Dell XPS 15 (2016) ที่จัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมมาตรฐานใหม่ในเรื่องของขนาดตัวเครื่อง น้ำหนักและดีไซน์การออกแบบที่เล็กกว่าโน๊ตบุ๊คในหน้าจอขนาดเดียวกัน แน่นอนว่านั่นก็มาจากการที่ Dell มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ พร้อมทั้งต่อยอดความเร็จที่มีอยู่อย่างตลอดเวลา ที่สำคัญด้วยบริการ Dell Pro Support ซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ (On-site Sevice) ทำให้มั่นใจได้เลย บริการหลังการขายของ Dell นั้นยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน
Dell XPS 15 (2016) ใช้ชิประมวลผลรุ่นล่าสุดจากทาง Intel อย่าง Core i7 ที่เป็นตระกูล HQ (เน้นประสิทธิภาพ) และการ์ดจอระดับสูงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 960M รวมไปถึงรุ่นท๊อปยังมีหน้าจอความละเอียดสูงระดับ 3840 x 2160 พิกเซล Ultra HD 4K (UltraSharp QHD+) ส่งผลให้เราได้พบประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คที่เน้นประสิทธิภาพทั่วๆ ไปในตลาดทีเดียว สนนราคาเริ่มต้นที่ 74,990 บาท ไปจนถึง 94,990 บาท พร้อมประกัน Dell Pro Support ระยะเวลา 3 ปีเต็มด้วยกัน ส่วนข้อมูล Dell รุ่นอื่นๆ สามารถตามดูต่อได้ที่ https://www.facebook.com/DellThailand ได้เลย
Specification
ในเรื่องของสเปก Dell XPS 15 (2016) จะถูกแบบออกเป็น 2 รุ่นด้วยกัน ใช้ชิปประมวลเป็น Intel Core i7-6700HQ ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้เป็น 3.50 GHz (ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด) ส่วนการ์ดจอก็มีประสิทธิภาพสูงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 960M แรมก็ให้มา 8GB หรือ 16GB (สองแถว) แบบมาตรฐานใหม่ DDR4 ส่วน SSD มีสองขนาดเช่นกัน ด้วยความจุ 256GB และ 512GB ส่วนหน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD และ Ultra HD 4K (UltraSharp QHD+) ที่เป็นพาเนล IGZO2 IPS แถมตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit มาให้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คระดับสูงได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานของกลุ่มโน๊ตบุ๊คทั่วไปมาให้ค่อนข้างครบ เช่น USB 3.0 จำนวน 2 พอร์ตที่มาพร้อมฟีเจอร์ Sleep Charge และ USB 3.1 Type-C สุดล้ำ รวมไปถึงยังมี HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ Card Reader มาให้ด้วย อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยก็คือระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ พร้อมจุดเด่นเอกสิทธิ์ Dell ProSupport นั่นก็คือมีบริการทางโทรศัพท์ที่ให้คำปรึกษาทั้งด้าน Hardware และ Software ตลอด 24 ชม. ทุกวันไม่มีวันหยุด และจะรวมไปถึงบริการ On-site Service ที่ให้บริการถึงที่ ในทุกๆที่ ในอีก 1 วันทำการ ที่ให้เป็นระยะเวลา 3 ปีด้วยกัน
สเปกสามารถตามไปชมราละเอียดเต็มๆ ได้ ที่นี่ ครับ
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Dell XPS 15 (2016) นั้นจะดูเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6 นิ้วอื่นๆ อยู่พอสมควร เนื่องด้วยมีการใช้ตัวเครื่องขนาด 14 นิ้วเท่านั้น ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะเล็ก แต่ก็ยังใส่จอขนาด 15.6 นิ้วเทียบเท่ากับโน๊ตบุ๊คจากแบรนด์อื่นๆ มาให้อยู่ดี ทำให้ดีไซน์ออกมาได้ขอบหน้าจอบางแบบสุดๆ เพียงแต่อาจจะดูแปลกตาเล็กน้อยในตอนแรกๆ เท่านั้น ส่วนของบอดี้ จะใช้เป็นอะลูมิเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์เป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา ที่สำคัญส่งผลให้ภาพลักษณ์โดยรวมของตัวเครื่องดูหรูหรามากๆ ให้อารมณ์พรีเมียมสุดๆ
ตัวเครื่องมีการออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะลาดเอียงเล็กน้อย ที่ขอบอลูมิเนียมรอบของตัวเครื่อง ส่วนคาร์บอนไฟเบอร์นั่น จะถูกนำเอามาใช้ด้านในของตัวเครื่องเป็นหลัก ส่งให้เวลาที่เราเอามือมาวางจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป แต่ก็เป็นรอยนิ้วมือได้ค่อนข้างง่ายเช่นกัน ดังนั้นผู้ใช้อาจจะต้องขยันเช็ดดูแลทำความสะอาดเครื่องซักหน่อย สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คระดับสูงของทาง Dell จริงๆ จากการต่อยอดจาก Dell XPS 13 ที่ดีอยู่แล้ว
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Dell XPS 15 (2016) เป็นโน๊ตบุ๊คทรงประสิทธิภาพระดับสูงที่เน้นการพกพา เพราะมีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 2.09 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนความบางมีความส่วนที่บางสุดเพียง 8 มิลลิเมตร และส่วนที่หนาสุดก็เพียง 18.5 มิลลิเมตรเท่านั้น บอกได้เลยว่าบางสุดๆ แบบที่หารุ่นเปรียบเทียบได้ยาก ซึ่งแม้จะบางขนาดนี้ ยังได้รับการออกแบบเป็นอย่างดี เพราะสามารถถอดฝาหลังได้ ส่งผลให้ง่ายในการอัพเกรดตัวเครื่องเองของผู้ใช้ด้วยตนเอง ทั้งแรมที่ใส่สูงสุดสองแถวและฮาร์ดดิสก์ก็มีทั้งแบบธรรมดาและแบบ SSD M.2 ก็สามารถอัพเกรดได้
