หากกล่าวถึงโน๊ตบุ๊คระดับ Hi-End แน่นอนว่าในส่วนของแบรนด์ HP ก็มี Envy Series ให้เราเลือกใช้งานกัน อย่างล่าสุดทางทีมงาน NotebookSPEC ได้รับ HP Envy 15 มารีวิวให้ได้ชมกัน โดยได้รับการอัพเกรดมาจากรุ่นที่แล้วหลักๆ ก็จะเป็นชิปประมวลผลที่มาพร้อมกับ Intel Core i7 Gen 6 (Skylake) และหน้าจอทัชสกรีน สนนราคาอยู่ที่ 49,990 บาท พร้อมประกัน 2 ปี แบบซ่อมฟรีถึงบ้าน
HP Envy 15 ได้รับการออกบบดีไซน์ให้สมกับที่ว่าเป็นโน้ตบุ้คที่ใครๆ เห็นก็ต้องอิจฉา ในรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับสเปคอื่นๆ ที่จัดว่าแรงพอตัวด้วยแรมขนาด 16GB พร้อมฮาร์ดดิสก์ SSD ความจุ 128GB (และฮาร์ดดิสก์ปกติ 1TB) หน้าจอขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD ส่วนการ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce GTX 950M ซึ่งคุ้มค่าอย่างมาก ส่วนรายสามารถรับชมจากรีวิวได้เลยครับ
Specification
สำหรับสเปคโดยรวมของ HP Envy 15 นี้ ได้ใช้ชิปประมวลผลเป็น Inter Core i7-6500U ซึ่งถือได้ว่าเป็นซีพียูรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงทั้งการทำงานทั่วไปและการเล่นเกม ตามมาด้วยกราฟิกการ์ดแยก NVIDIA GeForce GTX 950M รุ่นตัวบนสำหรับ Mid-End ซึ่งสามารถการเล่นเกมได้ครบครัน ทั้ง Offline และ Online ได้อย่างไม่มีปัญหา แรมที่จัดเต็มให้มากถึง 16 GB แบบ DDR3L บัส 1600 MHz และฮาร์ดดิกส์ 1 TB พร้อมติดตั้ง SSD เพิ่มได้เป็น 128 GB เพียงพอสำหรับการทำงานครบครันเลย
ตัวเครื่องติดตั้งหน้าจอทัชสกรีน ขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1920×1080 พิกเซล แบบกระจก พาเนล IPS สีสันสดใส ส่วนพอร์ตที่ติดตั้งมาให้จะใช้ USB 3.0 ทั้งหมดเป็นจำนวน 4 พอร์ต, SD Card Reader, HDMI สำหรับต่อหน้าจอเสริม, Ethernet LAN, Audio Jack ที่สำคัญยังล้ำหน้าการติดตั้ง USB Type-C มาแล้วด้วย แน่นอนว่ารองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi กับ Bluetooth ในส่วนของรุ่นนี้จะมี Windows 10 ลิขสิทธิ์ติดมาด้วย น้ำหนักอยู่ที่ราว 2.29 กิโลกรัม รับประกัน 2 ปี และได้รับบริการ HP SmartFriend จำนวน 1 ปี แถมสามารถนพไปใช้ Wi-Fi ได้ฟรี 1 ปี สนนราคาจะอยู่ที่ 49,990 บาท
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ HP Envy 15 จัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คดีไซน์หรูหน้าจอ 15.6 นิ้ว ที่น่าสนใจอยู่พอสมควร จากการที่ดูแล้วมีความบางเบากว่าโน๊ตบุ๊คในขนาดหน้าจอที่เท่ากัน ทำให้ตัวเครื่องดูกะทัดรัด เหมาะกับการพกพาในบางกรณี ส่วนของวัสดุหลักจะใช้เป็นอลูมิเนียมคุณภาพสูงเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา รวมไปถึงดูดีมีราคา ที่สำคัญก็คือในส่วนของดีไซน์การเปิดตัวหน้าจอและคีย์บอร์ดที่จะทำมุมอย่างเหมาะสมเวลาเปิด ทำให้เวลาที่ใช้งานนั้นผู้ใช้จะรู้สึกว่าตัวเครื่องมีการระบายอากาศทางด้านล่างของโน๊ตบุ๊คออกไปอย่างรวดเร็วและให้ความรู้สึกสะดวกสบายมากขึ้นเวลาพิมพ์
ตัวเครื่องมีการออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะลาดเอียงเล็กน้อย ตัวเครื่องทั้งหมดใช้เป็นวัสดุอลูมิเนียม ส่งให้เวลาที่เราเอามือมาวางจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป โดยเป็นรอยนิ้วมือได้ยากในระดับนึงฉะนั้นใช้งานได้อย่างสบายใจ เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจน ว่านี่คือโน๊ตบุ๊คตัวระดับบน ที่มีการออกแบบมาเป็นอย่างดีพร้อมใส่ในรายละเอียดอย่างที่สุด
อีกหนึ่งจุดเด่นของ HP Envy 15 กับการที่ติดตั้งสเปกภายในมาอย่างแรงเหลือๆ ทั้งจาก Core i7 Gen 6 และการ์ดจอ NVIDIA GTX 950M ที่สังเกตุได้ง่ายๆ จากโลโก้ที่ติดไว้บนตัวเครื่อง เรียกได้ว่าเหมาะกับการทำงานหลักๆ ไม่ว่าจะเป็นงานประมวลผล ตัดต่อวีดีโอ หรือเล่นเกม ส่วนการใช้งานนอกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นการไปเรียน ไปทำงาน ไปนำเสนองาน ก็ทำได้อย่างลงตัว นอกจากนี้การออกแบบยางรองใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่เหมือนใคร โดยใช้เป็นแถบยางยาวขนานไปกับแนวยาวของตัวเครื่อง พร้อมกับมีช่องระบายอากาศอยู่เป็นแนวยาวอีก
