หากพูดถึงสุดยอดแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 แล้วล่ะก็ เชื่อได้เลยว่าทุกคนต้องนึกถึง Microsoft Surface เป็นอย่างแรกๆ แน่นอน ด้วยความที่เป็นคอมพิวเตอร์ที่ทาง Microsoft ได้สร้างสรรค์ขึ้นด้วยตนเองชิ้นแรก ซึ่งในตอนนี้ก็เป็นรุ่นที่ 4 แล้ว สำหรับ Microsoft Surface Pro 4 ที่ต้องบอกว่าเป็นแท็บเล็ต Windows 10 ที่สมบูรณ์แบบจริงๆ จากการต่อยอดและพัฒนามากจาก Surface รุ่นก่อนหน้านี้
ด้วยความที่เป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 ทำให้ Microsoft Surface Pro 4 สามารถใช้งานได้เสมือนคอมพิวเตอร์เครื่องนึง ที่สำคัญยังมีอุปกรณ์เสริมเป็นชุดคีย์บอร์ด Surface Pro Type Cover ทำให้เราใช้งานเป็นโน๊ตบุ๊คได้ในทันที นอกจากนี้ยังมีปากกาสไตลัสที่อัพเกรดความสามารถเพิ่มเข้า ส่งผลให้งานเขียนหรือวาดมีความใกล้เคียงกับปากกาหรือดินสอจริงๆ ยิ่งขึ้นไปอีก สนนราคาของ Microsoft Surface Pro 4 เริ่นต้นที่ 33,900 บาท โดยมีสเปกให้เลือกตั้งแต่ชิปประมวลผล Core m3 ไปจนถึง Core i7 เลยทีเดียว
Introducing VDO
Specificaton
ในเรื่องของสเปก Microsoft Surface Pro 4 นั้น เครื่องที่เราได้มารีวิวเป็นเครื่องที่ใช้ CPU เป็น Intel Core i5-6300U ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.40 GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้เป็น 3.00 GHz ส่วนการ์ดจอก็แน่นอนว่าต้องเป็น Intel HD Graphics 520 ที่ติดมาใน CPU จาก Intel ตระกูล Skylake แรมก็ให้มา 4GB เป็นแบบฝังติดบอร์ดมาเช่นเดียวกับ Ultrabook ส่วนใหญ่ในท้องตลาด โดยเลือกใช้ SSD ความจุที่ 128GB ส่วนหน้าจอ PixelSense มีขนาด 12.3 นิ้ว แบบสัดส่วน 3:2 พาเนล IPS ความละเอียด 2736 x 1824 พิกเซล (267 PPI) เป็นแบบสัมผัสรองรับกับปากกาสไตรัส Surface Pen ที่รับรู้แรงกดได้ถึง 1024 ระดับ ที่สำคัญยังบางเฉียบและเบาเพียง 786 กรัมเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่มาพร้อมคุณสมบัติครบครันจริงๆ
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานใกล้เคียง Ultrabook ที่จัดว่าให้ค่อนข้างครบ เช่น USB 3.0 ตัวเต็ม และ mini Display Port สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ micro SD Card Reader มาให้ด้วย กรณีไว้อ่านหรือเพิ่มความจุ อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยก็คือระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ลิขสิทธิ์ นอกเหนือจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์ต่างๆ อาทิ เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงสภาพแวดล้อมและไจโรสโคป
ในส่วนของกล้องหน้ามีความละเอียดที่ 5 ล้านพิกเซล กล้องหลังที่ 8 ล้านพิกเซล ทำให้เราสามารถใช้งานได้อย่างยืดหยุ่นเหมือนแท็บเล็ตทั่วไป แต่รองรับการใช้งานใกล้เคียงกับคอมพิวเตอร์ปกติ แถมตัวชุดคีย์บอร์ด Surface Pro Type Cover ยังมีไฟ LED Backlit มาให้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่หาคู่เปรียบเทียบได้ยาก
ราคาจำหน่าย Microsoft Surface Pro 4 ในประเทศไทย
- Core m3 / 128 GB / แรม 4 GB อยู่ที่ 33,900 บาท
- Core i5 / 128 GB / แรม 4 GB อยู่ที่ 39,900 บาท
- Core i5 / 256 GB / แรม 8 GB อยู่ที่ 49,900 บาท
- Core i7 / 256 GB / แรม 8 GB อยู่ที่ 59,900 บาท
- Core i7 / 256 GB / แรม 16 GB อยู่ที่ 67,900 บาท
- Core i7 / 512 GB / แรม 16 GB อยู่ที่ 82,900 บาท
อุปกรณ์เสริม Microsoft Surface Pro 4 ในประเทศไทย
- Surface Pro Type Cover มีสีดำ, น้ำเงิน ราคา 5,190 บาท
- Surface Pen มีสีดำ, สีฟ้า ราคา 2,390 บาท
- Surface Dock ราคา 8,190 บาท
Hardware / Design
สำหรับดีไซน์โดยรวมของ Microsoft Surface Pro 4 ไม่ได้เปลี่ยนไปมากมายอะไร ยังคงมีรูปร่างรูปลักษณ์คล้ายกับ Microsoft Surface Pro 3 รุ่นก่อนหน้า ซึ่งนับว่าค่อนข้างสมบูรณ์แบบและเป็นเอกลักษณ์ดีอยู่แล้ว กับการออกแบบที่เป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows ที่มาพร้อมน้ำหนักที่เบาแต่ทรงพลังด้วยชิปประมวลผลภายในโดยทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติที่ลงตัว แน่นอนมีความพรีเมียมแฝงอยู่ในตัวค่อนข้างมาก ด้วยความหรูหราที่ดูเรียบง่าย ในส่วนของอแดปเตอร์ที่ชาร์จก็ยังคงทำได้ดีด้วยการมีพอร์ต USB ไว้ชาร์จอุปกรณ์อื่นๆ อย่างสมาร์ทโฟน หรือ Wearable ข้างกาย รวมไปถึงหัวชาร์จที่ติดกับตัวเครื่องยังเป็นลักษณะของแม่เหล็ก ทำให้ง่ายและปลอดภัยจากอุบัติเหตุต่างๆ ตามที่ทาง Microsoft คิดเอาไว้แล้วเป้นอย่างดี
