การ์ดจอหรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า GPU (Graphics Processing Unit) ก็เป็นหนึ่งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ใช้สำหรับแสดงภาพกราฟิกบนหน้าจอแถมยังเป็นฮาร์ดแวร์ยอดฮิตที่มีการพัฒนากันอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับกับกราฟิกเกมที่มีความสมจริงขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้ในปัจจุบันก็มีการ์ดจอวางจำหน่ายทั้งค่าย NVIDIA และ AMD ให้เลือกซื้อกันเต็มไปหมดแต่สำหรับมือใหม่ที่อยากจะถอยการ์ดจอตัวใหม่ก็คงจะต้องสับสนแน่ ๆ ว่าควรจะมีหลักการเลือกซื้ออย่างไรกันบ้าง ซึ่งวันนี้ก็มี Tips ดี ๆ จาก PCGAMER มาแนะนำการเลือกซื้อการ์ดจอและเกร็ดน่ารู้ที่น่าสนใจเป็นจำนวน 6 ข้อด้วยกันแต่จะมีอะไรบ้างก็ไปดูกันเลยครับ
ดูรหัสการ์ดจอให้เป็น
ไม่ว่าจะ NVIDIA ก็ดีหรือ AMD ก็ดีการเลือกซื้อขั้นพื้นฐานและสิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดเลยก็คือรหัสการ์ดจอที่จะแบ่งได้ง่าย ๆ เลยยกตัวอย่างเช่น GTX 780 เป็นการ์ดจอของ NVIDIA โดยที่เลข 7 ด้านหน้าจะเป็นตัวบ่งบอกความใหม่ของเทคโนโลยีส่วนเลขลำดับถัดมาก็จะเป็นความแรงของการ์ดจอสมมุติถ้าเทียบกันระหว่าง GTX 690 กับ GTX 680 ก็หมายความว่าทั้งสองตัวมีเทคโนโลยีเท่ากันแต่ GTX 690 แรงกว่า GTX 680 เพราะเลขลำดับที่สองมีจำนวนมากกว่านั่นเอง
การณีของ AMD ก็จะคล้ายกับ NVIDIA โดยสังเกตุที่ตัวเลขถ้าหากตัวเลขมีจำนวนมากก็แสดงว่าการ์ดจอตัวนั้นมีความแรงมากเช่น AMD R9 290 กับ AMD R9 280 ก็แสดงว่า AMD R9 290 มีความแรงมากกว่า AMD R9 280 ครับและถ้าหากสังเกตุให้ละเอียดในการ์ดจอบางตัวจะมีตัวอักษรต่อท้ายอย่าง Redeon R9 290X โดยตัว X ที่ต่อท้ายนั้นก็หมายความว่าเป็นการ์ดจอที่ทางโรงงานเอาไปเพิ่มประสิทธิภาพให้แรงขึ้นไปอีกครับ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าการที่จะซื้อการ์ดจอแรง ๆ ไว้ก่อนจะเป็นผลดีเสมอไปแต่จำเป็นจะต้องดูประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราด้วยว่ามันรองรับกันหรือสัมพันธ์กันหรือไม่ครับ
RAM การ์ดจอไม่สำคัญเท่า Bandwidth และ Bus Width
การซื้อการ์ดจอที่มี RAM สูง ๆ ก็ใช่ว่าจะได้ประสิทธิภาพที่สูงเสมอไปซึ่งการจะให้การ์ดจอแสดงผลได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ต้องดูปัจจัยอื่นที่มากกว่า RAM เช่น Bandwidth และค่า Bus Width ที่เปรียบเหมือนช่องทางการรับส่งข้อมูลซึ่งถ้าหากค่า Bus Width สูงก็เหมือนกับช่องทางที่กว้างสามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วขึ้นไหลลื่นขึ้นซึ่งต่อให้การ์ดจอที่มี