นอกเหนือจากนี้ Dell XPS 15 (2016) ยังมีการออกแบบภายในโดยใช้พัดลมระบายความร้อนข้างในเครื่องจำนวน 2 ตัว ในการท่ายเทความร้อนออกไปจากช่องทางใต้หน้าจอ ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ
ส่วนการออกแบบมาที่ค่อนข้างแปลกตา นั่นคือมีแถบฝาโลหะอยู่ตรงกลางเครื่อง ซึ่งภายในจะมีโลโก้ Windows ติดอยู่ นับว่าเป็นการซ่อนได้ดีทีเดียว นอกจากนี้การออกแบบยางรองใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่เหมือนใคร โดยใช้เป็นแถบยางยาวขนานไปกับแนวยาวของตัวเครื่อง พร้อมกับมีช่องระบายอากาศอยู่เป็นแนวยาวอีก ที่สำคัญยังมีการในส่วนของดีไซน์การออกแบบ Dell XPS 15 (2016)ยังมีปุ่มสำหรับเช็คพลังงานในแบตเตอรี่ พร้อมไฟบอกระดับพลังงานแบตเตอรี่บริเวณขอบตัวเครื่องด้านซ้าย ที่จัดได้ว่าเป็นอะไรที่โดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ และเป็นตัวช่วยได้เป็นอย่างดีทีเดียว (เกร๋ๆ ไปโชว์เพื่อนก็ได้)
Keyboard / Touchpad
ส่วนของคีย์บอร์ดนั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีความโค้งรับกับนิ้วมือได้พอดี ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ก็ถือว่าทำไว้ดีอยู่แล้วเช่นกันตามสไตล์ของ Dell กับคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size อีกทั้งด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ยังตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด รวมทั้งแป้นก็เด้งกับนิ้วเมื่อกดลงไปอย่างพอดี ในส่วนของไฟ LED Backlit ก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียว ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมขวาบน สีกลืนไปกับเครื่อง ซึ่งข้อดีก็คือมั่นใจได้ว่าจะไม่ไปเผลอกดระหว่างการใช้งานแน่นอน พร้อมมีไฟส่องสว่างให้เห็นสถานะ
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คปัจจุบันหลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า
Screen / Speaker
หน้าจอของ Dell XPS 15 (2016) นอกเหนือจากเรื่องความบางเฉียบแล้ว จุดเด่นที่สุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Dell เลือกใส่หน้าจอ InfinityEdge Display มาให้เป็นแบบ UltraSharp QHD+ ที่มีความละเอียดสูงมากถึง 3840 x 2160 พิกเซล Ultra HD 4K ที่สำคัญยังเป็นพาเนล IGZO2 IPS ที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพ (สำหรับรุ่นท๊อป) ส่งผลให้มีสีสันสวยสมจริง คมชัดในทุกมุมมอง แถมยังเรียบเนียนตาแบบที่โน๊ตบุ๊ครุ่นทั่วไปไม่สามารถให้ได้ ซึ่งในการแสดงผลจริงๆ นั้นจะไม่ได้เป็น Native ที่ Ultra HD 4K จริงๆ เพราะอัตราส่วนของภาพจะมีขนาดที่เล็กมาก ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษรหรือรูปภาพต่างๆ โดยตรงจุดนี้ตัว Windows 10 เองจะมีการสเกลภาพให้เทียบเท่ากับ 1920 x 1080 พิกเซลแทน ส่งผลให้เราใช้งานได้ตามปกติ แต่จะปรับเป็น Native ก็ได้นะ ในกรณีที่ต้องใช้พื้นที่ในการทำงานที่เยอะๆ เรียกได้ว่ารองรับทุกการทำงานหรือความบันเทิงแบบเต็มประสบการณ์อย่างสุดๆ
จุดที่น่าชื่นชมอีกอย่างหนึ่งก็คือ Dell XPS 15 (2016) เครื่องนี้ ก็คือมีการใส่ยางขอบจอมาตลอดแนวของจอเลย ต่างจากโน๊ตบุ๊คอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น ซึ่งยางนี้จะมีประโยชน์ก็ในการซับแรงกระแทกที่เกิดในเวลาที่จอพับอยู่ได้ ส่วนที่แปลกตาก็คือกล้องเว็บแคมไปอยู่บริเวณมุมซ้ายล่างของหน้าจอ ซึ่งในการใช้งานจริงก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ
ด้านของลำโพงสเตอรีโอนั้นอยู่บริเวณด้านล่างซ้ายขวาขอบตัวเครื่อง ในเรื่องของความดังของเสียงเรียกว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้น อาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างสักเทาไหร่ แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นผู้ใช้งานทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง Dell XPS 15 (2016) นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาที่มีความครบครันครับเครื่องเลยทีเดียว แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางและน้ำหนักเบาแต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.0 จำนวน 2 พอร์ต และ USB 3.1 Type-C สุดล้ำ รวมไปถึงยังมี HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก พร้อมช่องต่อหูฟังขนาดมาตรฐาน