Keyboard / Touchpad
ส่วนของคีย์บอร์ดนั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีเงินเข้ากับตัวเครื่อง โดยสกรีนตัวอักษรเป็นสีดำ อีกทั้งได้รับการปรับดีไซน์ใหม่ให้แต่ละปุ่มมีระยะห่างกัน 1.2 มิลลิเมตรทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับคนที่นิ้วเล็กนิ้วใหญ่สามารถใช้งานได้สะดวกทั้งหมด ในส่วนของไฟ LED Backlit ก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียว โดยมีระบบการปรับระดับความสว่างอัตโนมัติตามสภาพแสงรอบข้างด้วย ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมซ้ายบนสีกลืนไปกับเครื่อง ซึ่งข้อดีก็คือมั่นใจได้ว่าจะไม่ไปเผลอกดระหว่างการใช้งานแน่นอน พร้อมมีไฟส่องสว่างให้เห็นสถานะ
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับ HP Envy หลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า
Screen / Speaker
ในส่วนของหน้าจอด้านขนาด 15.6 นิ้ว บนความละเอียดในระดับ Full HD หรือ 1920 x 1080 พิกเซล ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานของหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว แต่มีระบบสัมผัสหน้าจอขึ้นมาทำให้ช่วยในการใช้งานมีมิติมากขึ้นซึ่งสามารถช่วยในการทุ่นแรงได้ พาเนลเป็น IPS คุณภาพสูง ให้การแสดงผลที่สมจริงแบบสุดๆ ที่สำคัญยังรองรับการใช้งานทัชสกรีนด้วย เมื่อลองใช้งานจริงแล้วให้ประสบการณ์ใช้งานระดับที่น่าพึงพอใจ ทั้งการเล่นเกม ดูหนัง ฟังเอ็มวีผ่าน Youtube ก็สามารถมอบประสบการณ์ความบันเทิงให้อย่างดี
จุดที่โดดเด่นก็ยังหนีไม่พ้นระบบและการออกแบบลำโพงที่เป็นจุดเด่นของรุ่นอย่างแท้จริง เนื่องจากด้านบนเป็นลำโพงขนาดใหญ่เป็นแผงยาวตลอดคีย์บอร์ดจำนวน 2 ตัว และด้านล่างข้างหน้าก็มีลำโพงอีก 2 ตัว โดยใช้ระบบเสียงด้วย Bang & Olufsen ซึ่งได้ให้การแบ่งทิศทางเสียงด้านซ้ายขวา, พลังของเสียงที่มีพลัง และ ความหนักแน่น สร้างประสบการณ์ที่ดูดีกว่าเสียงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไปเลยทีเดียว
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง HP Envy 15 นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีความครบครับอย่างมาก แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางและน้ำหนักเบาแต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.0 จำนวน 4 พอร์ต และ HDMI พร้อมช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร แน่นอนว่ามี SD Card Reader เป็นมาตรฐาน พร้อมพอร์ต LAN ตัวเต็ม ที่สำคัญยังมีพอร์ตอนาคตอย่าง USB 3.1 Type-C มาให้ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ใหม่ๆ อีกด้วย
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 2.29 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับตัวอแด็ปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะมีหนักราวๆ 2.5 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความไม่หนักไม่เบาจนเกินไปนัก (จริงๆ จะเบากว่านี้อีกถ้าหน้าจอไม่ทัชสกรีน) แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คในยุคปัจจุบันทีเดียว
Performance / Software
HP Envy 15 เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-6500U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.50 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.1 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 2 Core 4 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ แม้ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะสูงกว่าพวก Core i7 ตัวซีรีย์ M ไม่ได้ (แต่เทียบเท่าได้กับ Core i5 ซีรีย์ M) แต่เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 520 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกระดับกลางค่อนสูงอย่าง NVIDIA GTX 950M ซะด้วย เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมบางเกมได้เป็นอย่างดีทีเดียว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 128GB ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือแบบลูกผสมอย่าง SSHD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊ม
ทดสอบการทำงานฮาร์ดดิสก์ความจุอยู่ที่ 1TB ที่ติดตั้งมาให้ด้วยโปรแกรม HD Tune แล้วพบว่าอัตราการถ่ายโอนข้อมูลน้อยสุดที่ 51.6 MB/s และสูงสุดที่ 110.1 MB/s ทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 82.2 MB/s ด้วยกัน มีอัตราการเข้าถึงข้อมูลที่ 17.0 ms ซึ่งนับได้ว่าผลทดสอบที่ออกมานั้นมีความน่าประทับใจทีเดียว เรียกได้ว่าจัดอยู่มาตรฐานของฮาร์ดดิสก์
สำหรับ Street Fighter 4 เกมที่ค่อนข้างเป็นมาตรฐาน (จะได้วัดกับเครื่องรุ่นอื่นๆ ได้ง่าย) ที่ตั้งค่าเป็น Default บนความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล ผลคะแนนก็ได้มากกว่า Ultrabook รุ่นก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัดเจน โดยได้คะแนนอยู่ที่ 26376 คะแนนด้วยกัน มีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 258.15 FPS ด้วยกัน ทำให้ได้ระดับ Rank A ทีเดียว ซึ่งสำหรับเกมที่ไม่ได้กินทรัพยากรมากมายอะไร ถือได้ว่าพอจะเล่นได้แบบสบายๆ HP Envy 15 เครื่องนี้ก็พร้อมตอบสนองความสุขของทุกคนได้เป็นอย่างดี
อีกเกมหนึ่งที่โดยส่วนตัวเล่นเป็นประจำอย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่น ระดับเฟรมเรทอยู่ที่ประมาณ 50-60 แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 30 ขึ้นไปตลอด สรุปโดยรวมแล้วคือเล่นได้สบายๆ ซึ่งในการทดลองเล่นเกม DOTA 2 ทำได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งจากความลื่นไหลและหน้าจอที่สวยงามสมจริง
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 6 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับที่ High ภาพก็สวยจนน่าประทับใจแล้วครับ อยู่ในระดับ Rank S นับว่าใช้ได้ทีเดียว ซึ่งการปรับ Full HD จากที่ทดสอบแล้วต้องลดระดับกราฟิกไปเป็น Medium จะอยู่ในระดับ Rank A
และจากเกมส์ที่ทดสอบมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น Need for Speed : Most Wanted และ Mortal Kombat X จะเห็นว่า HP Envy 15 มีประสิทธิภาพในการเล่นเกมส์ที่ค่อนข้างสูงไม่แพ้ Gaming Notebook ในปัจจุบันทีเดียว เพราะส่วนใหญ่จะไปวัดกันตรงกราฟิกการ์ดเป็นส่วนมาก สำหรับรายละเอียดเฟรมเรทแต่ละเกมมีดังต่อไปนี้
- DOTA 2 Avg: 51.300 – Min: 32 – Max: 60 (Full HD)
- Mortal Kombat X Avg: 51.650 – Min: 29 – Max: 59 (HD)
- Resident Evil 6 Avg: 86.233 – Min: 71 – Max: 107 (HD)
- Need for Speed : Most Wanted Avg: 44.200 – Min: 37 – Max: 61 (Full HD)
ซึ่งจุดเด่นที่ทาง HP ได้ภูมิใจนำเสนอในครั้งนี้ก็จะประกอบไปด้วยซอฟต์แวร์อินเตอร์เน็ต Wi-Fi รอบโลกอย่าง iPass ที่มากับผลิตภัณฑ์ HP ทุกเครื่องที่ติดตั้ง Windows 10 แบบ Pre Install เอาไว้ครับ ซึ่ง iPass นี้เองจะสามารถใช้งานได้จริงๆ กว่าหลายๆ ร้อยประเทศทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย เพียงแค่เชื่อมต่ออินเตอร์ Wi-Fi และ Log-in ผ่านแอปพลิเคชั่น iPass ก็สามารถใช้งานได้แล้วละครับ โดยในประเทศไทยทั้ง True, AIS และ 3BB ก็รองรับ ซึ่งทาง HP ใจดี ให้ใช้กันได้ฟรีๆ เป็นระยะวะเวลา 1 ปีสำหรับ ผลิตภัณฑ์ HP ทุกเครื่องที่ติดตั้ง Windows 10 ด้วย ถือว่าเป็น Key Feature ที่น่าสนใจมาก และเป็นเจ้าแรกในตลาด PC ประเทศไทยเลยก็ว่าได้ที่กล้าให้ผู้ใช้ได้ขนาดนี้
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ HP Envy 15 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน้ตุบ๊คหลายๆ ตัวในปัจจุบัร ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 4500 mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราว 6:30 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ว่าเปิดโปรแกรมอะไร อย่าง ส่วนช่องระบายความร้อนของ HP Envy 15 จะอยู่ด้านบนของแท่นเครื่องบริเวณขาพับจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับด้านท้ายของตัวเครื่อง ถึงพับจอก็ไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย
อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 34 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดเพียง 69 องศาเซลเซียสเท่านั้น นับว่าระบบระบายความร้อนของ HP Envy 15 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องอื่นๆ ที่เคยทำการรีวิวมาพอควร เพราะความร้อนทั่วไปจะอยู่ที่เพียง 45 องศาเซลเซียสตอนทำงานเต็มที่แล้ว นับว่า HP Envy 15 เครื่องนี้จัดการระบบระบายความร้อนออกมาได้ดีมากทีเดียว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก HP ที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ และชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุดที่มีมีเทคโนโลยีการผลิตที่เล็กลง
Conclusion / Award
เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับโน๊ตบุ๊ครุ่นล่าสุดสุดพรีเมียมจากทาง HP ในรุ่น HP Envy 15 ที่ต่อยอดความสำเร็จ Envy 15 รุ่นก่อนหน้าได้เป็นอย่างดี โดยมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ พอร์ตการเชื่อมต่อสุดล้ำ USB 3.1 Type-C รวมไปถึงประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน โดยสนนราคาที่ 49,990 บาท
มาพร้อมสเปกชิปประมวลผล Intel Core i7 Gen 6 (Skylake) การ์ดจอ NVIDIA GTX 950M แรมขนาด 16GB ส่วนฮาร์ดดิสก์ก็ติดตั้งมาทั้ง SSD 128GB และแบบปกติที่ 1TB ความละเอียดหน้าจอ Full HD จัดได้ว่ามีราคาที่ไม่แพงจนเกินไปนักเมื่อเทียบกับสเปกภายในที่ได้ ในมุมของโน๊ตบุ๊คที่เน้นประสิทธิภาพ ไม่ใช่ Gaming Notebook โดยตรง
ซึ่งทางทีมงานลองนำมาเทียบกับโน๊ตบุ๊คทั่วไปก็เห็นได้ชัดว่า HP Envy 15 มีดีไซน์ที่พรีเมียมกว่า พร้อมหน้าจอทัชสกรีน สเปกโดยรวมจัดว่าสูงพอตัว ซึ่งราคาเมื่อเทียบในสเปกที่ใกล้เคียงกันแล้ว ทาง HP Envy 15 จะมีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่สำหรับการเป็นโน๊ตบุ๊คระดับสูง แถมยังมีการรับประกันถึง 2 ปีอีกด้วย ที่สำคัญคือ On-Site Service คือมารับมาส่งถึงบ้านเลย อีกทั้งยังมีอินเตอร์เน็ต Wi-Fi ให้ใช้ฟรีๆ ผ่านทาง iPass ระยะเวลา 1 ปี ก็จัดว่าน่าสนใจไม่น้อย รองรับทั้งการใช้งานทั่วไป เน้นประสิทธิภาพ หรือจะเล่นเกมแบบกราฟิกแจ่มๆ บ้างก็ยังตอบสนองได้
เอาเป็นว่าใครกำลังมองหาโน๊ตบุ๊คที่เน้นประสบการณ์ใช้งานที่เหนือระดับกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปในเรื่องความแตกต่างและมีดีไซน์ที่หรูหราน่าใช้งานแล้วล่ะก็ HP Envy 15 น่าจะตอบโจทย์ความต้องการได้เป็นอย่างดีทีเดียว ส่วนถ้าใครเน้นเล่นเกมจริงๆ อาจจะมองตัวอื่นไปนะครับ
ข้อดี
- บอดี้ออกแบบใหม่เรียบง่าย แต่สวยงามและหรูหรา ด้วยวัสดุอลูมิเนียม
- ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7 Gen 6 รุ่นใหม่ล่าสุด
- การ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 950Mสามารถเล่นเกมความละเอียดสูงได้เป็นส่วนใหญ่
- แรมมากถึง 16 GB ไม่จำเป็นต้องอัพเกรตเพิ่มแล้ว
- การจัดการระบายความร้อนทำออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ตัวเครื่องให้พื้นที่สำหรับลำโพงมากเป็นพิเศษสำหรับประสบการณ์ฟังเพลง
- มีพอร์ต USB 3.0 ทั้งหมดและมีระบบ Sleep and Charge
- มีพอร์ต USB 3.1 Type-C เพื่อรองรับอุปกรณ์ใหม่ๆ
- มีระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ลิขสิทธิ์มาให้ พร้อมใช้งาน
- มีบริการ iPass ใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านทาง Wi-Fi ฟรี 1 ปี
- รับประกัน 2 ปีแบบซ่อมฟรีถึงบ้าน
ข้อสังเกตุ
- ชิปประมวลผล Core i7 เป็นเพียงรหัส U
- ไม่มีไดร์ฟ DVD ในตัวมาให้ (ต้องซื้อแยก)
- ไม่พอร์ต VGA แต่แถมสายแปลงจาก HDMI > VGA มาให้
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน้ต บุ๊คขนาดหน้าจอ 15 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง HP Envy 15 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
ในกลุ่มโน๊ตบุ๊คที่รองรับการทำงานรอบด้านและมาพร้อมหน้าจอ 15 นิ้วที่ให้วัสดุเกรดคุณภาพอย่างอะลูมิเนียม ซึ่งช่วยลดความร้อน และ ไม่ก่อให้เกิดรอยนิ้วมือมากนัก และรวมไปถึงการเอาส่วนที่ใช้งานน้อยอย่างตัว DVD ออกทำให้มีน้ำหนักเบากว่า Notebook ขนาด 15 นิ้วทั่วไปเป็นอย่างมากทำให้เหมาะสมที่จะรับรางวัลนี้ครับ
