Facebook พึ่งจะโดนกล่าวหาไปหมาดๆ เมื่อไม่นานมานี้ครับว่าแอปพลิเคชันของทาง Facebook สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่เกือบจะทุกแอปพลิเคชันนั้น(แอปอย่าง Facebook เองหรือ Messenger เป็นต้น) ส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อผู้ใช้งานและสูบแบตเตอรี่เป็นว่าเล่นด้วยอีกต่างหาก โดยในครั้งแรกของการพบเจอนี้นั้นก็คือเมื่อครั้งที่ iOS 9 ได้มีการแสดงการใช้งานอัตราการใช้งานแบตเตอรี่ของแอปพลิชันต่างๆ แล้วผู้ใช้หลายๆ คนได้ค้นพบครับว่า Facebook นั้นเป็นแอปพลิเคชันที่มีการใช้งานแบตเตอรี่ของพวกเขาเป็นอย่างมากแม้ว่าผู้ใช้เหล่านั้นจะไม่ได้ทำการเปิดแอปพลิเคชัน Facebook ขึ้นมาครับ
หลังจากที่ผู้ใช้พบเจอเรื่องดังกล่าวไปแล้วนั้น ไม่นานานนักชุมชนผู้ใช้ Android ก็เกิดความกังวลใจเรื่องเดียวกันนี้ขึ้นมาแถมเกิดขึ้นแบบกว้างขวางอีกด้วยครับ โดยผู้ที่เริ่มต้นกังวลเรื่องดังกล่าวแล้วตั้งกระทู้ขึ้นมาใน Reddit ก็คือ pbrandes_eth ซึ่งได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟน LG G4 เล็กน้อยด้วยการลบแอปพลิเคชัน Facebook และ Messenger ออกแล้วทพการทดสอบเครื่องของเขาเพื่อดูสิ่งที่เปลี่ยนไป โดยวิธีการที่ pbrandes_eth ทำการทดสอบนั้นมีดังต่อไปนี้ครับ
- รัน Benchmark ที่มีชื่อว่า DiscoMark(หาโหลดได้จาก Google Play Store) แล้วเลือกไปที่รันทั้งหมด 15 รอบ
- กำหนดให้มีการ reboot ทุกครั้งที่มีการรัน 1 รอบเสร็จเพื่อความเป็นธรรม
- ทดสอบรันแอปพลิเคชันทั้งหมดดังต่อไปนี้ : 20 Minuten, Kindle, AnkiDroid, ASVZ, Audible, Calculator, Camera, Chrome, Gallery, Gmail, ricardo.ch, Shazam, Spotify, Wechat และ Whatsapp ด้วยเหตุผลที่ว่าแอปพลิเคชันต่างๆ เหล่านี้นั้นเป็นแอปพลิเคชันที่ตัวเขาเองใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป(ซึ่งหากผู้ใช้คนอื่นกำหนดให้ DiscoMark ให้เป็นไปตามรูปแบบของการใช้งานของแต่ละคน ผลการทดสอบที่ได้นี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ)
ผลการทดสอบของ pbrandes_eth เป็นดังต่อไปนี้ครับ
เวลาในการรันแอปพลิเคชัน 15 แอปที่กำหนดไว้จำนวนทั้งหมด 15 ครั้งหลังลบ Facebook และ Messenger ทิ้งไปพบว่าเร็วขึ้น 15%
เวลาในการรันแอปพลิเคชัน 15 แอปที่กำหนดไว้จำนวนทั้งหมด 3 ครั้งหลังลบ Facebook และ Messenger ทิ้งไปพบว่าเร็วขึ้น 15% เช่นเดิม
เวลาในการรันแอปพลิเคชัน 15 แอปที่กำหนดไว้จำนวนทั้งหมด 3 ครั้งหลังลบ Facebook และ Messenger ทิ้งไปพบว่าเร็วขึ้น 15% เช่นเดิม(รูปเดียวกับด้านบนแต่ซูมให้เห็นกราฟทางด้านเวลาด้านซ้ายมากขึ้นจนเห็นความแตกต่างชัดเจน)
นอกเหนือไปจาก pbrandes_eth แล้วทางผู้รายงานข่าวของ Guardian อย่าง Samuel Gibbs ยังได้ลองทดสอบแบบเดียวกันกับ pbrandes_eth บนสมาร์ทโฟน Android ของตัวเองอย่างรุ่น Nexus 6P โดยหลังจากที่ทำการลบการติดตั้ง Facebook และ Messenger ไปแล้วนั้นพบว่าแอปพลิเคชันต่างๆ สามารถที่จะรันได้เร็วขึ้นกว่าเดิมจริงๆ แถมนอกเหนือไปจากนั้นแล้ว Gibbs ยังพบด้วยครับว่าอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ Nexus 6P ของเขานั้นเหลืออยู่ 20% เมื่อสิ้นสุดวันทำงานของเขาซึ่งจากปกติก่อนที่จะทำการลบแอปพลิเคชันของ Facebook ไปนั้นอยู่ได้ไม่เท่านี้ครับ
