดียวกัน
- ขนาดเล็กสุดๆ ทำให้พกพาสะดวกมากๆ
- ขนาดเล็กมากพอจนถึงขนาดที่ว่าคุณสามารถจะทำการเชื่อมต่อมันเอาไว้กับโน๊ตบุ๊คไว้ได้ตลอดเวลาโดดยที่ไม่ต้องถอดเอามาเก็บแยกต่างหาก(ถ้าคุณไม่ได้จะทำการย้ายไฟล์จากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง)
- ประกันในไทยเป็นแบบตลอดอายุการใช้งาน
จุดด้อย
- ความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลอยู่ในระดับเดียวกับ Adata S102 Pro
- ด้วยความที่มันเล็กมากดังนั้นคุณจึงอาจจะสามารถทำมันหายได้ง่ายมากโดยที่คุณไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำไป
- การรับประกันไม่รวมถึงการทำหาย
ปิดท้ายกันกับ USB Flash Drive ขนาดเล็กที่ดีที่สุดซึ่งตามชื่อของมันก็บอกอยู่แล้วครับว่ามันคือ USB Flash Drive ที่เล็กที่สุดและดีที่สุดในตลาดปัจจุบันนี้เท่าที่คุณจะหาได้ SanDisk Ultra Fit CZ43 มาในราคาใกล้เคียงกับ Adata S102 Pro ในขณะที่คุณได้รับขนาดความจุมากกว่าถึงเท่าตัวเลยทีเดียวทำให้ตรงจุดนี้นั้นน่าจะเรียกความสนใจได้ไม่ยากเย็นเท่าไรนัก และด้วยความที่มันมีขนาดเล็กมากนั้นทำให้การดีไซน์ของมันนั้นมีแค่ส่วนหัวที่เป็นพลาสติกที่สามารถดึงเข้าออกได้ง่ายพร้อมกับพอร์ท USB แบบที่ใช้ฝาปิดครับ
ความเร็วที่ SanDisk Ultra Fit CZ43 โฆษณาเอาไว้นั้นคืออ่านข้อมูลเฉลี่ยได้อยู่ที่ 150 MB/s ส่วนความเร็วในการเขียนข้อมูลเฉลี่ยนั้นไม่ได้มีการระบุไว้ในคำโฆษณาครับ ในการทดสอบนั้นพบว่า SanDisk Ultra Fit CZ43 สามารถที่จะทำความเร็วในการอ่านข้อมูลเฉลี่ยได้อยู่ที่ 129 MB/s ซึ่งต่ำกว่าที่โฆษณาไว้เล็กน้อยและความเร็วในการเขียนข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 31 MB/s สำหรับไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ และสามารถที่จะทำความเร็วในการอ่านข้อมูลเฉลี่ยได้อยู่ที่ 87 MB/s และความเร็วในการเขียนข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 22 MB/s สำหรับไฟล์ที่มีขนาดเล็กครับ
จุดเด่นของ SanDisk Ultra Fit CZ43 ที่นอกจากจะเล็กมากแล้วนั้นอีกส่วนหนึ่งเลยก็คือการออกแบบให้ส่วนปลายที่เป็นสีดำและมีชื่อยี่ห้อ SanDisk อยู่นั้นมีไฟ LED สีแดงเอาไว้ใช้โชว์ด้วยครับว่ามันกำลังทำงานอยู่หรือไม่อย่างไร ซึ่งตรงจุดนี้นั้นถือว่า SanDisk ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับคู่แข่งเพราะถ้างานนี้ไม่มีไฟ LED เอาไว้แสดงผลตอนทำงานหล่ะก็คุณอาจจะไม่รู้เลยหล่ะครับว่าคุณเสียบเจ้า SanDisk Ultra Fit CZ43 ไว้ที่พอร์ทไหนของเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ(แต่อาจจะสร้างความรำคาญให้กับบางคนเวลาใช้งานในความมืดได้)
โดยส่วนตัวแล้วผมเอง(ผู้แปลบทความ) ได้ใช้งาน SanDisk Ultra Fit CZ43 อยู่ด้วยครับ ดังนั้นจึงทำให้ทราบข้อเสียอันยิ่งใหญ่สุดๆ ของมันได้พอสมควรเนื่องจากว่าผมเองนั้นซื้อ SanDisk Ultra Fit CZ43 มาใช้งาน 2 อันด้วยกันและก็ได้ทำอันหนึ่งหายไปไหนก็ไม่รู้เป็นที่เรียบร้อยครับ T_T อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวแล้วนั้นถ้าเทียบคุณภาพกับราคาและในส่วนของความง่ายในการพกพา(ที่ง่ายจนเกินไปเลยทำหายซะงั้น) ผมเองก็มีความเห็นแบบเดียวกันกับทาง PCGAMER ที่ยกให้ SanDisk Ultra Fit CZ43 เป็น USB Flash Drive ขนาดเล็กที่ดีที่สุดครับ
ที่มา : pcgamer