อย่างไรก็ตามในสิ่งที่เปลี่ยนไปแบบชัดเจนใน Microsoft Surface Pro 4 ก็คือ มีขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยจากเดิม 12 นิ้ว เป็น 12.3 นิ้ว มาพร้อมความละเอียดที่มากกว่าเดิม ในตัวเครื่องที่เล็กและเบากว่า Microsoft Surface Pro 3 เล็กน้อย เรียกได้นอกจากการอัพเกรดสเปกภายในแบบยกชุดเพื่อการทำงานที่ลื่นไหลกว่าเดิม ที่เก็บปากกาสไตลัส Surface Pen ยังได้รับการพัฒนาให้เป็นแบบแม่เหล็ก ทำให้เราเก็บกับตัวเครื่องได้ง่ายมากๆ จะหยิบใช้งานเมื่อไหร่ก็สะดวกรวดเร็ว
เชื่อหรือไม่กับอุปกรณ์ที่มาพร้อมชิปประมวลผล Core i5 / Core i7 เปรียบได้กับโน๊ตบุ๊คที่ทรงประสิทธิภาพ แต่กลับมาพร้อมน้ำหนักตัวที่เบาเพียง 786 กรัมเท่านั้น นับได้เป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 รุ่นล่าสุด ที่มีความเบาไม่ถึง 1 กิโลกรัมเท่านั้น หรือกรณีที่รวมเข้ากับ Surface Pro Type Cover ก็มีน้ำหนักเพียง 1 กิโลกรัมนิดๆ เท่านั้น เหมาะมากๆ สำหรับการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ ซึ่งไม่ว่าจะใช้งานเป็นแท็บเล็ตหรือแปลงร่างเป็นโน๊ตบุ๊คจากการใช้งาน Kickstand แบบหลายระดับก็ลงตัวสุดๆ จากข้อนี้เมื่อเทียบกับ MacBook Air 13 หนัก 1.35 กิโลกรัม และ MacBook Pro Retina 13 หนัก 1.58 กิโลกรัม ต้องบอกว่าทั้งมิติตัวเครื่องและน้ำหนักที่เบา Microsoft Surface Pro 4 เหนือกว่า
Keyboard / Touchpad
ความโดดเด่นสุดๆ ของ Microsoft Surface Pro 4 ที่สำคัญก็คือ เป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 ซึ่งมีความคล่องตัวที่สูง ไม่ว่าเพื่อความบันเทิงหรือการทำงานก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดี อีกทั้งถ้าเชื่อมต่อผ่านชุดคีย์บอร์ด Surface Pro Type Cover เมื่อไหร่ ก็เป็นรูปแบบการทำงานโน๊ตบุ๊ค ได้ไม่แพ้ที่เป็นส่วนของโน๊ตบุ๊คจริงๆ เลย เรียกได้ว่าเป็นแท็บเล็ตที่แปลงร่างเป็นโน๊ตบุ๊คที่สมบูรณ์รุ่นนึงในตลาดทีเดียว ทั้งจากความแน่หนาจากการประกอบกับเครื่องและมีไฟเรืองแสงที่สวยงาม
ส่วนประสบการณ์ใช้งานของ Surface Pro Type Cover ก็มีความน่าสนใจกว่าเดิม จากการให้ความรู้สึกในการพิมพ์ค่อนข้างดีจากแป้นคีย์บอร์ดที่มีความนุ่มนวลแต่ตอบสนองได้อย่างถูกใจ เรียกได้ว่าดีกว่าแป้นคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊คปกติทั่วไป รวมไปถึงในส่วนของแทร็คแพดก็สัมผัสได้ถึงการควบคุมที่ทันใจ แม้ว่าอาจจะยังไม่สุดยอดซักทีเดียว แต่ก็เหนือกว่าทัชแพดของโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นแล้ว จากการที่ดีไซน์การออกแบบที่คิดและปรับปรุงตลอดมาของทาง Microsoft
Screen / Speaker
ต้องยอมรับว่าเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจของ Microsoft Surface Pro 4 ทีเดียว กับในส่วนของหน้าจอแสดงผล ที่ต้องบอกว่ามีความสวยงามสมจริงแบบสุด ด้วยเทคโนโลยี PixelSense บนขนาดหน้าจอที่ 12.3 นิ้ว ซึ่งจัดว่ามีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป บนความละเอียด 2736 x 1824 พิกเซล (267 PPI) ทำให้มีความเรียบเนียนตาอย่างที่สุด แทบจะไม่เห็นเม็ดพิกเซลบนหน้าจอเหมือนกับที่เราใช้บนสมาร์ทโฟนรุ่นท๊อป กับสัดส่วนที่ไม่เหมือนใครที่ 3:2 โดยเหมาะกับการทำงานมากๆ แน่นอนที่สุดกับหน้าจอทัชกรีนที่รองรับ 10 จุดพร้อมกัน ทำให้เราใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น ตรงข้อนี้จะเห็นได้ว่า โดดเด่นและเหนือกว่า MacBook Air, MacBook Pro Retina จริงๆ
ส่วนของลำโพงสองตัวสเตอริโอที่ติดตั้งอยู่บริเวณขอบหน้าจอทั้งซ้ายและขวาเป็นแบบ Dolby Audio™ Premium ให้คุณภาพและความดังที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับขนาดที่เล็ก จากการใช้งานไม่ว่าจะดูหนังฟังเพลง ก็ตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี ซึ่งถึงแม้อาจจะไม่สุด เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คลำโพงเทพๆ แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า Ultrabook ที่มีราคาใกล้เคียงกันเลย
Surface Pen
สืบเนื่องมาจากการที่ Microsoft Surface Pro 4 เป็นหน้าจอแสดงผลแบบทัชสกรีน ทำให้นอกเหนือจากที่เราใช้นิ้วในการสั่งงานได้แล้ว ตัว Microsoft Surface Pro 4 ยังรองรับ Surface Pen ที่เป็นปากกาสไตลัสอีกด้วย ซึ่งต้องบอกว่าเป็นปากกาสไตลัสที่เหนือชั้นกว่าแท็บเล็ตทั่วไปจริงๆ ด้วยคุณสมบัติความไวต่อแรงกด 1024 ระดับ พร้อมการตอบสนองที่รวดเร็วทันใจ ทำให้เรารู้สึกว่าใช้ปากกาจริงๆ เขียนลงบนกระดาษ อันนี้การันตีได้จากผู้ใช้งานนักวาดการ์ตูนหลายคนทีเดียว หรือจะใช้ไว้จดงานเขียนหนังสือก็สามารถทำได้สบายๆ ส่วนท้ายด้ามของ Surface Pen ก็ใช้งานเป็นยางลบเสมือนจริงได้อีกด้วย เรียกได้ว่าจะลืมการใช้กระดาษแบบเดิมๆ ไปเลย