Best Multimedia
ด้วยสเปคที่จัดเต็มทั้งการ์ดจอและแรมขนาดมากถึง 16 GB DDR3L หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ระบบ Full HD และการเอาใจใส่ในการเพิ่มพื้นที่ลำโพง และ ระบบ Bang & Olufsen ทำให้มีความเหมาะสมในงานสายบันเทิงอย่างเต็มเปี่ยม อาธิ ดูหนัง ฟังเพลง ดู MV จาก Youtube ก็สามารถทำได้อย่างไม่มีติดขัดครับ
Specification
สำหรับสเปคโดยรวมของ HP Envy 15 นี้ ได้ใช้ชิปประมวลผลเป็น Inter Core i7-6500U ซึ่งถือได้ว่าเป็นซีพียูรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงทั้งการทำงานทั่วไปและการเล่นเกม ตามมาด้วยกราฟิกการ์ดแยก NVIDIA GeForce GTX 950M รุ่นตัวบนสำหรับ Mid-End ซึ่งสามารถการเล่นเกมได้ครบครัน ทั้ง Offline และ Online ได้อย่างไม่มีปัญหา แรมที่จัดเต็มให้มากถึง 16 GB แบบ DDR3L บัส 1600 MHz และฮาร์ดดิกส์ 1 TB พร้อมติดตั้ง SSD เพิ่มได้เป็น 128 GB เพียงพอสำหรับการทำงานครบครันเลย
ตัวเครื่องติดตั้งหน้าจอทัชสกรีน ขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1920×1080 พิกเซล แบบกระจก พาเนล IPS สีสันสดใส ส่วนพอร์ตที่ติดตั้งมาให้จะใช้ USB 3.0 ทั้งหมดเป็นจำนวน 4 พอร์ต, SD Card Reader, HDMI สำหรับต่อหน้าจอเสริม, Ethernet LAN, Audio Jack ที่สำคัญยังล้ำหน้าการติดตั้ง USB Type-C มาแล้วด้วย แน่นอนว่ารองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi กับ Bluetooth ในส่วนของรุ่นนี้จะมี Windows 10 ลิขสิทธิ์ติดมาด้วย น้ำหนักอยู่ที่ราว 2.29 กิโลกรัม รับประกัน 2 ปี และได้รับบริการ HP SmartFriend จำนวน 1 ปี แถมสามารถนพไปใช้ Wi-Fi ได้ฟรี 1 ปี สนนราคาจะอยู่ที่ 49,990 บาท
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ HP Envy 15 จัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คดีไซน์หรูหน้าจอ 15.6 นิ้ว ที่น่าสนใจอยู่พอสมควร จากการที่ดูแล้วมีความบางเบากว่าโน๊ตบุ๊คในขนาดหน้าจอที่เท่ากัน ทำให้ตัวเครื่องดูกะทัดรัด เหมาะกับการพกพาในบางกรณี ส่วนของวัสดุหลักจะใช้เป็นอลูมิเนียมคุณภาพสูงเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา รวมไปถึงดูดีมีราคา ที่สำคัญก็คือในส่วนของดีไซน์การเปิดตัวหน้าจอและคีย์บอร์ดที่จะทำมุมอย่างเหมาะสมเวลาเปิด ทำให้เวลาที่ใช้งานนั้นผู้ใช้จะรู้สึกว่าตัวเครื่องมีการระบายอากาศทางด้านล่างของโน๊ตบุ๊คออกไปอย่างรวดเร็วและให้ความรู้สึกสะดวกสบายมากขึ้นเวลาพิมพ์
ตัวเครื่องมีการออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะลาดเอียงเล็กน้อย ตัวเครื่องทั้งหมดใช้เป็นวัสดุอลูมิเนียม ส่งให้เวลาที่เราเอามือมาวางจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป โดยเป็นรอยนิ้วมือได้ยากในระดับนึงฉะนั้นใช้งานได้อย่างสบายใจ เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจน ว่านี่คือโน๊ตบุ๊คตัวระดับบน ที่มีการออกแบบมาเป็นอย่างดีพร้อมใส่ในรายละเอียดอย่างที่สุด
อีกหนึ่งจุดเด่นของ HP Envy 15 กับการที่ติดตั้งสเปกภายในมาอย่างแรงเหลือๆ ทั้งจาก Core i7 Gen 6 และการ์ดจอ NVIDIA GTX 950M ที่สังเกตุได้ง่ายๆ จากโลโก้ที่ติดไว้บนตัวเครื่อง เรียกได้ว่าเหมาะกับการทำงานหลักๆ ไม่ว่าจะเป็นงานประมวลผล ตัดต่อวีดีโอ หรือเล่นเกม ส่วนการใช้งานนอกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นการไปเรียน ไปทำงาน ไปนำเสนองาน ก็ทำได้อย่างลงตัว นอกจากนี้การออกแบบยางรองใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่เหมือนใคร โดยใช้เป็นแถบยางยาวขนานไปกับแนวยาวของตัวเครื่อง พร้อมกับมีช่องระบายอากาศอยู่เป็นแนวยาวอีก
Keyboard / Touchpad
ส่วนของคีย์บอร์ดนั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีเงินเข้ากับตัวเครื่อง โดยสกรีนตัวอักษรเป็นสีดำ อีกทั้งได้รับการปรับดีไซน์ใหม่ให้แต่ละปุ่มมีระยะห่างกัน 1.2 มิลลิเมตรทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับคนที่นิ้วเล็กนิ้วใหญ่สามารถใช้งานได้สะดวกทั้งหมด ในส่วนของไฟ LED Backlit ก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียว โดยมีระบบการปรับระดับความสว่างอัตโนมัติตามสภาพแสงรอบข้างด้วย ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมซ้ายบนสีกลืนไปกับเครื่อง ซึ่งข้อดีก็คือมั่นใจได้ว่าจะไม่ไปเผลอกดระหว่างการใช้งานแน่นอน พร้อมมีไฟส่องสว่างให้เห็นสถานะ