RAM เพียง 1.5 GB มีค่า Bus Width สูงกว่าย่อมมีประสิทธิภาพกว่าการ์ดจอ RAM 2 GB แต่มีค่า Bus Width น้อยครับฉะนั้นการเลือกซื้อการ์ดจอต้องดูข้อมูลมากกว่า RAM ไม่งั้นอาจจะโดนหลอกก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม RAM ก็ยังสำคัญอยู่โดยเฉพาะกับความละเอียดหน้าจอยิ่งมีหน้าจอละเอียดมากแค่ไหนก็ต้องใช้ RAM ยิ่งสูงแต่ถ้าหากผู้ใช้มีหน้าจอความละเอียดสูงมากกว่า 1920×1080 ขึ้นไปก็ขอแนะนำง่าย ๆ เลยว่าให้เลือกการ์ดจอระดับ High-End ไปเลยดีกว่าเพราะตัว RAM หรือข้อมูลอื่น ๆ จะเป็นค่ามาตรฐานรองรับได้อยู่แล้วครับ
เลือกการ์ดจอให้เหมาะสมกับคอมพิวเตอร์ของเราด้วย
อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์อื่น ๆ ก็สำคัญไม่แพ้การ์ดจอเช่นกันโดยเฉพาะพวก CPU ที่ใช้ก็ควรจะต้องเหมาะสมหรือสัมพันธ์กันกับการ์ดจอด้วยเพราะถ้าหากคุณใช้ CPU รุ่นเก่าจำพวก Celeron , Pentium , Sempron หรือ Athlon X2 ก็ไม่ควรที่จะนำการ์ดจอแรง ๆ ระดับท็อปมาใช้เพราะมันจะส่งผลเสียและแสดงประสิทธิภาพได้ไม่เต็มที่ซึ่งทางที่ดีควรจะซื้อการ์ดจอในระดับกลางจะดีกว่าแถมยังประหยัดเงินไปได้อีกเยอะ แต่ถ้าหากอยากจะให้เกมที่เล่นแสดงผลได้เต็มสูบก็ควรจะต้องเปลี่ยน processor ใหม่ให้เข้ากับการ์ดจอด้วยและในกรณีที่มีหน้าจอเก่า ๆ ความละเอียดต่ำกว่า 1280×1024 ก็เช่นเดียวกันครับควรจะเลือกการ์ดจอในระดับที่เท่ากันเพื่อจะได้ไม่เสียเงินโดยไม่จำเป็นครับ
ไม่จำเป็นต้องต่อการ์ดจอ 2 ตัวเสมอไป
สิ่งที่เรียกกันว่า Crossfire หรือ SLI นั้นจริงอยู่ว่ามันจะช่วยให้การทำงานในด้านภาพ 3D แรงขึ้นแต่มันก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นเสมอไปครับเพราะในความเป็นจริงแล้วประสิทธิภาพของการ์ดจอตัวที่สองจะแสดงได้ไม่เต็มร้อยซึ่งส่วนมากมันจะทำงานเพียง 25-50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นและในขณะเดียวกันหากต่อการ์ดจอเพิ่มอีกเป็น 3 – 4 ตัวเปอร์เซ็นต์การทำงานของการ์ดจอตัวหลัง ๆ มันก็จะถูกลดทอนลงตามลำดับแต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีข้อดีในเรื่องของการประมวลผลกราฟิกหรือเล่นเกมบนหน้าจอความละเอียดสูงซึ่งการทำ Crossfire หรือ SLI ก็จะเห็นผลชัดเจนกว่าการมีการ์ดจอใบเดียวและถ้าหากในกรณีที่ผู้ใช้มีหน้าจอ 4K หรือต่อหน้าจอหลายจอแล้วหล่ะก็มันก็คุ้มค่าที่จะทำแต่ถ้ามีหน้าจอธรรมดาไม่เว่อร์เกินไปการทำ Crossfire หรือ SLI ก็คงจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักครับ
Power Supply ก็สำคัญนะ