หากจะว่าไปแล้วแอปพลิเคชัน Facebook บนอุปกรณ์เคลื่อนที่นั้นถือว่าเป็นแอปพลิเคชันหนึ่งที่มีฟีเจอร์ค่อนข้างที่จะเยอะมากครับ ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนแบบทันที(ที่เยอะมาก), การเล่นวีดีโอแบบทันที(ซึ่งถ้าไม่ตั้งค่าให้ปิดไว้ Data ผ่านเครือข่ายอาจจะหมดลงได้อย่างรวดเร็ว) ฯลฯ แน่นอนว่าด้วยฟีเจอร์ที่มากมายหลายอย่างนั้นทำให้มันเปลืองแบตเตอรี่และใช้พลังในการประมวลผลค่อนข้างที่จะเยอะมากเลยทีเดียว ยิ่งกับแอปพลิเคชัน Messenger บนระบบปฎิบัติการ Android ที่เปิด Chat Head(รันแบบเป็นรูปวงกลมเหนือแอปพลิเคชันอื่นๆ) จะยิ่งใช้พลังงานในการประมวลผลมากยิ่งขึ้นครับ
นอกเหนือไปจากนั้นแล้ว Matt Galligan ผู้ก่อตั้ง Circa news app ยังได้เคยเขียนถึงแอปพลิเคชันของ Facebook ไว้ในเดือนตุลาคมของปีที่ผ่านมา(ที่นี่) ว่าตัวของ Galligan นั้นได้พบปัญหาเรื่องที่แอปพลิเคชันของทาง Facebook สูบแบตเตอรี่ค่อนข้างมากและ Facebook ควรที่จะนำปัญหานี้ขึ้นจัดการเป็นลำดับต้นๆ เหนือสิ่งอื่นใด โดยยังได้กล่าวไว้อีกด้วยครับว่าปัญหาเรื่องการสูบแบตเตอรี่ของแอปพลิเคชันนั้นควรเป็นสิ่งที่ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันให้ความสนใจเป็นอันดับแรกๆ มากกว่าการที่จะไปสนใจกับการใส่ฟีเจอร์ต่างๆ เข้ามาในแอปพลิเคชันให้เต็มไปหมดก่อนครับ(ในตอนนั้น Galligan ได้พบปัญหากับ iPhone ระบบปฎิบัติการ iOS 9 เช่นกัน)
สำหรับผู้ใช้งานฝั่ง iOS นั้น ตอนนี้คุณสามารถสบายใจได้แล้วครับ เพราะหลังจากที่มีการค้นพบว่าแอปพลิเคชันของทาง Facebook นั้นใช้ทั้งพลังในการประมวลผลมากและสูบแบตเตอรี่แบบมหาโหดแล้ว ทาง Facebook ได้ออกอัพเดทเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยได้บอกเอาไว้ด้วยครับว่าในอัพเดทต่อๆ ไปก็จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก ดังนั้นแล้วคุณสามารถสบายใจได้ส่วนหนึ่งว่ากับ iOS นั้นทาง Facebook ไม่ได้ทิ้งปัญหาเรื่องดังกล่าวนี้ครับ
สำหรับทางฝั่ง Android นั้น ผู้ใช้คงต้องรอคอยกันสักพักนะครับ เนื่องจากว่าในตอนนี้นั้นปัญหาดังกล่าวพึ่งจะมีการค้นพบและเป็นข่าวไปได้ไม่นานมากนาน ซึ่งหากดูจากจำนวนผู้ใช้งาน Android ที่มากกว่า iOS หลายเท่าตัวแล้วเชื่อได้ว่า Facebook เองก็คงจะมีการอัพเดทแก้ไขปัญหาดังกล่าวออกมาเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามแต่ ณ เวลานี้นั้นวิธีการแก้ไขปัญหาที่ง่ายที่สุดสำหรับผู้ที่อยากยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ Android ของคุณนั้นก็คือการลบแอปพลิเคชัน Facebook ออก ทว่าผผมเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ ครับว่าต้องมีหลายๆ ท่านที่ได้อ่านบทความนี้ไม่สามารถที่จะทำได้แน่ๆ(ผมเองคนหนึ่งหล่ะครับ)
ที่มา : independent, independent, reddit, theguardian