ถึงแม้ว่าช่วงนี้แหล่งเก็บข้อมูลแบบ SSD จะมาแรงและเริ่มมีราคาถูกลงมากกว่าเดิมแล้วแต่ฮาร์ดดิสปกติทั่วไปก็ยังคงมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ครับ ปัจจัยส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ราคาต่อความจุของฮาร์ดดิสแบบธรรมดานั้นมีราคาถูกกว่าแหล่งเก็บข้อมูลแบบ SSD อยู่มาก ในตลาดนั้นมีผู้ผลิตหลายเจ้าด้วยกันที่ยังคงพัฒนาฮาร์ดดิสแบบธรรมดาอยู่แต่ที่เราได้เห็น(และวางจำหน่ายในเมืองไทยอย่างกว้างขวาง) ก็จะมีอยู่ 2 เจ้าด้วยกันคือ Seagate และ Western Digital ครับ
ล่าสุดทาง HGST บริษัทลูกของ Western Digital ได้ทำการเปิดตัวฮาร์ดดิสเทคโนโลยี helium-filled ความจุ 10 TB ของโลกสำหรับการใช้งานทั่วไปในชื่อรุ่น Ultrastar He10 ครับ ซึ่งในการเปิดตัวครั้งนี้ของทาง HGST นั้นถือได้ว่าเป็นการตัดหน้า Seagate ที่ยังคงย่ำอยู่กับฮาร์ดดิสความจุ 8 TB เท่านั้น สำหรับจุดเด่นของ Ultrastar He10 นั้นก็มีด้วยกันอยู่ 2 ประการได้แก่การที่มันเป็นฮาร์ดดิสที่ถูกผนึกอย่างแน่นหนาและภายในเต็มไปด้วยก๊าซฮีเลียมซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่สำหรับฮาร์ดดิสและมันมาพร้อมกับจานหนาจำนวน 7 จาน(platters) ในขณะที่ตัวฮาร์ดดิสรุ่น Ultrastar He10 นั้นยังคงมีขนาดความสูงเท่าเดิมคืออยู่ที่ 25.4 mm(หรือ 1 นิ้ว) ตามมาตรฐานฮาร์ดิสปกติทั่วไปครับ
PMR vs. SMR
จานแต่ละจานบน Ultrastar He10 นั้นยังมาพร้อมกับความน่าประทับใจอีกด้วยครับ เพราะแทนที่มันจะใช้เทคโนโลยี shingled magnetic recording (SMR) เพื่อที่จะทำการเพิ่มความจุให้มากขึ้นด้วยการวางจานเก็บข้อมูลซ้อนๆ กัน และใช้วิธีการเขียนข้อมูลในรูปแบบของแนวตั้งลงมาตาม Track ซึ่งถึงจะเพิ่มขนาดความจุได้มากขึ้นแต่ความเร็วในการเขียนข้อมูลจะต่ำลง(ดังรูปข้างบน) แต่ Ultrastar He10 นั้นกับมาพร้อมกับเทคโนโลยี perpendicular magnetic recording (PMR) แบบธรรมดาตามมาตรฐานของฮาร์ดดิสที่ใช้กันมาตั้งแต่ในปี 2005
ข้อดีของเทคโนโลยี PMR ก็คือแต่ละจานข้อมูลนั้นจะสามารถที่จะมีองค์ประกอบที่เอามาใช้ในการป้องกันจานได้ และเหนือสิ่งอื่นใดก็คือการที่มันใช้หลักการเขียนข้อมูลตามแนวนอนไปตามส่วนของจานแต่ละ Track(เขียนไปเรื่อยๆ ทีละจานจนเต็มแล้วค่อยย้ายไปเขียนจานใหม่ต่อไป) ทำให้ความเร็วในการเขียนข้อมูลนั้นจึงมากกว่าเทคโนโลยีแบบ SMR แต่ข้อจำกัดของเทคโนโลยี PMR ก็คือด้วยการที่มันมาพร้อมกับองค์ประกอบสำหรับป้องกันจานในแต่ละจานทำให้ไม่สามารถที่จะทำการเพิ่มขนาดความจุของฮาร์ดดิสที่ใช้เทคโนโลยีนี้ได้มากนัก(อยู่ในช่วง 100 Gb – 1000 Gb ต่อตารางนิ้ว) แต่ตอนนี้ทาง HGST ก็สามารถทะลุข้อจำกัดดังกล่าวได้แล้วครับ