นอกเหนือจากนี้ยังมีช่องต่อกับ Power Adapter สำหรับจ่ายไฟให้กับตัวเครื่องที่มีจุดเด่นที่หัวตัวเชื่อมต่อมีไฟบอกสถานะการชาร์จแบบชัดเจน รวมไปถึงตัวเครื่องก็มีไฟสถานะการใช้งานอีกเช่นกัน ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 2.09 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับตัวก้อนอแด็ปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะมีหนักราวๆ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คเน้นประสิทธิภาพในยุคปัจจุบันทีเดียว
Performance / Software
Dell XPS 15 (2016) เครื่องรีวิวนี้เป็นเครื่องเดโม ทำให้สเปกไม่ตรงกับที่ขายจริง โดยมาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i5-6300HQ ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.30 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.20 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 4 Core 4 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ แม้ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะสูงกว่าพวก Core i7 ตัวซีรีย์ HQ ไม่ได้ มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 530 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกระดับกลางค่อนสูงอย่าง NVIDIA GTX 960M ซะด้วย เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมบางเกมได้เป็นอย่างดีทีเดียว
อีกเกมหนึ่งที่โดยส่วนตัวเล่นเป็นประจำอย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ แน่นอนว่าที่ความละเอียด Native 3840 x 2160 พิกเซล ไม่สามารถเล่นอย่างลื่นๆ ได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่น ระดับเฟรมเรทอยู่ที่ประมาณ 50-60 แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 30 ขึ้นไปตลอด สรุปโดยรวมแล้วคือเล่นได้สบายๆ ซึ่งในการทดลองเล่นเกม DOTA 2 ทำได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งจากความลื่นไหลและหน้าจอที่สวยงามสมจริง
และจากเกมส์ที่ทดสอบมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น Resident Evil 6, Need for Speed : Most Wanted และ Mortal Kombat X จะเห็นว่า Dell XPS 15 (2016) มีประสิทธิภาพในการเล่นเกมส์ที่ค่อนข้างสูงไม่แพ้ Gaming Notebook ในปัจจุบันทีเดียว เพราะส่วนใหญ่จะไปวัดกันตรงกราฟิกการ์ดเป็นส่วนมาก สำหรับรายละเอียดเฟรมเรทแต่ละเกมมีดังต่อไปนี้
- DOTA 2 Avg: 58.430 – Min: 55 – Max: 60 (Full HD)
- Mortal Kombat X Avg: 51.650 – Min: 29 – Max: 60 (Full HD)
- Resident Evil 6 Avg: 53.233 – Min: 32 – Max: 60 (Full HD)
- Need for Speed : Most Wanted Avg: 50.270 – Min: 44 – Max: 60 (Full HD)
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Dell XPS 15 (2016) เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ เครื่อง ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 4300 mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราว 9 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ซึ่งถ้าใช้งานที่เน้นการประมวลผลหรือเล่นเกมล่ะก็ แบตเตอรี่ก็น่าจะใช้งานได้น้อยกว่านี้ในระดับนึง ส่วนช่องระบายความร้อนของ Dell XPS 15 (2016) จะอยู่ด้านบนของแท่นเครื่องบริเวณขาพับจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับกรอบอะลูมิเนียมของจอ ถึงพับจอก็ไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย
ส่วนของระบบนำอากาศเข้าจะอยู่ด้านใต้ตัวเครื่อง โดยจะอยู่ในส่วนบนของตัวเครื่องพอดี มีขนาดค่อนข้างใหญ่เห็นชัดเจน เวลาใช้งานแบบปกตินั้น ไม่มีเสียงรบกวนดังรบกวนแต่ถ้าดึงประสิทธิภาพเครื่องออกมาจนสุด ก็จะมีเสียงดังขึ้นมาพอควร เพื่อบอกกับผู้ใช้กลายๆ ว่าตอนนี้เครื่องทำงานเต็มที่แล้วนะ แต่ก็ไม่ถึงขั้นรบกวนมากมายอะไร
อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 45 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดเพียง 85 องศาเซลเซียสเท่านั้น นับว่าระบบระบายความร้อนของ Dell XPS 16 (2016) เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีกว่า Ultrabook เครื่องอื่นๆ ที่เคยทำการรีวิวมาพอควร เพราะความร้อนทั่วไปจะอยู่ที่เพียง 43 องศาเซลเซียสตอนทำงานเต็มที่แล้ว นับว่า Dell XPS 15 (2016) เครื่องนี้จัดการระบบระบายความร้อนออกมาได้ดีมากทีเดียว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก Dell ที่ดี และชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุดที่มีมีเทคโนโลยีการผลิตที่เล็กลง
Conclusion / Award
เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คทรงประสิทธิภาพที่แสนบางเบารุ่นล่าสุดสุดพรีเมียมจากทาง Dell อย่าง Dell XPS 15 (2016) ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล XPS ได้เป็นอย่างดี เพราะมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน ที่แม้ว่าอาจจะข้อสังเกตุในเรื่องของราคาค่าตัวที่สูงซักหน่อย (ก็ไม่หน่อยเท่าไร) สำหรับความละเอียดหน้าจอ Full HD แรม 8GB และ SSD 256GB สนนราคาเริ่มต้นที่ 74,990 บาท รุ่นหน้าจอ Ultra HD 4K (UltraSharp QHD+) ที่เป็นพาเนล IGZO2 IPS ให้แรมมา 16GB และ SSD 512GB ราคาก็จะอยู่ที่ 94,990 บาทีเดียว