Surface Pen เปลี่ยนหัวปากกาได้ตามแบบที่ต้องการได้ และอายุแบตเตอรี่ที่นานกว่า 1 ปี (ใช้ถ่าน AAAA หนึ่งก้อน) ที่น่าสนใจก็คือ ปากกาสไตลัสกลับมาเก็บข้างเครื่องได้เหมือน Surface Pro และ Surface Pro 2 ได้แล้ว ด้วยลักษณะของแม่เหล็ก (Surface Pro 3 ทำไม่ได้) นอกจากนี้ยังได้มีการใส่เทคโนโลยี PixelSense ด้วยการประมวลผลเพื่อทำงานรวมกับปากกาสไตลัสและระบบสัมผัสโดยเฉพาะ ซึ่งทำให้แม่นยำและตอบสนองได้ดีกว่าเดิม
Windows Hello
นอกเหนือจากที่ Microsoft Surface Pro 4 มีกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งบันทึกวิดีโอ Full HD 1080p พร้อมไมโครโฟนสเตอริโอ และกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ที่ไว้เซลฟี่หรือวีดีโอคอลแล้ว ยังมีในส่วนของกล้องอินฟาเรดที่ไว้ใช้งานเฉพาะกับฟีเจอร์ Windows Hello อีกด้วย
โดย Windows Hello เป็นนวัตกรรมล่าสุดที่ทักทายผู้ใช้
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง Microsoft Surface Pro 4 นี้จัดว่าเป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่มีความครบครับที่สุดรุ่นนึง แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางและน้ำหนักเบาแต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียว ด้วยพอร์ต USB 3.0 แบบเต็ม ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้โดนตรง ไม่ว่าจะเป็น External Harddisk หรือแฟลชไดร์ฟ รวมไปถึงเมาส์ (จริงๆ แนะนำให้ใช้เป็นแบบไร้สาย Bluetooth จะดีกว่า) อีกทั้งยังมี mini Display Port ไว้เชื่อมต่อกับจอแสดงผลภายนอก ที่อาจจะไม่ถูกใจหลายๆ คนว่าน่าจะเป็น HDMI แต่จริงๆ แล้วต้องว่า mini Display Port นั้นมีประสิทธิภาพและเหมาะกับมืออาชีพมากว่า พร้อมช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร แน่นอนว่ามี micro SD Card Reader เป็นมาตรฐานไว้อ่านข้อมูล หรือเพิ่มความจุของตัวเครื่องก็สามารถทำได้
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของ Ultrabook ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 786 กรัมเท่านั้น และเมื่อรวมกับตัวก้อนอแด็ปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะมีหนักราวๆ 1 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ สมกับเป็นแท็บเล็ตที่แปลงร่างเป็นโน๊ตบุ๊คได้
Performance / Software
Microsoft Surface Pro 4 เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i5-6300U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.40 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.00 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 2 Core 4 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ แม้ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะสูงกว่าพวก Core i7 ตัวซีรีย์ U ไม่ได้ แต่เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มาพร้อมแรมภายในขนาด 4GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 520 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 128GB ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือแบบลูกผสมอย่าง SSHD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊ม
สำหรับ Street Fighter 4 ที่ตั้งค่าเป็น Default บนความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล ผลคะแนนก็ได้มากกว่า Microsoft Surface Pro 3 รุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยได้คะแนนอยู่ที่ 14374 คะแนนด้วยกัน มีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 113.40 FPS ด้วยกัน ทำให้ได้ระดับ Rank A ทีเดียว ซึ่งสำหรับเกมที่ไม่ได้กินทรัพยากรมากมายอะไร ถือได้ว่าพอจะเล่นได้แบบสบายๆ Microsoft Surface Pro 4 เครื่องนี้ก็พร้อมตอบสนองความสุขของทุกคนได้เป็นอย่างดี
อีกเกมหนึ่งที่โดยส่วนตัวเล่นเป็นประจำอย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1280 x 720 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ แน่นอนว่าที่ความละเอียด Native 2736 x 1824 พิกเซล ไม่สามารถเล่นอย่างลื่นๆ ได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่น ระดับเฟรมเรทอยู่ที่ประมาณ 50-60 แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 30 ขึ้นไปตลอด สรุปโดยรวมแล้วคือเล่นได้สบายๆ ซึ่งในการทดลองเล่นเกม DOTA 2 ทำได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งจากความลื่นไหลและหน้าจอที่สวยงามสมจริง