หมายเหตุ – ข้อเสียของเทคโนโลยี SMR ก็คือการที่มันใช้วิธีเรียงจานต่อเนื่องกันโดยไม่มีอะไรมาป้องกันระหว่างจาน ทำให้ในการใช้งานจริงนั้นฮาร์ดดิสที่มาพร้อมกับการเรียงจานแบบเทคโนโลยี SMR ไม่เหมาะกับการเปิดใช้งานต่อเนื่องตลอดเวลาทุกวัน
ทั้งนี้ Ultrastar He10 จะมีวางจำหน่ายแบ่งออกมาเป็นหลายๆ รุ่นด้วยกันครับ โดยแต่ละรุ่นก็จะมีรายละเอียดของประสิทธิภาพแตกต่างกันไปตามภาพที่แสดงทางข้างบนนี้ ในส่วนของราคานั้นทาง HGST ยังไม่ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแต่หากเทียบกับฮาร์ดดิสที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี helium-filled อย่างรุ่น He8 ที่มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ราวๆ £400 หรือประมาณ 21,675 บาทแล้ว Ultrastar He10 นั้นน่าจะมีราคาอยู่ที่ราวๆ £600 หรือประมาณ 32,500 บาทครับ
หมายเหตุ – เมื่อเทียบราคาของฮาร์ดดิสขนาด 8 TB ของ Seagate ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี SMR แล้วถือว่าแพงพอควรครับเพราะของ Seagate นั้นมีราคาอยู่ที่ราวๆ £170 หรือประมาณ 9,200 บาทเท่านั้น
หมายเหตุ 2 – นอกเหนือไปจากเทคโนโลยี PRM แล้วเทคโนโลยีของฮาร์ดดิสในยุคต่อไปที่น่าจะถูกนำมาใช้กันก็คือ heat-assisted magnetic recording หรือ HAMR ซึ่งทั้งทาง Seagate และ HGST กำลังดำเนินการพัฒนาเทคโนโลยีนีอยู่ครับ ทั้งนี้เทคโนโลยี HAMR นั้นจะใช้เลเซอร์ในการเพิ่มความร้อนไปยังพื้นที่เล็กๆ บนฮาร์ดดิสที่กำลังมีการเขียนข้อมูลอยู่ โดยความร้อนนั้นจะไปทำให้อนุภาคแม่เหล็กบนจานเกิด superparamagnetic effect ในช่วงเวลาสั้นๆ
ด้วยวิธีการ HAMR นั้นจะทำให้สามารถทำการเก็บข้อมูลกับอนุภาคแม่เล็กในขนาดเล็กลงกว่าเดิมได้และเป็นผลให้ขนาดของความจุเพิ่มขึ้น แต่มันก็ยังมีปัญหาอยู่ครับเพราะกระบวนการในลักษณะนี้นั้นจะก่อให้เกิดปรากฎการณ์ Superparamagnetism ที่น่ารำคาญขึ้นมาได้ ตัวอย่างของปัญหาจากปรากฎการณ์นี้ก็คือบางที binary ที่เราเก็บไว้เป็น 0 อาจจะกลับกลายเป็น 1 แบบสุ่มโดยที่เราไม่รู้ตัวขณะใช้งาน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสียหายกับข้อมูลขึ้นได้ครับ
ที่มา : arstechnica