ในปัจจุบันหน้าจอทีวีได้มีการพัฒนาให้รองรับกับไลพ์สไตล์มากขึ้นที่นอกเหนือจากดูรายการโทรทัศน์อย่างเดียวโดยในไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็จะมีหน้าจอที่พัฒนาเฉพาะทางอย่างการดูหนังหรือสำหรับเล่นเกมที่จะเน้นความละเอียดหรือความกว้างของหน้าจอแต่สำหรับใครที่มีหน้าจอแบบนี้อยู่แล้วหรือกำลังสนใจจอทีวีสำหรับเล่นเกมอยู่ในวันนี้เราก็มีเคล็ดไม่ลับสำหรับการปรับแต่งหน้าจอให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นรวมไปถึงการเลือกซื้อจอทีวีให้เหมาะสมกับห้องและการใช้งานที่ถูกลักษณะด้วยครับ
อย่างแรกเลยถ้าหากเพื่อน ๆ สนใจหน้าจอทีวีสำหรับเล่นเกมสักตัวนั้นต้องคำนึงถึงความกว้างของห้องหรือสถานที่ติดตั้งกันเสียก่อนเพราะใช่ว่าขนาดหน้าจอหรือขนาดความละเอียดของทีวีที่เยอะจะให้ประสิทธิภาพดีเสมอไปแต่มันขึ้นอยู่กับระยะห่างที่พอดีด้วย
ฉะนั้นแล้วการซื้อจอที่มีขนาดกว้างมาก ๆ และเห็นถึงความแตกต่างระหว่างจอทั่วไปนั้นควรจะติดตั้งในห้องที่มีความกว้างพอสมควรโดยเฉพาะถ้าหากมีหน้าจอขนาด 50-60 นิ้วก็ควรที่จะวางไว้ในห้องรับแขกแต่ถ้าหากต้องการวางในห้องแคบ ๆ อย่างห้องนอนก็ควรจะลดขนาดของจอจะดีกว่า
“ขนาดหน้าจอต้องสัมพันธ์กับขนาดห้องด้วย”
ขณะเดียวกันในส่วนของความคมชัดระดับ HD หรือ 4K ถ้าจะให้เห็นความต่างควรจะวางหน้าจอให้ห่างจากเก้าอี้หรือจุดที่เราต้องการจะนั่งประมาณกึ่งกลางของห้องหรือนั่งให้ใกล้กับหน้าจอเล็กน้อยเพื่อการแสดงผลที่เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงความสูงของจอที่ควรอยู่ในระดับสายตาหรือระดับคอจะต้องพอดี โดยการมองที่ดีนั้นผู้ใช้งานจะต้องไม่คอตกหรือคอเชิดขึ้นจนเกินไป ที่สำคัญตำแหน่งการนั่งควรอยู่ตรงกลางของหน้าจอเนื่องจากจะทำให้การมองเห็นของเราเต็มตาพอดีและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพถ้าหากใครมีงบประมาณสูงก็ควรเลือกซื้อจอที่มีความโค้งจะดีกว่าเพราะจะประสิทธิภาพการมองเห็นของผู้ใช้งานได้มากขึ้นและช่วยถนอมสายตาอีกด้วย
“จอโค้งจะช่วยให้ประสิทธิภาพการมองดีขึ้นและช่วยถนอมสายตา”
เมื่อเรียนรู้ถึงขนาดหน้าจอและตำแหน่งการติดตั้งแล้วก็จะมาในส่วนของฟีเจอร์ปรับแต่งคุณภาพของหน้าจอทีวีของเราให้เล่นเกมได้เนียนตามากขึ้นโดยจะเริ่มจากการปรับตั้งค่า Refresh Rate ซึ่งพื้นฐานของการเล่นเกมจะอยู่ที่ 60 Hz แต่ถ้าหากจอมอนิเตอร์ท่านใดที่รองรับ Refresh Rate 120 Hz หรือมากกว่านั้นได้ก็ให้ปรับตามค่าสูงสุดครับเพราะมันจะให้ภาพที่สมูธลื่นไหลอย่างเห็นได้ชัดแต่ทั้งนี้ก็ต้องปรับความละเอียดของภาพให้เหมาะสมกับหน้าจอให้สัมพันธ์กันด้วย