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีราคา Dell XPS 15 (2016) จะมีราคาที่สูงกว่าโน๊ตบุ๊คเน้นประสิทธิภาพรุ่นอื่นๆ แต่ก็เหนือกว่ารุ่นอื่นๆ ด้วยการที่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเทียบเท่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14 นิ้วเท่านั้น ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6 นิ้ว และแน่นอนว่าขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วทั่วไป
โดยทางทีมงานลองนำมาเทียบกับ MacBook Pro Retina 15 ของทาง Apple ก็เห็นได้ชัดว่า Dell XPS 15 (2016) มีทั้งน้ำหนักที่เบากว่า ตัวเครื่องที่เล็กกว่า ขอบจอที่บางกว่า ความละเอียดหน้าจอที่สูงกว่า ซึ่งราคาเมื่อเทียบในสเปกที่ใกล้เคียงกันแล้ว ทาง Dell XPS 15 (2016) จะมีราคาที่เท่าๆ กันเลย แต่เหนือกว่าด้วยขนาดที่เล็ก หน้าจอ Ultra HD และสเปกที่ดีกว่า ยังไงก็จัดได้ว่ามีความน่าซื้ออยู่ไม่น้อยเช่นกัน สำหรับการโน๊ตบุ๊คระดับสูง แถมยังมีการรับประกันถึง 3 ปีอีกด้วย ที่สำคัญคือ Dell Pro Support On-Site Service คือมารับมาส่งถึงบ้านเลย อันนี้เจ๋งกว่าแบบเหนือชั้นจริงๆ
เอาเป็นว่าใครกำลังมองหาโน๊ตบุ๊คที่เน้นประสบการณ์ใช้งานที่เหนือระดับ ซึ่งครบครันทั้งประสิทธิภาพสูงระดับคอมพิวเตอร์พีซี ในขนาดตัวเครื่องที่เล็กกระทัดรัด พร้อมด้วย InfinityEdge Display ที่เห็นแล้วสวยงามสุดๆ โดยไม่กังวลในเรื่องของราคาค่าตัวล่ะก็ Dell XPS 15 (2016) น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีทีเดียวครับ ส่วนข้อมูล Dell รุ่นอื่นๆ สามารถตามดูต่อได้ที่ https://www.facebook.com/DellThailand ได้เลย
จุดเด่น
- เป็น Ultrabook หน้าจอ 15.6 นิ้ว แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็กเทียบเท่ารุ่นหน้าจอ 14 นิ้ว
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ Ultra HD 4K (UltraSharp QHD+)
- พาเนลหน้าจอ IGZO2 IPS มีคุณภาพสูง แถมเป็นแบบจอด้าน แทบจะไร้แสงสะท้อน
- ขอบจอบางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป InfinityEdge Display
- น้ำหนักเบา ตัวเครื่องบางพิเศษ วัสดุเป็นคาร์บอนไฟเบอร์
- ประสิทธิภาพสูงด้วย Intel Core i7 และการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 960M และ SSD ความเร็วสูง
- พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน ทันสมัยด้วย USB 3.1 Type-C (Thunderbolt 3)
- ประกันถึง 3 ปี มาพร้อม Dell Pro Support ซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ (On-site Sevice)
ข้อสังเกตุ
- ราคาสูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปในสเปกใกล้เคียงกัน
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ไม่ยาวนานอย่างที่ควรเป็น
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Dell XPS 15 (2016) ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ XPS มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Dell XPS 15 (2016) ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์ครุ่นใหม่ ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของโน๊ตบุ๊คตระกูล XPS อยู่เช่นเดิม ทั้งในความบางเพียง 15 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา 2.09 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ด้วยขนาดตัวเทียบเท่าโน๊ตบุ๊ค 14 นิ้วเท่านั้น ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 2 กิโลกรัมนิดๆ เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ
Best Technology
Dell XPS 15 (2016) มาพร้อมกับ InfinityEdge Display ขอบหน้าจอยังบางเฉียบที่ต้องบอกว่าไม่เคยมีโนตบุ๊คเครื่องไหนทำได้มาก่อน รวมไปถึงยังมีการติดตั้งสเปกภายในล่าสุด รวมไปถึงมีพอร์ตความเร็วสูงแห่งอนาคตอย่าง Thunderbolt 3 ที่สำคัญ น้ำหนักเบา ตัวเครื่องบางพิเศษ วัสดุเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ จึงทำให้คว้ารางวัล Best Technology ไป
Best Performance
ด้วยสเปกชิปประมวลผล Intel Core i7 ตัวล่าสุด ที่มาพร้อมกับแรมขนาด 16GB (ตัวท๊อป) แบบ DDR4 และกราฟิกการ์ดยอดนิยมอย่าง NVIDIA GeForce GTX 960M ขนาด 2GB DDR5 รวมไปถึง SSD คาวมเร็วสูงด้วย PCIe ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในสเปกโน๊ตบุ๊คเครื่องอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน ผลคะแนนที่ออกมานั้นทำได้อยู่ในช่วงเดียวกัน หรือบางจุดก็มากกว่าซะด้วย
Best Graphic