นอกจากจะต้องดูรายละเอียดของการ์ดจอให้ดีแล้วอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เปรียบเหมือนหัวใจหลักก็คือ Power Supply นั่นเองเพราะการ์ดจอเป็นสิ่งที่ใช้ไฟเยอะมากที่สุดและถ้าหากเรามี Power Supply ตัวดี ๆ มันก็จะสามารถจ่ายกระแสไฟไปเลี้ยงได้เพียงพอและในขณะเดียวกันถ้าหากเรามี Power Supply ที่ไม่สัมพันธ์หรือมีประสิทธิภาพต่ำกว่ากับตัวการ์ดจอแล้วหล่ะก็อาจจะเกิดฝันร้ายของชาว PC เช่นอาจจะทำให้ฮาร์ดแวร์บางอย่างในเครื่องไหม้ก็ได้ครับ ทางที่ดีถ้าหากจะซื้อการ์ดจอก็ควรดูด้วยว่า Power Supply ที่มีนั้นเหมาะสมหรือไม่หรือจะลงทุนซื้อ Power Supply ใหม่ไปเลยก็เป็นทางเลือกที่ดีครับโดยมียี่ห้อแนะนำอย่างเช่น Corsair , Antec และ Seasonic โดยมีราคาระดับหลักพันขึ้นไปซึ่งขอแนะนำตรงนี้เลยว่าให้ลงทุนซื้อ Power Supply ตัวดี ๆ ครั้งเดียวไปเลยครับคุ้มค่าแน่นอน
ดูระบบระบายความร้อนของการ์ดจอประเภท Reference และ Non-Reference
ในปัจจุบันนี้การ์ดจอก็มีระบบพัดลมระบายความร้อนเพื่อรองรับกับการทำงานหนัก ๆ ซึ่งแต่ละค่ายแต่ละรุ่นก็มีดีต่างกันไปแต่ทั้งหมดทั้งมวลมันสามารถแบ่งประเภทของการ์ดจอหลัก ๆ ได้ 2 แบบคือการ์ดจอแบบ Reference และการ์ดจอแบบ Non-Reference ครับ
สำหรับการ์ดจอแบบ Reference นั้นจะเป็นการ์ดจอที่มาจากโรงงานผู้ผลิตจาก 2 ค่ายดังได้แก่ NVIDIA กับ AMD โดยมีการออกแบบรูปร่างดีไซน์รวมถึงชิปทั้งหมดมาจากผู้ผลิต ส่วน Non-Reference ก็จะเป็นการ์ดจอที่มีชิปจาก NVIDIA หรือ AMD เหมือนกันแต่การดีไซน์ภายนอกจะมาจากผู้ผลิตเจ้าอื่นสามารถปรับแต่งได้ยืดหยุ่นหรือทำ Overclock ได้ดี
โดยทั้ง 2 ประเภทจะมีข้อแตกต่างในเรื่องของพัดลมระบายอากาศซึ่งการ์ดจอแบบ Non-Reference จะแสดงประสิทธิภาพได้ดีกว่านิดหนึ่งรวมไปถึงฟีเจอร์เล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการดีไซน์สวยกว่า , ประหยัดไฟมากขึ้นหรือมีสเปคที่รองรับเกมได้ดีกว่าแบบ Reference ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานแล้วว่าต้องการที่จะซื้อมาทำอะไรเช่นถ้าอยากจะเล่นเกมหนัก ๆ เป็นชีวิตจิตใจซื้อเกมใหม่มาลองเล่นตลอดตัวการ์ดจอแบบ Non-Reference ก็จะดูดีกว่าแต่ถ้าเล่นเกมหนักบ้างเบาบ้างหรือใช้ทำงานไปด้วยการ์ดจอ Reference อาจจะเป็นคำตอบที่ใช่แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ใช้ครับว่าชอบแบบไหนมากกว่ากันโดยราคาของทั้งคู่ก็ไม่หนีไปจากกันมากเท่าไหร่ครับ
ก็จะเห็นว่าการซื้อการ์ดจอใหม่มาสักหนึ่งตัวจำเป็นจะต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ เยอะมากทีเดียวครับและหวังว่า Tips ที่นำมาเสนอนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจเลือกซื้อการ์ดจอได้ง่ายขึ้นนะครับ
ที่มา : PCGAMER