ต่อไปก็จะเป็นการปรับสีของหน้าจอโดยให้ไปปรับค่าที่แผง Control Panel ของการ์ดจอซึ่งในที่นี้เป็นของ Nvidia ในหัวข้อ Change Resolution ในหมวด Color Mode ให้เป็น RGB หรือ YCbCr 4:4:4 ครับ
หรือในอีกกรณีถ้าหากมีจอทีวีของ Samsung ก็จะสามารถเปิดใช้งานโหมดสำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะได้ครับโดยใช้รีโมทไปที่หัวข้อ Setup และจะมีคำว่า Game Mode อยู่ จากนั้นก็ให้เปิดใช้งานด้วยการเลือกไปที่ On เท่านี้ก็จะรองรับการเล่นเกมบนจอทีวีได้แล้ว
นอกจากนี้ก็ยังมีอีก Tips ที่จะเร่งประสิทธิภาพหน้าจอทีวีด้วยการ “คาลิเบรท” ซึ่งถ้าจะพูดง่าย ๆ ก็คือเป็นการปรับคุณภาพสีของหน้าจอให้เท่ากันทั้งตัวจอทีวีและตัว PC หรือ Notebook ซึ่งการคาลิเบรทนี้ก็ไม่ยุ่งยากมากนักเพราะว่ามีผู้ใช้งานหลายคนได้อัพโหลดโปรไฟล์สำเร็จรูปที่เหมาะกับหน้าจอไว้ให้แล้วครับ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดโปรไฟล์สำเร็จรูปดังกล่าวได้จากเว็บไซต์ tftcentral โดยภายในเว็บก็จะบอกยี่ห้อและรุ่นของหน้าจออย่างละเอียดเลือกดาวน์โหลดได้ตามต้องการ เมื่อดาวน์โหลดไฟล์มาได้แล้ว (ดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์เพื่อติดตั้ง) ก็ให้ไปที่ Control Panel –> Color Management –> Add ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา –> คลิกที่ Set As default Profile จ่อมาให้ไปที่แทบ Advanced ตั้งค่าทุกอย่างให้เป็น default จากนั้นคลิกคำว่า “Change system defaults” ก็เป็นอันเสร็จพิธีครับ
ถ้าหากอยากจะปรับคุณภาพสีด้วยตนเองก็สามารถเข้าไปดาวน์โหลดแผนภาพ Test Monitor ได้ ที่นี่ ครับ ซึ่งภายในเว็บไซต์ก็จะแสดงถึงคุณภาพสีขาว-ดำที่ถูกต้อง , Contrast , ความคมชัด , Gamma เป็นต้นโดยผู้ใช้จะต้องปรับตั้งค่าผ่านหน้าจอแบบ Manual แล้วเปรียบเทียบกับภาพในเว็บไซต์ดังกล่าวแต่วิธีนี้ผู้ใช้ต้องแม่นในเรื่องสีพอสมควรครับ
จาก Tips ทั้งหมดก็จะเห็นว่าการได้หน้าจอมาเล่นเกมนั้นไม่ใช่แค่ซื้อมาแล้วเล่นได้เลยแต่ยังต้องผ่านการปรับแต่งอีกมากมายถึงจะดึงประสิทธิภาพของหน้าจอออกมาสูงสุดและถนอมดวงตามากที่สุดดังนั้นใครที่คิดจะเล่นเกมผ่านหน้าจอทีวีก็อย่าลืมนำ Tips นี้ไปปรับใช้ตามหน้าจอของแต่ละคนนะครับ
ที่มา : PCGAMER