เรื่องของหน้าจอและความละเอียดจอก็มาในระดับที่สูงยังมาเป็นแบบ Ultra HD 4K ที่เป็นพาเนลจอคุณภาพสูงระดับมืออาชีพอย่าง IGZO2 IPS กับความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล ส่งผลให้มีสีสันสวยสมจริง คมชัดในทุกมุมมอง แถมยังเรียบเนียนตาแบบที่โน๊ตบุ๊ครุ่นทั่วไปไม่สามารถให้ได้ ซึ่งในการแสดงผลจริงๆ ทำให้รองรับงานกราฟิก วีดีโอ หรือโปรเซสภาพได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังขับเคลื่อนด้วยการ์ดจอระดับสูงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 960M ทำให้เล่นเกมก็ลื่นไหล (แต่ต้องลดความละเอียดเป็น Full HD นะ)
Specification
ในเรื่องของสเปก Dell XPS 15 (2016) จะถูกแบบออกเป็น 2 รุ่นด้วยกัน ใช้ชิปประมวลเป็น Intel Core i7-6700HQ ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้เป็น 3.50 GHz (ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด) ส่วนการ์ดจอก็มีประสิทธิภาพสูงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 960M แรมก็ให้มา 8GB หรือ 16GB (สองแถว) แบบมาตรฐานใหม่ DDR4 ส่วน SSD มีสองขนาดเช่นกัน ด้วยความจุ 256GB และ 512GB ส่วนหน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD และ Ultra HD 4K (UltraSharp QHD+) ที่เป็นพาเนล IGZO2 IPS แถมตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit มาให้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คระดับสูงได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานของกลุ่มโน๊ตบุ๊คทั่วไปมาให้ค่อนข้างครบ เช่น USB 3.0 จำนวน 2 พอร์ตที่มาพร้อมฟีเจอร์ Sleep Charge และ USB 3.1 Type-C สุดล้ำ รวมไปถึงยังมี HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ Card Reader มาให้ด้วย อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยก็คือระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ พร้อมจุดเด่นเอกสิทธิ์ Dell ProSupport นั่นก็คือมีบริการทางโทรศัพท์ที่ให้คำปรึกษาทั้งด้าน Hardware และ Software ตลอด 24 ชม. ทุกวันไม่มีวันหยุด และจะรวมไปถึงบริการ On-site Service ที่ให้บริการถึงที่ ในทุกๆที่ ในอีก 1 วันทำการ ที่ให้เป็นระยะเวลา 3 ปีด้วยกัน
สเปกสามารถตามไปชมราละเอียดเต็มๆ ได้ ที่นี่ ครับ
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Dell XPS 15 (2016) นั้นจะดูเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6 นิ้วอื่นๆ อยู่พอสมควร เนื่องด้วยมีการใช้ตัวเครื่องขนาด 14 นิ้วเท่านั้น ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะเล็ก แต่ก็ยังใส่จอขนาด 15.6 นิ้วเทียบเท่ากับโน๊ตบุ๊คจากแบรนด์อื่นๆ มาให้อยู่ดี ทำให้ดีไซน์ออกมาได้ขอบหน้าจอบางแบบสุดๆ เพียงแต่อาจจะดูแปลกตาเล็กน้อยในตอนแรกๆ เท่านั้น ส่วนของบอดี้ จะใช้เป็นอะลูมิเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์เป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา ที่สำคัญส่งผลให้ภาพลักษณ์โดยรวมของตัวเครื่องดูหรูหรามากๆ ให้อารมณ์พรีเมียมสุดๆ
ตัวเครื่องมีการออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะลาดเอียงเล็กน้อย ที่ขอบอลูมิเนียมรอบของตัวเครื่อง ส่วนคาร์บอนไฟเบอร์นั่น จะถูกนำเอามาใช้ด้านในของตัวเครื่องเป็นหลัก ส่งให้เวลาที่เราเอามือมาวางจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป แต่ก็เป็นรอยนิ้วมือได้ค่อนข้างง่ายเช่นกัน ดังนั้นผู้ใช้อาจจะต้องขยันเช็ดดูแลทำความสะอาดเครื่องซักหน่อย สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คระดับสูงของทาง Dell จริงๆ จากการต่อยอดจาก Dell XPS 13 ที่ดีอยู่แล้ว
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Dell XPS 15 (2016) เป็นโน๊ตบุ๊คทรงประสิทธิภาพระดับสูงที่เน้นการพกพา เพราะมีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 2.09 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนความบางมีความส่วนที่บางสุดเพียง 8 มิลลิเมตร และส่วนที่หนาสุดก็เพียง 18.5 มิลลิเมตรเท่านั้น บอกได้เลยว่าบางสุดๆ แบบที่หารุ่นเปรียบเทียบได้ยาก ซึ่งแม้จะบางขนาดนี้ ยังได้รับการออกแบบเป็นอย่างดี เพราะสามารถถอดฝาหลังได้ ส่งผลให้ง่ายในการอัพเกรดตัวเครื่องเองของผู้ใช้ด้วยตนเอง ทั้งแรมที่ใส่สูงสุดสองแถวและฮาร์ดดิสก์ก็มีทั้งแบบธรรมดาและแบบ SSD M.2 ก็สามารถอัพเกรดได้
นอกเหนือจากนี้ Dell XPS 15 (2016) ยังมีการออกแบบภายในโดยใช้พัดลมระบายความร้อนข้างในเครื่องจำนวน 2 ตัว ในการท่ายเทความร้อนออกไปจากช่องทางใต้หน้าจอ ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ
ส่วนการออกแบบมาที่ค่อนข้างแปลกตา นั่นคือมีแถบฝาโลหะอยู่ตรงกลางเครื่อง ซึ่งภายในจะมีโลโก้ Windows ติดอยู่ นับว่าเป็นการซ่อนได้ดีทีเดียว นอกจากนี้การออกแบบยางรองใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่เหมือนใคร โดยใช้เป็นแถบยางยาวขนานไปกับแนวยาวของตัวเครื่อง พร้อมกับมีช่องระบายอากาศอยู่เป็นแนวยาวอีก ที่สำคัญยังมีการในส่วนของดีไซน์การออกแบบ Dell XPS 15 (2016)ยังมีปุ่มสำหรับเช็คพลังงานในแบตเตอรี่ พร้อมไฟบอกระดับพลังงานแบตเตอรี่บริเวณขอบตัวเครื่องด้านซ้าย ที่จัดได้ว่าเป็นอะไรที่โดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ และเป็นตัวช่วยได้เป็นอย่างดีทีเดียว (เกร๋ๆ ไปโชว์เพื่อนก็ได้)
Keyboard / Touchpad
ส่วนของคีย์บอร์ดนั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีความโค้งรับกับนิ้วมือได้พอดี ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ก็ถือว่าทำไว้ดีอยู่แล้วเช่นกันตามสไตล์ของ Dell กับคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size อีกทั้งด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ยังตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด รวมทั้งแป้นก็เด้งกับนิ้วเมื่อกดลงไปอย่างพอดี ในส่วนของไฟ LED Backlit ก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียว ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมขวาบน สีกลืนไปกับเครื่อง ซึ่งข้อดีก็คือมั่นใจได้ว่าจะไม่ไปเผลอกดระหว่างการใช้งานแน่นอน พร้อมมีไฟส่องสว่างให้เห็นสถานะ
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คปัจจุบันหลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า
Screen / Speaker
หน้าจอของ Dell XPS 15 (2016) นอกเหนือจากเรื่องความบางเฉียบแล้ว จุดเด่นที่สุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Dell เลือกใส่หน้าจอ InfinityEdge Display มาให้เป็นแบบ UltraSharp QHD+ ที่มีความละเอียดสูงมากถึง 3840 x 2160 พิกเซล Ultra HD 4K ที่สำคัญยังเป็นพาเนล IGZO2 IPS ที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพ (สำหรับรุ่นท๊อป) ส่งผลให้มีสีสันสวยสมจริง คมชัดในทุกมุมมอง แถมยังเรียบเนียนตาแบบที่โน๊ตบุ๊ครุ่นทั่วไปไม่สามารถให้ได้ ซึ่งในการแสดงผลจริงๆ นั้นจะไม่ได้เป็น Native ที่ Ultra HD 4K จริงๆ เพราะอัตราส่วนของภาพจะมีขนาดที่เล็กมาก ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษรหรือรูปภาพต่างๆ โดยตรงจุดนี้ตัว Windows 10 เองจะมีการสเกลภาพให้เทียบเท่ากับ 1920 x 1080 พิกเซลแทน ส่งผลให้เราใช้งานได้ตามปกติ แต่จะปรับเป็น Native ก็ได้นะ ในกรณีที่ต้องใช้พื้นที่ในการทำงานที่เยอะๆ เรียกได้ว่ารองรับทุกการทำงานหรือความบันเทิงแบบเต็มประสบการณ์อย่างสุดๆ
จุดที่น่าชื่นชมอีกอย่างหนึ่งก็คือ Dell XPS 15 (2016) เครื่องนี้ ก็คือมีการใส่ยางขอบจอมาตลอดแนวของจอเลย ต่างจากโน๊ตบุ๊คอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น ซึ่งยางนี้จะมีประโยชน์ก็ในการซับแรงกระแทกที่เกิดในเวลาที่จอพับอยู่ได้ ส่วนที่แปลกตาก็คือกล้องเว็บแคมไปอยู่บริเวณมุมซ้ายล่างของหน้าจอ ซึ่งในการใช้งานจริงก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ
ด้านของลำโพงสเตอรีโอนั้นอยู่บริเวณด้านล่างซ้ายขวาขอบตัวเครื่อง ในเรื่องของความดังของเสียงเรียกว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้น อาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างสักเทาไหร่ แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นผู้ใช้งานทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง Dell XPS 15 (2016) นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาที่มีความครบครันครับเครื่องเลยทีเดียว แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางและน้ำหนักเบาแต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.0 จำนวน 2 พอร์ต และ USB 3.1 Type-C สุดล้ำ รวมไปถึงยังมี HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก พร้อมช่องต่อหูฟังขนาดมาตรฐาน
นอกเหนือจากนี้ยังมีช่องต่อกับ Power Adapter สำหรับจ่ายไฟให้กับตัวเครื่องที่มีจุดเด่นที่หัวตัวเชื่อมต่อมีไฟบอกสถานะการชาร์จแบบชัดเจน รวมไปถึงตัวเครื่องก็มีไฟสถานะการใช้งานอีกเช่นกัน ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 2.09 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับตัวก้อนอแด็ปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะมีหนักราวๆ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คเน้นประสิทธิภาพในยุคปัจจุบันทีเดียว
Performance / Software