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับ HP Envy หลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า
Screen / Speaker
ในส่วนของหน้าจอด้านขนาด 15.6 นิ้ว บนความละเอียดในระดับ Full HD หรือ 1920 x 1080 พิกเซล ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานของหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว แต่มีระบบสัมผัสหน้าจอขึ้นมาทำให้ช่วยในการใช้งานมีมิติมากขึ้นซึ่งสามารถช่วยในการทุ่นแรงได้ พาเนลเป็น IPS คุณภาพสูง ให้การแสดงผลที่สมจริงแบบสุดๆ ที่สำคัญยังรองรับการใช้งานทัชสกรีนด้วย เมื่อลองใช้งานจริงแล้วให้ประสบการณ์ใช้งานระดับที่น่าพึงพอใจ ทั้งการเล่นเกม ดูหนัง ฟังเอ็มวีผ่าน Youtube ก็สามารถมอบประสบการณ์ความบันเทิงให้อย่างดี
จุดที่โดดเด่นก็ยังหนีไม่พ้นระบบและการออกแบบลำโพงที่เป็นจุดเด่นของรุ่นอย่างแท้จริง เนื่องจากด้านบนเป็นลำโพงขนาดใหญ่เป็นแผงยาวตลอดคีย์บอร์ดจำนวน 2 ตัว และด้านล่างข้างหน้าก็มีลำโพงอีก 2 ตัว โดยใช้ระบบเสียงด้วย Bang & Olufsen ซึ่งได้ให้การแบ่งทิศทางเสียงด้านซ้ายขวา, พลังของเสียงที่มีพลัง และ ความหนักแน่น สร้างประสบการณ์ที่ดูดีกว่าเสียงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไปเลยทีเดียว
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง HP Envy 15 นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีความครบครับอย่างมาก แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางและน้ำหนักเบาแต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.0 จำนวน 4 พอร์ต และ HDMI พร้อมช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร แน่นอนว่ามี SD Card Reader เป็นมาตรฐาน พร้อมพอร์ต LAN ตัวเต็ม ที่สำคัญยังมีพอร์ตอนาคตอย่าง USB 3.1 Type-C มาให้ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ใหม่ๆ อีกด้วย
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 2.29 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับตัวอแด็ปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะมีหนักราวๆ 2.5 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความไม่หนักไม่เบาจนเกินไปนัก (จริงๆ จะเบากว่านี้อีกถ้าหน้าจอไม่ทัชสกรีน) แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คในยุคปัจจุบันทีเดียว
Performance / Software
HP Envy 15 เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-6500U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.50 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.1 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 2 Core 4 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ แม้ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะสูงกว่าพวก Core i7 ตัวซีรีย์ M ไม่ได้ (แต่เทียบเท่าได้กับ Core i5 ซีรีย์ M) แต่เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 520 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกระดับกลางค่อนสูงอย่าง NVIDIA GTX 950M ซะด้วย เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมบางเกมได้เป็นอย่างดีทีเดียว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 128GB ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือแบบลูกผสมอย่าง SSHD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊ม
ทดสอบการทำงานฮาร์ดดิสก์ความจุอยู่ที่ 1TB ที่ติดตั้งมาให้ด้วยโปรแกรม HD Tune แล้วพบว่าอัตราการถ่ายโอนข้อมูลน้อยสุดที่ 51.6 MB/s และสูงสุดที่ 110.1 MB/s ทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 82.2 MB/s ด้วยกัน มีอัตราการเข้าถึงข้อมูลที่ 17.0 ms ซึ่งนับได้ว่าผลทดสอบที่ออกมานั้นมีความน่าประทับใจทีเดียว เรียกได้ว่าจัดอยู่มาตรฐานของฮาร์ดดิสก์