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Microsoft Surface Pro 4 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับ Microsoft Surface ทุกรุ่น ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 5087 mAh mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราว 9 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ว่าเปิดโปรแกรมอะไร อย่างถ้าใช้ Microsoft Edge ก็จะใช้งานได้ยาวนานกว่า Chrome ส่วนช่องระบายความร้อนของ Microsoft Surface Pro 4 จะอยู่ด้านบนของขอบตัวเครื่อง โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้อย่างลงตัวสวยงาม พร้อมทั้งยังมีสมรรถนะการนำพาความร้อนที่ยอดเยี่ยม
อุณหภูมิต่ำสุดของเครื่องจะอยู่ที่ 31 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดเพียง 63 องศาเซลเซียสเท่านั้น จากการใช้โปรแกรมรีดประสิทธิภาพ (ซึ่งถึงจุดนี้ชิปประมวลผลจะลดความเร็วลงมาเองอัตโนมัติประมาณครึ่งนึง) นับว่าระบบระบายความร้อนของ Microsoft Surface Pro 4 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีกว่า Ultrabook ที่มีสเปกใกลีเคียงกัน ที่เคยทำการรีวิวมาพอควร เพราะความร้อนทั่วไปจะอยู่ที่เพียง 43 องศาเซลเซียสตอนทำงานเต็มที่แล้ว นับว่า Microsoft Surface Pro 4 เครื่องนี้จัดการระบบระบายความร้อนออกมาได้ดีมากทีเดียว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ และชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุดที่มีมีเทคโนโลยีการผลิตที่เล็กลง
Conclusion / Award
สรุปการทดสอบ Microsoft Surface Pro 4 ต้องบอกว่าน่าประทับใจจริงๆ กับการเลือกใช้ชิปประมวลผลล่าสุดจากทาง Intel อย่าง Skylakeโดยมีให้เลือกหลายรุ่นด้วยกัน ทั้ง Core m3, Core i5 และ Core i7 ซึ่งสามารถติดตั้งแรมได้ที่ 4GB, 8GB สูงสุดที่ 16GB ส่วนหน่วยความจำสำรอง SSD ก็มีขนาดสูงสุดที่ระดับ 512GB ส่งผลให้ประสิทธิภาพโดยรวมเร็วขึ้นกว่ารุ่นเดิม 30% และ Microsoft ยังพูดด้วยว่าเร็วกว่า MacBook Air ถึง 50% เรียกได้ว่าสเปกตัวเครื่องนั้นจัดเต็มจริงๆ สมกับเป็นแท็บเล็ตที่สามารถใช้งานแทนโน๊ตบุ๊คได้จากทาง Microsoft อย่างไรก็ตาม สำหรัยแต่ละคนคงต้องเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน อย่าง Core m3 อาจจะไม่เหมาะกับงานที่หนักๆ มาก ยังไงถ้าต้องการใช้งานจริงๆ จังๆ แนะนำให้ลองดูเป็น Core i5 แรมขนาด 4GB ขึ้นไป
โดยจากการที่ได้สัมผัสตัวจริงของ Microsoft Surface Pro 4 จะเห็นได้ว่ามีการพัฒนามาจาก Microsoft Surface Pro 3 ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วพอตัว อาทิ Surface Pro Type Cover กับขนาดและสัมผัสที่ดียิ่งขึ้น ส่วนของ Surface Pen ก็สามารถเปลี่ยนหัวได้ตามลักษณะงาน พร้อมกับท้ายปากกายังมียางลบ ไว้ใช้งานได้ทันที รวมไปถึงหน้าจอที่สวยสุดยอด หาตัวเปรียบได้ยาก และกล้องอินฟาเรดที่เมื่อใช้งามร่วมกับฟีเจอร์ Windows Hello ต้องบอกว่าสุดยอดจริงๆ ทั้งความเร็ว ง่าย และแม่นยำ
Microsoft Surface Pro 4 ในประเทศไทย กับแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows สายเลือดแท้ 100% จากทาง Microsoft ซึ่งนี่ก็นับว่ารุ่นที่ 4 แล้ว ต่อยอดความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องทีเดียว แน่นอนว่ามาพร้อมกับสเปกใหม่ล่าสุดและคุณสมบัติอื่นๆ ก็มีการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น สนนราคาเริ่มต้นที่ 33,900 บาท จนไปถึง 82,900 บาท พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ ตามร้านตัวแทนจำหน่ายอย่าง BaNANA IT, IT City และ Power Buy ทุกสาขาทั่วประเทศ (บางสาขาอาจจะต้องสั่ง แล้วรอสินค้าอีกที)
เอาเป็นว่าใครอยากได้แท็บเล็ตที่แปลงเป็นโน๊ตบุ๊คได้อย่างสมบูรณ์หรือ Ultrabook ระดับสูงแล้วล่ะก็ Microsoft Surface Pro 4 ต้องเป็นคำตอบแรกๆ ของทุกคนแน่นอน
จุดเด่น
- ตัวเครื่องที่มีความบางและเบาแบบสุดๆ
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ 2736 x 1824 พิกเซล (267 PPI) มี เทคโนโลยี PixelSense
- พาเนลหน้าจอ IPS มีคุณภาพสูง มีความสวยงามสมจริงแบบสุดๆ
- วัสดุแข็งแรงทนทาน ดูสสวยหรู ด้วยอลูมิเนียมทั้งชิ้น
- Surface Pen มีการพัฒนามากยิ่งขึ้น รองรับแรงกด 1024 ระดับ
- ประสิทธิภาพดีด้วยชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุด และ SSD ความเร็วสูง
- พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน อย่าง USB 3.0 ตัวเต็ม
- มาพร้อม Windows 10 Pro ลิขสิทธิ์ ใช้งานได้ทันที
- เป็นแท็บเล็ตหรือโน๊ตบุ๊คก็ได้ในหนึ่งเดียว
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 9 ชั่วโมง
- ฟีเจอร์ Windows Hello ใช้คู่กล้องอินฟาเรด ใช้งานได้จริง
- Surface Pro Type Cover ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าพอสมควร
ข้อสังเกตุ
- ราคาสูงกว่า Ultrabook และแท็บเล็ต Windows 10 ทั่วไป
- Surface Pro Type Cover ต้องซื้อแยกเอง
Introducing VDO
Specificaton
ในเรื่องของสเปก Microsoft Surface Pro 4 นั้น เครื่องที่เราได้มารีวิวเป็นเครื่องที่ใช้ CPU เป็น Intel Core i5-6300U ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.40 GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้เป็น 3.00 GHz ส่วนการ์ดจอก็แน่นอนว่าต้องเป็น Intel HD Graphics 520 ที่ติดมาใน CPU จาก Intel ตระกูล Skylake แรมก็ให้มา 4GB เป็นแบบฝังติดบอร์ดมาเช่นเดียวกับ Ultrabook ส่วนใหญ่ในท้องตลาด โดยเลือกใช้ SSD ความจุที่ 128GB ส่วนหน้าจอ PixelSense มีขนาด 12.3 นิ้ว แบบสัดส่วน 3:2 พาเนล IPS ความละเอียด 2736 x 1824 พิกเซล (267 PPI) เป็นแบบสัมผัสรองรับกับปากกาสไตรัส Surface Pen ที่รับรู้แรงกดได้ถึง 1024 ระดับ ที่สำคัญยังบางเฉียบและเบาเพียง 786 กรัมเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่มาพร้อมคุณสมบัติครบครันจริงๆ
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานใกล้เคียง Ultrabook ที่จัดว่าให้ค่อนข้างครบ เช่น USB 3.0 ตัวเต็ม และ mini Display Port สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ micro SD Card Reader มาให้ด้วย กรณีไว้อ่านหรือเพิ่มความจุ อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยก็คือระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ลิขสิทธิ์ นอกเหนือจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์ต่างๆ อาทิ เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงสภาพแวดล้อมและไจโรสโคป
ในส่วนของกล้องหน้ามีความละเอียดที่ 5 ล้านพิกเซล กล้องหลังที่ 8 ล้านพิกเซล ทำให้เราสามารถใช้งานได้อย่างยืดหยุ่นเหมือนแท็บเล็ตทั่วไป แต่รองรับการใช้งานใกล้เคียงกับคอมพิวเตอร์ปกติ แถมตัวชุดคีย์บอร์ด Surface Pro Type Cover ยังมีไฟ LED Backlit มาให้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่หาคู่เปรียบเทียบได้ยาก
ราคาจำหน่าย Microsoft Surface Pro 4 ในประเทศไทย
- Core m3 / 128 GB / แรม 4 GB อยู่ที่ 33,900 บาท
- Core i5 / 128 GB / แรม 4 GB อยู่ที่ 39,900 บาท
- Core i5 / 256 GB / แรม 8 GB อยู่ที่ 49,900 บาท
- Core i7 / 256 GB / แรม 8 GB อยู่ที่ 59,900 บาท
- Core i7 / 256 GB / แรม 16 GB อยู่ที่ 67,900 บาท
- Core i7 / 512 GB / แรม 16 GB อยู่ที่ 82,900 บาท
อุปกรณ์เสริม Microsoft Surface Pro 4 ในประเทศไทย
- Surface Pro Type Cover มีสีดำ, น้ำเงิน ราคา 5,190 บาท
- Surface Pen มีสีดำ, สีฟ้า ราคา 2,390 บาท
- Surface Dock ราคา 8,190 บาท
Hardware / Design
สำหรับดีไซน์โดยรวมของ Microsoft Surface Pro 4 ไม่ได้เปลี่ยนไปมากมายอะไร ยังคงมีรูปร่างรูปลักษณ์คล้ายกับ Microsoft Surface Pro 3 รุ่นก่อนหน้า ซึ่งนับว่าค่อนข้างสมบูรณ์แบบและเป็นเอกลักษณ์ดีอยู่แล้ว กับการออกแบบที่เป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows ที่มาพร้อมน้ำหนักที่เบาแต่ทรงพลังด้วยชิปประมวลผลภายในโดยทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติที่ลงตัว แน่นอนมีความพรีเมียมแฝงอยู่ในตัวค่อนข้างมาก ด้วยความหรูหราที่ดูเรียบง่าย ในส่วนของอแดปเตอร์ที่ชาร์จก็ยังคงทำได้ดีด้วยการมีพอร์ต USB ไว้ชาร์จอุปกรณ์อื่นๆ อย่างสมาร์ทโฟน หรือ Wearable ข้างกาย รวมไปถึงหัวชาร์จที่ติดกับตัวเครื่องยังเป็นลักษณะของแม่เหล็ก ทำให้ง่ายและปลอดภัยจากอุบัติเหตุต่างๆ ตามที่ทาง Microsoft คิดเอาไว้แล้วเป้นอย่างดี
อย่างไรก็ตามในสิ่งที่เปลี่ยนไปแบบชัดเจนใน Microsoft Surface Pro 4 ก็คือ มีขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยจากเดิม 12 นิ้ว เป็น 12.3 นิ้ว มาพร้อมความละเอียดที่มากกว่าเดิม ในตัวเครื่องที่เล็กและเบากว่า Microsoft Surface Pro 3 เล็กน้อย เรียกได้นอกจากการอัพเกรดสเปกภายในแบบยกชุดเพื่อการทำงานที่ลื่นไหลกว่าเดิม ที่เก็บปากกาสไตลัส Surface Pen ยังได้รับการพัฒนาให้เป็นแบบแม่เหล็ก ทำให้เราเก็บกับตัวเครื่องได้ง่ายมากๆ จะหยิบใช้งานเมื่อไหร่ก็สะดวกรวดเร็ว
