รายงานล่าสุดจากทาง IDC บิรษัทวิเคราะห์ตลาดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลกได้รายงานยอดส่งออกของอุปกรณ์สวมใส่ประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2015 ออกมาพบว่า 3 อันดับแรกนั้นก็คือ Fitbit, Apple และ Xiaomi ครับ ซึ่งหากจะว่าไปแล้วนี่ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเป็นอย่างมาก(ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในเมืองจีน) เพราะยอดส่งออกของอุปกรณ์สวมใส่จาก Xiaomi กว่า 97% (อย่างเช่น Mi Band) นั้นอยู่ในประเทศจีนทั้งนั้น แต่หากจะว่าจะไปแล้ว Xiaomi เองนั้นก็ติดอยู่ใน Top 3 (อยู่ในอันดับที่ 2) ตั้งแต่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาแล้วครับ(จากรายงานของ IDC ช่วงเดือนมิถุนายนก่อนที่จะมีการรวมยอดส่งออกของ Apple Watch เข้าไปด้วย)
หมายเหตุ – จากข้อมูลดังกล่าวแสดงว่า Apple Watch วางจำหน่ายได้ไม่กี่เดือนก็ส่งผลให้ Apple นำหน้า Xiaomi ไปอยู่ในอันดับที่ 2 แล้วครับ แสดงว่าของเขาแรงจริง
Mi Band นั้นถือเป็นอุปกรณ์สวมใส่รุ่นแรกของ Xiaomi ที่มีการบางจำหน่ายครับ โดย Mi Band ได้รับการเปิดตัวในช่วงเดือนกรกฎาคมปี 2014 ที่ผ่านมา แล้วหลังจากนั้นก็มีการวางจำหน่ายเลยค่อนข้างจะทันที Mi Band จะต่างกับอุปกรณ์สวมใส่ยี่ห้ออื่นๆ ตรงที่ตัวมันนั้นเน้นการเป็น BLE fitness tracker แบบมาตรฐานมากกว่าทำให้ราคาของมันค่อนข้างที่จะถูกมากพอสมควร(Mi Band Pluse รุ่นใหม่สามารถที่จะวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ด้วย) และด้วยสาเหตุที่ Mi Band ของ Xiaomi นั้นมีราคาจำหน่ายที่ค่อนข้างจะถูกมากๆ (เริ่มที่ประมาณ $14.99 หรือประมาณ 540 บาทเท่านั้น) ทำให้ Mi Band เข้าไปอยู่ในใจของใครหลายๆ คนได้ไม่ยากครับ
อ้างอิงจากทาง IDC พบว่าผู้นำอันดับหนึ่งหรือ Fitbit นั้นมียอดส่งออกอุปกรณ์สวมใส่อยู่ที่ 4.7 ล้านหน่วยในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา คิดเป็นยอดส่วนแบ่งในตลาดอยู่ที่ 22.2% ส่วน Apple นั้นมียอดส่งออกอยู่ที่ 3.9 ล้านหน่วยคิดเป็นยอดส่วนแบ่งในตลาดอยู่ที่ 18.6% ตามมาด้วย Xiaomi ที่มียอดส่งออกอยู่ที่ 3.7 ล้านหน่วยคิดเป็นยอดส่วนแบ่งในตลาด 17.4% ครับ
อย่างไรก็ตามแต่ยอดการส่งออกของ Fitbit นั้นเพิ่มขึ้นถึง 101.7% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี ในขณะที่ทาง Xiaomi นั้นมียอดส่งออกแบบก้าวกระโดดอยู่ที่ 815.4% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี ซึ่งอย่างที่บอกไปครับว่า Xiaomi นั้นแทบจะครองตลาดในประเทศจันได้ทั้งหมด ส่วน Fitbit นั้นส่วนใหญ่จะครองตลาดในโซนเอเชีย, ยุโรปกับตะวันออกกลางและแอฟริกา ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ Fitbit นั้นสามารถที่จะครองตลาดได้หนักขนาดนี้ก็เนื่องมาจากการที่มียอดสั่งจากกลุ่มเป้าหมายที่เน้น fitness trackers (เป็นบริษัทที่เน้นด้านสุขภาพให้กับพนักงาน) กว่า 335,000 หน่วยเพื่อแจกให้กับพนักงานใช้ในการรักษาสุขภาพครับ
ที่มา : techcrunch