สำหรับ Street Fighter 4 เกมที่ค่อนข้างเป็นมาตรฐาน (จะได้วัดกับเครื่องรุ่นอื่นๆ ได้ง่าย) ที่ตั้งค่าเป็น Default บนความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล ผลคะแนนก็ได้มากกว่า Ultrabook รุ่นก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัดเจน โดยได้คะแนนอยู่ที่ 26376 คะแนนด้วยกัน มีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 258.15 FPS ด้วยกัน ทำให้ได้ระดับ Rank A ทีเดียว ซึ่งสำหรับเกมที่ไม่ได้กินทรัพยากรมากมายอะไร ถือได้ว่าพอจะเล่นได้แบบสบายๆ HP Envy 15 เครื่องนี้ก็พร้อมตอบสนองความสุขของทุกคนได้เป็นอย่างดี
อีกเกมหนึ่งที่โดยส่วนตัวเล่นเป็นประจำอย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่น ระดับเฟรมเรทอยู่ที่ประมาณ 50-60 แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 30 ขึ้นไปตลอด สรุปโดยรวมแล้วคือเล่นได้สบายๆ ซึ่งในการทดลองเล่นเกม DOTA 2 ทำได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งจากความลื่นไหลและหน้าจอที่สวยงามสมจริง
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 6 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับที่ High ภาพก็สวยจนน่าประทับใจแล้วครับ อยู่ในระดับ Rank S นับว่าใช้ได้ทีเดียว ซึ่งการปรับ Full HD จากที่ทดสอบแล้วต้องลดระดับกราฟิกไปเป็น Medium จะอยู่ในระดับ Rank A
และจากเกมส์ที่ทดสอบมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น Need for Speed : Most Wanted และ Mortal Kombat X จะเห็นว่า HP Envy 15 มีประสิทธิภาพในการเล่นเกมส์ที่ค่อนข้างสูงไม่แพ้ Gaming Notebook ในปัจจุบันทีเดียว เพราะส่วนใหญ่จะไปวัดกันตรงกราฟิกการ์ดเป็นส่วนมาก สำหรับรายละเอียดเฟรมเรทแต่ละเกมมีดังต่อไปนี้
- DOTA 2 Avg: 51.300 – Min: 32 – Max: 60 (Full HD)
- Mortal Kombat X Avg: 51.650 – Min: 29 – Max: 59 (HD)
- Resident Evil 6 Avg: 86.233 – Min: 71 – Max: 107 (HD)
- Need for Speed : Most Wanted Avg: 44.200 – Min: 37 – Max: 61 (Full HD)
ซึ่งจุดเด่นที่ทาง HP ได้ภูมิใจนำเสนอในครั้งนี้ก็จะประกอบไปด้วยซอฟต์แวร์อินเตอร์เน็ต Wi-Fi รอบโลกอย่าง iPass ที่มากับผลิตภัณฑ์ HP ทุกเครื่องที่ติดตั้ง Windows 10 แบบ Pre Install เอาไว้ครับ ซึ่ง iPass นี้เองจะสามารถใช้งานได้จริงๆ กว่าหลายๆ ร้อยประเทศทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย เพียงแค่เชื่อมต่ออินเตอร์ Wi-Fi และ Log-in ผ่านแอปพลิเคชั่น iPass ก็สามารถใช้งานได้แล้วละครับ โดยในประเทศไทยทั้ง True, AIS และ 3BB ก็รองรับ ซึ่งทาง HP ใจดี ให้ใช้กันได้ฟรีๆ เป็นระยะวะเวลา 1 ปีสำหรับ ผลิตภัณฑ์ HP ทุกเครื่องที่ติดตั้ง Windows 10 ด้วย ถือว่าเป็น Key Feature ที่น่าสนใจมาก และเป็นเจ้าแรกในตลาด PC ประเทศไทยเลยก็ว่าได้ที่กล้าให้ผู้ใช้ได้ขนาดนี้
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ HP Envy 15 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน้ตุบ๊คหลายๆ ตัวในปัจจุบัร ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 4500 mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราว 6:30 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ว่าเปิดโปรแกรมอะไร อย่าง ส่วนช่องระบายความร้อนของ HP Envy 15 จะอยู่ด้านบนของแท่นเครื่องบริเวณขาพับจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับด้านท้ายของตัวเครื่อง ถึงพับจอก็ไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย
อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 34 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดเพียง 69 องศาเซลเซียสเท่านั้น นับว่าระบบระบายความร้อนของ HP Envy 15 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องอื่นๆ ที่เคยทำการรีวิวมาพอควร เพราะความร้อนทั่วไปจะอยู่ที่เพียง 45 องศาเซลเซียสตอนทำงานเต็มที่แล้ว นับว่า HP Envy 15 เครื่องนี้จัดการระบบระบายความร้อนออกมาได้ดีมากทีเดียว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก HP ที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ และชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุดที่มีมีเทคโนโลยีการผลิตที่เล็กลง