เชื่อหรือไม่กับอุปกรณ์ที่มาพร้อมชิปประมวลผล Core i5 / Core i7 เปรียบได้กับโน๊ตบุ๊คที่ทรงประสิทธิภาพ แต่กลับมาพร้อมน้ำหนักตัวที่เบาเพียง 786 กรัมเท่านั้น นับได้เป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 รุ่นล่าสุด ที่มีความเบาไม่ถึง 1 กิโลกรัมเท่านั้น หรือกรณีที่รวมเข้ากับ Surface Pro Type Cover ก็มีน้ำหนักเพียง 1 กิโลกรัมนิดๆ เท่านั้น เหมาะมากๆ สำหรับการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ ซึ่งไม่ว่าจะใช้งานเป็นแท็บเล็ตหรือแปลงร่างเป็นโน๊ตบุ๊คจากการใช้งาน Kickstand แบบหลายระดับก็ลงตัวสุดๆ จากข้อนี้เมื่อเทียบกับ MacBook Air 13 หนัก 1.35 กิโลกรัม และ MacBook Pro Retina 13 หนัก 1.58 กิโลกรัม ต้องบอกว่าทั้งมิติตัวเครื่องและน้ำหนักที่เบา Microsoft Surface Pro 4 เหนือกว่า
Keyboard / Touchpad
ความโดดเด่นสุดๆ ของ Microsoft Surface Pro 4 ที่สำคัญก็คือ เป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 ซึ่งมีความคล่องตัวที่สูง ไม่ว่าเพื่อความบันเทิงหรือการทำงานก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดี อีกทั้งถ้าเชื่อมต่อผ่านชุดคีย์บอร์ด Surface Pro Type Cover เมื่อไหร่ ก็เป็นรูปแบบการทำงานโน๊ตบุ๊ค ได้ไม่แพ้ที่เป็นส่วนของโน๊ตบุ๊คจริงๆ เลย เรียกได้ว่าเป็นแท็บเล็ตที่แปลงร่างเป็นโน๊ตบุ๊คที่สมบูรณ์รุ่นนึงในตลาดทีเดียว ทั้งจากความแน่หนาจากการประกอบกับเครื่องและมีไฟเรืองแสงที่สวยงาม
ส่วนประสบการณ์ใช้งานของ Surface Pro Type Cover ก็มีความน่าสนใจกว่าเดิม จากการให้ความรู้สึกในการพิมพ์ค่อนข้างดีจากแป้นคีย์บอร์ดที่มีความนุ่มนวลแต่ตอบสนองได้อย่างถูกใจ เรียกได้ว่าดีกว่าแป้นคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊คปกติทั่วไป รวมไปถึงในส่วนของแทร็คแพดก็สัมผัสได้ถึงการควบคุมที่ทันใจ แม้ว่าอาจจะยังไม่สุดยอดซักทีเดียว แต่ก็เหนือกว่าทัชแพดของโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นแล้ว จากการที่ดีไซน์การออกแบบที่คิดและปรับปรุงตลอดมาของทาง Microsoft
Screen / Speaker
ต้องยอมรับว่าเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจของ Microsoft Surface Pro 4 ทีเดียว กับในส่วนของหน้าจอแสดงผล ที่ต้องบอกว่ามีความสวยงามสมจริงแบบสุด ด้วยเทคโนโลยี PixelSense บนขนาดหน้าจอที่ 12.3 นิ้ว ซึ่งจัดว่ามีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป บนความละเอียด 2736 x 1824 พิกเซล (267 PPI) ทำให้มีความเรียบเนียนตาอย่างที่สุด แทบจะไม่เห็นเม็ดพิกเซลบนหน้าจอเหมือนกับที่เราใช้บนสมาร์ทโฟนรุ่นท๊อป กับสัดส่วนที่ไม่เหมือนใครที่ 3:2 โดยเหมาะกับการทำงานมากๆ แน่นอนที่สุดกับหน้าจอทัชกรีนที่รองรับ 10 จุดพร้อมกัน ทำให้เราใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น ตรงข้อนี้จะเห็นได้ว่า โดดเด่นและเหนือกว่า MacBook Air, MacBook Pro Retina จริงๆ
ส่วนของลำโพงสองตัวสเตอริโอที่ติดตั้งอยู่บริเวณขอบหน้าจอทั้งซ้ายและขวาเป็นแบบ Dolby Audio™ Premium ให้คุณภาพและความดังที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับขนาดที่เล็ก จากการใช้งานไม่ว่าจะดูหนังฟังเพลง ก็ตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี ซึ่งถึงแม้อาจจะไม่สุด เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คลำโพงเทพๆ แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า Ultrabook ที่มีราคาใกล้เคียงกันเลย
Surface Pen
สืบเนื่องมาจากการที่ Microsoft Surface Pro 4 เป็นหน้าจอแสดงผลแบบทัชสกรีน ทำให้นอกเหนือจากที่เราใช้นิ้วในการสั่งงานได้แล้ว ตัว Microsoft Surface Pro 4 ยังรองรับ Surface Pen ที่เป็นปากกาสไตลัสอีกด้วย ซึ่งต้องบอกว่าเป็นปากกาสไตลัสที่เหนือชั้นกว่าแท็บเล็ตทั่วไปจริงๆ ด้วยคุณสมบัติความไวต่อแรงกด 1024 ระดับ พร้อมการตอบสนองที่รวดเร็วทันใจ ทำให้เรารู้สึกว่าใช้ปากกาจริงๆ เขียนลงบนกระดาษ อันนี้การันตีได้จากผู้ใช้งานนักวาดการ์ตูนหลายคนทีเดียว หรือจะใช้ไว้จดงานเขียนหนังสือก็สามารถทำได้สบายๆ ส่วนท้ายด้ามของ Surface Pen ก็ใช้งานเป็นยางลบเสมือนจริงได้อีกด้วย เรียกได้ว่าจะลืมการใช้กระดาษแบบเดิมๆ ไปเลย
Surface Pen เปลี่ยนหัวปากกาได้ตามแบบที่ต้องการได้ และอายุแบตเตอรี่ที่นานกว่า 1 ปี (ใช้ถ่าน AAAA หนึ่งก้อน) ที่น่าสนใจก็คือ ปากกาสไตลัสกลับมาเก็บข้างเครื่องได้เหมือน Surface Pro และ Surface Pro 2 ได้แล้ว ด้วยลักษณะของแม่เหล็ก (Surface Pro 3 ทำไม่ได้) นอกจากนี้ยังได้มีการใส่เทคโนโลยี PixelSense ด้วยการประมวลผลเพื่อทำงานรวมกับปากกาสไตลัสและระบบสัมผัสโดยเฉพาะ ซึ่งทำให้แม่นยำและตอบสนองได้ดีกว่าเดิม