Dell XPS 15 (2016) เครื่องรีวิวนี้เป็นเครื่องเดโม ทำให้สเปกไม่ตรงกับที่ขายจริง โดยมาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i5-6300HQ ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.30 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.20 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 4 Core 4 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ แม้ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะสูงกว่าพวก Core i7 ตัวซีรีย์ HQ ไม่ได้ มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 530 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกระดับกลางค่อนสูงอย่าง NVIDIA GTX 960M ซะด้วย เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมบางเกมได้เป็นอย่างดีทีเดียว
อีกเกมหนึ่งที่โดยส่วนตัวเล่นเป็นประจำอย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ แน่นอนว่าที่ความละเอียด Native 3840 x 2160 พิกเซล ไม่สามารถเล่นอย่างลื่นๆ ได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่น ระดับเฟรมเรทอยู่ที่ประมาณ 50-60 แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 30 ขึ้นไปตลอด สรุปโดยรวมแล้วคือเล่นได้สบายๆ ซึ่งในการทดลองเล่นเกม DOTA 2 ทำได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งจากความลื่นไหลและหน้าจอที่สวยงามสมจริง
และจากเกมส์ที่ทดสอบมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น Resident Evil 6, Need for Speed : Most Wanted และ Mortal Kombat X จะเห็นว่า Dell XPS 15 (2016) มีประสิทธิภาพในการเล่นเกมส์ที่ค่อนข้างสูงไม่แพ้ Gaming Notebook ในปัจจุบันทีเดียว เพราะส่วนใหญ่จะไปวัดกันตรงกราฟิกการ์ดเป็นส่วนมาก สำหรับรายละเอียดเฟรมเรทแต่ละเกมมีดังต่อไปนี้
- DOTA 2 Avg: 58.430 – Min: 55 – Max: 60 (Full HD)
- Mortal Kombat X Avg: 51.650 – Min: 29 – Max: 60 (Full HD)
- Resident Evil 6 Avg: 53.233 – Min: 32 – Max: 60 (Full HD)
- Need for Speed : Most Wanted Avg: 50.270 – Min: 44 – Max: 60 (Full HD)
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Dell XPS 15 (2016) เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ เครื่อง ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 4300 mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราว 9 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ซึ่งถ้าใช้งานที่เน้นการประมวลผลหรือเล่นเกมล่ะก็ แบตเตอรี่ก็น่าจะใช้งานได้น้อยกว่านี้ในระดับนึง ส่วนช่องระบายความร้อนของ Dell XPS 15 (2016) จะอยู่ด้านบนของแท่นเครื่องบริเวณขาพับจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับกรอบอะลูมิเนียมของจอ ถึงพับจอก็ไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย
ส่วนของระบบนำอากาศเข้าจะอยู่ด้านใต้ตัวเครื่อง โดยจะอยู่ในส่วนบนของตัวเครื่องพอดี มีขนาดค่อนข้างใหญ่เห็นชัดเจน เวลาใช้งานแบบปกตินั้น ไม่มีเสียงรบกวนดังรบกวนแต่ถ้าดึงประสิทธิภาพเครื่องออกมาจนสุด ก็จะมีเสียงดังขึ้นมาพอควร เพื่อบอกกับผู้ใช้กลายๆ ว่าตอนนี้เครื่องทำงานเต็มที่แล้วนะ แต่ก็ไม่ถึงขั้นรบกวนมากมายอะไร
อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 45 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดเพียง 85 องศาเซลเซียสเท่านั้น นับว่าระบบระบายความร้อนของ Dell XPS 16 (2016) เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีกว่า Ultrabook เครื่องอื่นๆ ที่เคยทำการรีวิวมาพอควร เพราะความร้อนทั่วไปจะอยู่ที่เพียง 43 องศาเซลเซียสตอนทำงานเต็มที่แล้ว นับว่า Dell XPS 15 (2016) เครื่องนี้จัดการระบบระบายความร้อนออกมาได้ดีมากทีเดียว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก Dell ที่ดี และชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุดที่มีมีเทคโนโลยีการผลิตที่เล็กลง
Conclusion / Award
เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คทรงประสิทธิภาพที่แสนบางเบารุ่นล่าสุดสุดพรีเมียมจากทาง Dell อย่าง Dell XPS 15 (2016) ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล XPS ได้เป็นอย่างดี เพราะมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน ที่แม้ว่าอาจจะข้อสังเกตุในเรื่องของราคาค่าตัวที่สูงซักหน่อย (ก็ไม่หน่อยเท่าไร) สำหรับความละเอียดหน้าจอ Full HD แรม 8GB และ SSD 256GB สนนราคาเริ่มต้นที่ 74,990 บาท รุ่นหน้าจอ Ultra HD 4K (UltraSharp QHD+) ที่เป็นพาเนล IGZO2 IPS ให้แรมมา 16GB และ SSD 512GB ราคาก็จะอยู่ที่ 94,990 บาทีเดียว
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีราคา Dell XPS 15 (2016) จะมีราคาที่สูงกว่าโน๊ตบุ๊คเน้นประสิทธิภาพรุ่นอื่นๆ แต่ก็เหนือกว่ารุ่นอื่นๆ ด้วยการที่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเทียบเท่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14 นิ้วเท่านั้น ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6 นิ้ว และแน่นอนว่าขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วทั่วไป