Conclusion / Award
เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับโน๊ตบุ๊ครุ่นล่าสุดสุดพรีเมียมจากทาง HP ในรุ่น HP Envy 15 ที่ต่อยอดความสำเร็จ Envy 15 รุ่นก่อนหน้าได้เป็นอย่างดี โดยมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ พอร์ตการเชื่อมต่อสุดล้ำ USB 3.1 Type-C รวมไปถึงประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน โดยสนนราคาที่ 49,990 บาท
มาพร้อมสเปกชิปประมวลผล Intel Core i7 Gen 6 (Skylake) การ์ดจอ NVIDIA GTX 950M แรมขนาด 16GB ส่วนฮาร์ดดิสก์ก็ติดตั้งมาทั้ง SSD 128GB และแบบปกติที่ 1TB ความละเอียดหน้าจอ Full HD จัดได้ว่ามีราคาที่ไม่แพงจนเกินไปนักเมื่อเทียบกับสเปกภายในที่ได้ ในมุมของโน๊ตบุ๊คที่เน้นประสิทธิภาพ ไม่ใช่ Gaming Notebook โดยตรง
ซึ่งทางทีมงานลองนำมาเทียบกับโน๊ตบุ๊คทั่วไปก็เห็นได้ชัดว่า HP Envy 15 มีดีไซน์ที่พรีเมียมกว่า พร้อมหน้าจอทัชสกรีน สเปกโดยรวมจัดว่าสูงพอตัว ซึ่งราคาเมื่อเทียบในสเปกที่ใกล้เคียงกันแล้ว ทาง HP Envy 15 จะมีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่สำหรับการเป็นโน๊ตบุ๊คระดับสูง แถมยังมีการรับประกันถึง 2 ปีอีกด้วย ที่สำคัญคือ On-Site Service คือมารับมาส่งถึงบ้านเลย อีกทั้งยังมีอินเตอร์เน็ต Wi-Fi ให้ใช้ฟรีๆ ผ่านทาง iPass ระยะเวลา 1 ปี ก็จัดว่าน่าสนใจไม่น้อย รองรับทั้งการใช้งานทั่วไป เน้นประสิทธิภาพ หรือจะเล่นเกมแบบกราฟิกแจ่มๆ บ้างก็ยังตอบสนองได้
เอาเป็นว่าใครกำลังมองหาโน๊ตบุ๊คที่เน้นประสบการณ์ใช้งานที่เหนือระดับกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปในเรื่องความแตกต่างและมีดีไซน์ที่หรูหราน่าใช้งานแล้วล่ะก็ HP Envy 15 น่าจะตอบโจทย์ความต้องการได้เป็นอย่างดีทีเดียว ส่วนถ้าใครเน้นเล่นเกมจริงๆ อาจจะมองตัวอื่นไปนะครับ
ข้อดี
- บอดี้ออกแบบใหม่เรียบง่าย แต่สวยงามและหรูหรา ด้วยวัสดุอลูมิเนียม
- ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7 Gen 6 รุ่นใหม่ล่าสุด
- การ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 950Mสามารถเล่นเกมความละเอียดสูงได้เป็นส่วนใหญ่
- แรมมากถึง 16 GB ไม่จำเป็นต้องอัพเกรตเพิ่มแล้ว
- การจัดการระบายความร้อนทำออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ตัวเครื่องให้พื้นที่สำหรับลำโพงมากเป็นพิเศษสำหรับประสบการณ์ฟังเพลง
- มีพอร์ต USB 3.0 ทั้งหมดและมีระบบ Sleep and Charge
- มีพอร์ต USB 3.1 Type-C เพื่อรองรับอุปกรณ์ใหม่ๆ
- มีระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ลิขสิทธิ์มาให้ พร้อมใช้งาน
- มีบริการ iPass ใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านทาง Wi-Fi ฟรี 1 ปี
- รับประกัน 2 ปีแบบซ่อมฟรีถึงบ้าน
ข้อสังเกตุ
- ชิปประมวลผล Core i7 เป็นเพียงรหัส U
- ไม่มีไดร์ฟ DVD ในตัวมาให้ (ต้องซื้อแยก)
- ไม่พอร์ต VGA แต่แถมสายแปลงจาก HDMI > VGA มาให้
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน้ต บุ๊คขนาดหน้าจอ 15 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง HP Envy 15 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
ในกลุ่มโน๊ตบุ๊คที่รองรับการทำงานรอบด้านและมาพร้อมหน้าจอ 15 นิ้วที่ให้วัสดุเกรดคุณภาพอย่างอะลูมิเนียม ซึ่งช่วยลดความร้อน และ ไม่ก่อให้เกิดรอยนิ้วมือมากนัก และรวมไปถึงการเอาส่วนที่ใช้งานน้อยอย่างตัว DVD ออกทำให้มีน้ำหนักเบากว่า Notebook ขนาด 15 นิ้วทั่วไปเป็นอย่างมากทำให้เหมาะสมที่จะรับรางวัลนี้ครับ
Best Multimedia
ด้วยสเปคที่จัดเต็มทั้งการ์ดจอและแรมขนาดมากถึง 16 GB DDR3L หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ระบบ Full HD และการเอาใจใส่ในการเพิ่มพื้นที่ลำโพง และ ระบบ Bang & Olufsen ทำให้มีความเหมาะสมในงานสายบันเทิงอย่างเต็มเปี่ยม อาธิ ดูหนัง ฟังเพลง ดู MV จาก Youtube ก็สามารถทำได้อย่างไม่มีติดขัดครับ