Windows Hello
นอกเหนือจากที่ Microsoft Surface Pro 4 มีกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งบันทึกวิดีโอ Full HD 1080p พร้อมไมโครโฟนสเตอริโอ และกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ที่ไว้เซลฟี่หรือวีดีโอคอลแล้ว ยังมีในส่วนของกล้องอินฟาเรดที่ไว้ใช้งานเฉพาะกับฟีเจอร์ Windows Hello อีกด้วย
โดย Windows Hello เป็นนวัตกรรมล่าสุดที่ทักทายผู้ใช้
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง Microsoft Surface Pro 4 นี้จัดว่าเป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่มีความครบครับที่สุดรุ่นนึง แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางและน้ำหนักเบาแต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียว ด้วยพอร์ต USB 3.0 แบบเต็ม ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้โดนตรง ไม่ว่าจะเป็น External Harddisk หรือแฟลชไดร์ฟ รวมไปถึงเมาส์ (จริงๆ แนะนำให้ใช้เป็นแบบไร้สาย Bluetooth จะดีกว่า) อีกทั้งยังมี mini Display Port ไว้เชื่อมต่อกับจอแสดงผลภายนอก ที่อาจจะไม่ถูกใจหลายๆ คนว่าน่าจะเป็น HDMI แต่จริงๆ แล้วต้องว่า mini Display Port นั้นมีประสิทธิภาพและเหมาะกับมืออาชีพมากว่า พร้อมช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร แน่นอนว่ามี micro SD Card Reader เป็นมาตรฐานไว้อ่านข้อมูล หรือเพิ่มความจุของตัวเครื่องก็สามารถทำได้
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของ Ultrabook ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 786 กรัมเท่านั้น และเมื่อรวมกับตัวก้อนอแด็ปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะมีหนักราวๆ 1 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ สมกับเป็นแท็บเล็ตที่แปลงร่างเป็นโน๊ตบุ๊คได้
Performance / Software
Microsoft Surface Pro 4 เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i5-6300U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.40 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.00 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 2 Core 4 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ แม้ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะสูงกว่าพวก Core i7 ตัวซีรีย์ U ไม่ได้ แต่เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มาพร้อมแรมภายในขนาด 4GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 520 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 128GB ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือแบบลูกผสมอย่าง SSHD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊ม
สำหรับ Street Fighter 4 ที่ตั้งค่าเป็น Default บนความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล ผลคะแนนก็ได้มากกว่า Microsoft Surface Pro 3 รุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยได้คะแนนอยู่ที่ 14374 คะแนนด้วยกัน มีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 113.40 FPS ด้วยกัน ทำให้ได้ระดับ Rank A ทีเดียว ซึ่งสำหรับเกมที่ไม่ได้กินทรัพยากรมากมายอะไร ถือได้ว่าพอจะเล่นได้แบบสบายๆ Microsoft Surface Pro 4 เครื่องนี้ก็พร้อมตอบสนองความสุขของทุกคนได้เป็นอย่างดี
อีกเกมหนึ่งที่โดยส่วนตัวเล่นเป็นประจำอย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1280 x 720 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ แน่นอนว่าที่ความละเอียด Native 2736 x 1824 พิกเซล ไม่สามารถเล่นอย่างลื่นๆ ได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่น ระดับเฟรมเรทอยู่ที่ประมาณ 50-60 แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 30 ขึ้นไปตลอด สรุปโดยรวมแล้วคือเล่นได้สบายๆ ซึ่งในการทดลองเล่นเกม DOTA 2 ทำได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งจากความลื่นไหลและหน้าจอที่สวยงามสมจริง
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Microsoft Surface Pro 4 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับ Microsoft Surface ทุกรุ่น ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 5087 mAh mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราว 9 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ว่าเปิดโปรแกรมอะไร อย่างถ้าใช้ Microsoft Edge ก็จะใช้งานได้ยาวนานกว่า Chrome ส่วนช่องระบายความร้อนของ Microsoft Surface Pro 4 จะอยู่ด้านบนของขอบตัวเครื่อง โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้อย่างลงตัวสวยงาม พร้อมทั้งยังมีสมรรถนะการนำพาความร้อนที่ยอดเยี่ยม