โดยทางทีมงานลองนำมาเทียบกับ MacBook Pro Retina 15 ของทาง Apple ก็เห็นได้ชัดว่า Dell XPS 15 (2016) มีทั้งน้ำหนักที่เบากว่า ตัวเครื่องที่เล็กกว่า ขอบจอที่บางกว่า ความละเอียดหน้าจอที่สูงกว่า ซึ่งราคาเมื่อเทียบในสเปกที่ใกล้เคียงกันแล้ว ทาง Dell XPS 15 (2016) จะมีราคาที่เท่าๆ กันเลย แต่เหนือกว่าด้วยขนาดที่เล็ก หน้าจอ Ultra HD และสเปกที่ดีกว่า ยังไงก็จัดได้ว่ามีความน่าซื้ออยู่ไม่น้อยเช่นกัน สำหรับการโน๊ตบุ๊คระดับสูง แถมยังมีการรับประกันถึง 3 ปีอีกด้วย ที่สำคัญคือ Dell Pro Support On-Site Service คือมารับมาส่งถึงบ้านเลย อันนี้เจ๋งกว่าแบบเหนือชั้นจริงๆ
เอาเป็นว่าใครกำลังมองหาโน๊ตบุ๊คที่เน้นประสบการณ์ใช้งานที่เหนือระดับ ซึ่งครบครันทั้งประสิทธิภาพสูงระดับคอมพิวเตอร์พีซี ในขนาดตัวเครื่องที่เล็กกระทัดรัด พร้อมด้วย InfinityEdge Display ที่เห็นแล้วสวยงามสุดๆ โดยไม่กังวลในเรื่องของราคาค่าตัวล่ะก็ Dell XPS 15 (2016) น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีทีเดียวครับ ส่วนข้อมูล Dell รุ่นอื่นๆ สามารถตามดูต่อได้ที่ https://www.facebook.com/DellThailand ได้เลย
จุดเด่น
- เป็น Ultrabook หน้าจอ 15.6 นิ้ว แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็กเทียบเท่ารุ่นหน้าจอ 14 นิ้ว
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ Ultra HD 4K (UltraSharp QHD+)
- พาเนลหน้าจอ IGZO2 IPS มีคุณภาพสูง แถมเป็นแบบจอด้าน แทบจะไร้แสงสะท้อน
- ขอบจอบางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป InfinityEdge Display
- น้ำหนักเบา ตัวเครื่องบางพิเศษ วัสดุเป็นคาร์บอนไฟเบอร์
- ประสิทธิภาพสูงด้วย Intel Core i7 และการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 960M และ SSD ความเร็วสูง
- พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน ทันสมัยด้วย USB 3.1 Type-C (Thunderbolt 3)
- ประกันถึง 3 ปี มาพร้อม Dell Pro Support ซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ (On-site Sevice)
ข้อสังเกตุ
- ราคาสูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปในสเปกใกล้เคียงกัน
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ไม่ยาวนานอย่างที่ควรเป็น
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Dell XPS 15 (2016) ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ XPS มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Dell XPS 15 (2016) ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์ครุ่นใหม่ ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของโน๊ตบุ๊คตระกูล XPS อยู่เช่นเดิม ทั้งในความบางเพียง 15 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา 2.09 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ด้วยขนาดตัวเทียบเท่าโน๊ตบุ๊ค 14 นิ้วเท่านั้น ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 2 กิโลกรัมนิดๆ เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ
Best Technology
Dell XPS 15 (2016) มาพร้อมกับ InfinityEdge Display ขอบหน้าจอยังบางเฉียบที่ต้องบอกว่าไม่เคยมีโนตบุ๊คเครื่องไหนทำได้มาก่อน รวมไปถึงยังมีการติดตั้งสเปกภายในล่าสุด รวมไปถึงมีพอร์ตความเร็วสูงแห่งอนาคตอย่าง Thunderbolt 3 ที่สำคัญ น้ำหนักเบา ตัวเครื่องบางพิเศษ วัสดุเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ จึงทำให้คว้ารางวัล Best Technology ไป
Best Performance
ด้วยสเปกชิปประมวลผล Intel Core i7 ตัวล่าสุด ที่มาพร้อมกับแรมขนาด 16GB (ตัวท๊อป) แบบ DDR4 และกราฟิกการ์ดยอดนิยมอย่าง NVIDIA GeForce GTX 960M ขนาด 2GB DDR5 รวมไปถึง SSD คาวมเร็วสูงด้วย PCIe ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในสเปกโน๊ตบุ๊คเครื่องอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน ผลคะแนนที่ออกมานั้นทำได้อยู่ในช่วงเดียวกัน หรือบางจุดก็มากกว่าซะด้วย
Best Graphic
เรื่องของหน้าจอและความละเอียดจอก็มาในระดับที่สูงยังมาเป็นแบบ Ultra HD 4K ที่เป็นพาเนลจอคุณภาพสูงระดับมืออาชีพอย่าง IGZO2 IPS กับความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล ส่งผลให้มีสีสันสวยสมจริง คมชัดในทุกมุมมอง แถมยังเรียบเนียนตาแบบที่โน๊ตบุ๊ครุ่นทั่วไปไม่สามารถให้ได้ ซึ่งในการแสดงผลจริงๆ ทำให้รองรับงานกราฟิก วีดีโอ หรือโปรเซสภาพได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังขับเคลื่อนด้วยการ์ดจอระดับสูงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 960M ทำให้เล่นเกมก็ลื่นไหล (แต่ต้องลดความละเอียดเป็น Full HD นะ)