แฟลชไดรฟ์ส่วนมากที่เราใช้กันอยู่ปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นพอร์ตแบบ USB 2.0 ไม่ก็เป็น USB 3.0 ซึ่งให้ความเร็วได้ดีในระดับหนึ่งสำหรับ USB 2.0 แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้อง Copy file ขนาดใหญ่ ก็อาจจะใช้เวลาที่ยาวนานยิ่งขึ้น เพราะคนที่ใช้งานแฟลชไดรฟ์เวลานี้ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะใช้กันที่ความจุระดับ 16GB ขึ้นไปแล้ว หลายคนจึง Copy หรือโยนไฟล์ทีละมากๆ หรืออาจใช้ไฟล์ขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้นนั่นเอง แต่ตอนนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะมีแฟลชไดรฟ์ที่ใช้ USB 3.0 มาให้เลือกใช้กันบ้างแล้ว แม้จะยังไม่เยอะมากนักก็ตาม
แต่ล่าสุดทาง Kingston ได้นำเสนอ HyperX Savage USB 3.1 Gen1 ที่เป็นแฟลชไดรฟ์อีกหนึ่งรุ่นที่เรียกว่าต่อยอดมาจากซีรีส์ HyperX Savage ที่เราคุ้นเคยกันดี ซึ่งในชื่อของ HyperX Savage จะเป็นกลุ่มของเกมเมอร์หรือผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วอย่างแท้จริง (เหนือกว่า Fury) โดยมาพร้อมดีไซน์แปลกตา ในโทนสีดำดุดัน ที่สำคัญคือ รองรับการต่อพ่วงมาตรฐานใหม่ล่าสุดอย่าง USB 3.1 มีให้เลือกตั้งแต่ 64GB, 128GB และ 256GB ความเร็วสูงสุดในการอ่านข้อมูล 350MB/s และความเร็วในการเขียนที่ 250MB/s อันเป็นความเร็วพื้นฐานที่มากับแฟลชไดรฟ์รุ่นนี้ ได้รับประกันแบบ 5ปี ตามมาตรฐานของ Kingston
ดีไซน์การออกแบบ
ในส่วนของแพ็คเกจก็ดูดีมีมูลค่าจัดว่าหรูหราในระดับนึง ด้านหน้าสกรีน HyperX Savage USB 3.1 Gen1 ชัดเจน พร้อมระบุความจุ 128GB เอาไว้ และความเร็วในการทำงานครบครัน อีกทั้งยังเห็นหน้าตาของแฟลชไดรฟ์อย่างชัดเจน ซึ่งขนาดของ Kingston HyperX Fury ก็เรียกได้ว่าไม่ได้ต่างไปจากแฟลชไดรฟ์พื้นฐานที่มีอยู่ในท้องตลาดสักเท่าใดนัก เทียบเท่ากับ Kingston รุ่นปกติ
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Kingston HyperX Savage USB 3.1 มาพร้อมกับรูปแบบที่ล้ำสมัย ในสไตล์เฉพาะของ HyperX กับวัสดุที่แน่นหนาทนทาน แต่ก็ดูสปอร์ต พร้อมกับการสกรีนโลโก้ HyperX ไว้ชัดเจน และสังเกตที่ด้านท้าย มีตัวเลขความจุ 128GB ระบุเอาไว้ด้วย แถมในการจับถือก็มีความถนัดเป็นอย่างดี โดยตัวพอร์ตต่อพ่วง USB 3.1 ก็รองรับการทำงานของ USB 3.0 และ USB 2.0 ด้วยเช่นกัน
เมื่ออยู่ในมืออาจจะดูมีขนาดใหญ่บ้างเล็กน้อย แต่ถ้าไม่ได้เทียบกับบรรดาแฟลชไดร์ฟทั่วไปก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน น้ำหนักพอให้สมน้ำสมเนื้อ แต่ก็ไม่เยอะไป ใส่กระเป๋าเสื้อก็ไม่รู้สึกมากนัก สำหรับ Kingston HyperX Savage USB 3.1 Gen1 มาพร้อมฝาปิดที่ผู้ใช้งานสามารถถอดออกมาใส่ในส่วนของด้านท้ายได้ ทำให้ช่วยป้องกันการสูญหายได้ในระดับนึง
ผลการทดสอบ
หลังจากที่ทำการฟอร์แมตไดรฟ์ เหลือพื้นที่สุทธิอยู่ที่ประมาณ 117GB
การทดสอบแรกใช้วิธีโอนไฟล์ทดสอบความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูล ด้วยการโอนข้อมูลขนาด 5.79GB (Document+Picture) SSD Notebook to USB ใช้เวลา 2.12 นาที ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีทีเดียว เมื่อเทียบกับแฟลชไดรฟ์ USB 3.0 ในการทดสอบ
การทดสอบด้วย Anvil’s Storage Utilities ให้ตัวเลขในการอ่านข้อมูลแบบสุ่มและการเขียนข้อมูบที่ทะลุความเร็วที่ระบุเอาไว้บนหน้ากล่องอย่างเห็นได้ชัด
ทดสอบด้วยโปรแกรมยอดนิยม CrytalDiskMark เช่นเดียวกับในการทดสอบที่ผ่านมา ตัวเลขในการอ่านและเขียนข้อมูล ทะลุสเปกที่ระบุไปเรียบร้อยแล้ว ที่ 370MB/s ในการอ่าน และ 324 MB/s ในการเขียน
สรุปการใช้งาน
สรุป HyperX Savage USB 3.1 Gen1 ถูกออกแบบมาให้เป็นแฟลชไดร์ฟที่มีความเร็วสูงบนมาตรฐาน USB 3.1 ราคาไม่แพง ทำให้มีความน่าสนใจและดึงดูดผู้ใช้ได้ดีทีเดียว ซึ่งอาจทำให้บางคนรู้สึกว่าเป็นแฟลชไดร์ฟที่มีความสามารถตอบสนองการใช้งานได้รวดเร็วสำหรับงานและไฟล์ขนาดใหญ่ รวมไปถึงมืออาชีพที่จำเป็นต้องพกพาไฟล์ความจุสูงไปมาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะพกพา External Harddisk ที่ใหญ่และช้า โดยในส่วนนี้ HyperX Savage USB 3.1 Gen1 แฟลชไดร์ฟน่าจะตอบโจทย์การทำงานได้เป็นอย่างดีทีเดียว จึงทำให้การใช้งานร่วมกับไฟล์มัลติมีเดียหรือไฟล์จำนวนมากไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป และยังใช้พลังงานที่น้อยกว่าอีกด้วย
จุดเด่น
- มาพร้อมความจุให้เลือกตั้งแต่ 64GB, 128GB และ 256GB
- ให้ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลที่สูงพอตัวระดับ SSD
- ขนาดพอเหมาะกับการพกพา
- เป็นมาตรฐานใหม่ USB 3.1
- ดีไซน์สวย ดูแล้วทนทาน หรูหรา
ข้อสังเกต
- ฝาปิดไม่มีที่คล้อง ไม่ระวังอาจหายได้
- ความกว้างที่ขยายออกมา อาจไปเบียดกับอุปกรณ์ข้างเคียงได้เช่นกัน