อุณหภูมิต่ำสุดของเครื่องจะอยู่ที่ 31 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดเพียง 63 องศาเซลเซียสเท่านั้น จากการใช้โปรแกรมรีดประสิทธิภาพ (ซึ่งถึงจุดนี้ชิปประมวลผลจะลดความเร็วลงมาเองอัตโนมัติประมาณครึ่งนึง) นับว่าระบบระบายความร้อนของ Microsoft Surface Pro 4 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีกว่า Ultrabook ที่มีสเปกใกลีเคียงกัน ที่เคยทำการรีวิวมาพอควร เพราะความร้อนทั่วไปจะอยู่ที่เพียง 43 องศาเซลเซียสตอนทำงานเต็มที่แล้ว นับว่า Microsoft Surface Pro 4 เครื่องนี้จัดการระบบระบายความร้อนออกมาได้ดีมากทีเดียว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ และชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุดที่มีมีเทคโนโลยีการผลิตที่เล็กลง
Conclusion / Award
สรุปการทดสอบ Microsoft Surface Pro 4 ต้องบอกว่าน่าประทับใจจริงๆ กับการเลือกใช้ชิปประมวลผลล่าสุดจากทาง Intel อย่าง Skylakeโดยมีให้เลือกหลายรุ่นด้วยกัน ทั้ง Core m3, Core i5 และ Core i7 ซึ่งสามารถติดตั้งแรมได้ที่ 4GB, 8GB สูงสุดที่ 16GB ส่วนหน่วยความจำสำรอง SSD ก็มีขนาดสูงสุดที่ระดับ 512GB ส่งผลให้ประสิทธิภาพโดยรวมเร็วขึ้นกว่ารุ่นเดิม 30% และ Microsoft ยังพูดด้วยว่าเร็วกว่า MacBook Air ถึง 50% เรียกได้ว่าสเปกตัวเครื่องนั้นจัดเต็มจริงๆ สมกับเป็นแท็บเล็ตที่สามารถใช้งานแทนโน๊ตบุ๊คได้จากทาง Microsoft อย่างไรก็ตาม สำหรัยแต่ละคนคงต้องเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน อย่าง Core m3 อาจจะไม่เหมาะกับงานที่หนักๆ มาก ยังไงถ้าต้องการใช้งานจริงๆ จังๆ แนะนำให้ลองดูเป็น Core i5 แรมขนาด 4GB ขึ้นไป
โดยจากการที่ได้สัมผัสตัวจริงของ Microsoft Surface Pro 4 จะเห็นได้ว่ามีการพัฒนามาจาก Microsoft Surface Pro 3 ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วพอตัว อาทิ Surface Pro Type Cover กับขนาดและสัมผัสที่ดียิ่งขึ้น ส่วนของ Surface Pen ก็สามารถเปลี่ยนหัวได้ตามลักษณะงาน พร้อมกับท้ายปากกายังมียางลบ ไว้ใช้งานได้ทันที รวมไปถึงหน้าจอที่สวยสุดยอด หาตัวเปรียบได้ยาก และกล้องอินฟาเรดที่เมื่อใช้งามร่วมกับฟีเจอร์ Windows Hello ต้องบอกว่าสุดยอดจริงๆ ทั้งความเร็ว ง่าย และแม่นยำ
Microsoft Surface Pro 4 ในประเทศไทย กับแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows สายเลือดแท้ 100% จากทาง Microsoft ซึ่งนี่ก็นับว่ารุ่นที่ 4 แล้ว ต่อยอดความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องทีเดียว แน่นอนว่ามาพร้อมกับสเปกใหม่ล่าสุดและคุณสมบัติอื่นๆ ก็มีการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น สนนราคาเริ่มต้นที่ 33,900 บาท จนไปถึง 82,900 บาท พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ ตามร้านตัวแทนจำหน่ายอย่าง BaNANA IT, IT City และ Power Buy ทุกสาขาทั่วประเทศ (บางสาขาอาจจะต้องสั่ง แล้วรอสินค้าอีกที)
เอาเป็นว่าใครอยากได้แท็บเล็ตที่แปลงเป็นโน๊ตบุ๊คได้อย่างสมบูรณ์หรือ Ultrabook ระดับสูงแล้วล่ะก็ Microsoft Surface Pro 4 ต้องเป็นคำตอบแรกๆ ของทุกคนแน่นอน
จุดเด่น
- ตัวเครื่องที่มีความบางและเบาแบบสุดๆ
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ 2736 x 1824 พิกเซล (267 PPI) มี เทคโนโลยี PixelSense
- พาเนลหน้าจอ IPS มีคุณภาพสูง มีความสวยงามสมจริงแบบสุดๆ
- วัสดุแข็งแรงทนทาน ดูสสวยหรู ด้วยอลูมิเนียมทั้งชิ้น
- Surface Pen มีการพัฒนามากยิ่งขึ้น รองรับแรงกด 1024 ระดับ
- ประสิทธิภาพดีด้วยชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุด และ SSD ความเร็วสูง
- พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน อย่าง USB 3.0 ตัวเต็ม
- มาพร้อม Windows 10 Pro ลิขสิทธิ์ ใช้งานได้ทันที
- เป็นแท็บเล็ตหรือโน๊ตบุ๊คก็ได้ในหนึ่งเดียว
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 9 ชั่วโมง
- ฟีเจอร์ Windows Hello ใช้คู่กล้องอินฟาเรด ใช้งานได้จริง
- Surface Pro Type Cover ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าพอสมควร
ข้อสังเกตุ
- ราคาสูงกว่า Ultrabook และแท็บเล็ต Windows 10 ทั่วไป
- Surface Pro Type Cover ต้องซื้อแยกเอง