HP Spectre x2 เป็นแท็ปเล็ต-โน๊ตบุ๊คในกลุ่มของไฮบริด ที่มีการใช้งานที่คล้ายคลึงกันกับ Surface Pro4 เพียงแต่ HP Spectre x2 จะมีบอดี้ที่บางเป็นพิเศษ และทำงานในแบบไร้เสียงรบกวน (Fanless) ด้วยการใช้ซีพียู Intel Core M และการออกแบบที่หรูหรา ซึ่งมาพร้อมกับราคาประมาณ 799USD ราคานี้มาพร้อมกับคีย์บอร์ด ต้องถือว่าเข้ามาชนกับแท็ปเล็ตเรือธงของทางไมโครซอฟท์เลยทีเดียว
การออกแบบ
แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่า HP Spectre x2 ได้แนวทางจาก Surface Pro 4 มาบ้าง ซึ่งหากใครที่เคยได้ใช้แท็ปเล็ตจากทางไมโครซอฟท์นี้มาบ้าง ก็น่าจะพอทราบถึงความแตกต่างในเรื่องของการพัฒนา HP Convertible ได้อย่างชัดเจน ที่มีการปรับการออกแบบในการใช้งานได้เป็นอย่างดี ด้วยการออกแบบขอบอุปกรณ์ให้โค้งมนและมีขนาดเล็ก คล้ายกับ iPad Pro พร้อมด้วยมุมโค้งโดยรอบแท็ปเล็ตสีเงินและสีดำตัดกัน ของขอบอลูมิเนียมกับกระจกหน้าจอสีดำ ซ่อนกล้องหน้าเอาไว้
ในขณะที่ Spectre x2 ไม่ได้ทำผลิตขึ้นเป็นโลหะชิ้นเดียว แต่แผงอุปกรณ์เข้ากันได้พอดีอย่างลงตัว ซึ่งเมื่อดูแล้วบอกถึงความแข็งแกร่งในรูปทรงที่บางอย่างน่าประทับใจกับผิวโลหะพ่นทรายอย่างมีคุณภาพ
Specifications
- CPU: 1.2GHz Intel Core m7-6Y75 (dual-core, 4MB cache, up to 3.1GHz with Turbo Boost)
- Graphics: Intel HD Graphics 515
- RAM: 8GB LPDDR3 SDRAM
- Screen: 12-inch, 1,920 x 1,280 WUXGA+ IPS WLED-backlit touch screen
- Storage: 256GB mSATA SSD
- Ports: 2 x USB Type-C, microSD card reader
- Connectivity: Intel 802.11ac (2×2), Bluetooth 4.0, LTE
- Camera: 5MP HP TrueVision HD front-facing webcam, 8MP rear-facing camera, Intel RealSense 3D R200 camera
- Weight: 1.87 pound (tablet); 2.68 pound (tablet and base)
- Size: 11.81 x 8.23 x 0.31 inches (tablet); 11.81 x 8.23 x 0.52 inches (tablet and base) (W x D x H)
ขาตั้งที่กางออกมาได้
การตั้งหน้าจอ ใช้วิธีกางขาตั้งออกมาจากด้านหลัง Spectre x2 มาพร้อมบาร์เหล็กตัว U สแตนเลสความหนาประมาณ 3.5mm หากใครเคยจำได้ ในยุคก่อนหน้านี้จะมีนวัตกรรมขาตั้งในลักษณะดังกล่าวออกมาสู่ตลาดมากมาย โดยเฉพาะจอทีวีขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์ระดับไฮเอนด์เป็นหลัก ซึ่ง Kickstand bar หรือขาตั้งนี้ สามารถดันออกมาจากด้านหลัง ให้ความยืดหยุ่นได้ดี โดยผู้ใช้สามารถที่จะกางแท็ปเล็ตออกมาได้ถึง 150 องศา โดยจะมากกว่าการกางของแท็ปเล็ตหลายรุ่นในท้องตลาดที่เป็นลักษณะขาตั้งที่คล้ายกัน และนั่นก็ทำให้ตั้งแท็ปเล็ตเพื่อการใช้งานได้ในหลายๆ อิริยาบท ไม่ว่าจะเป็นการกางให้กว้างขึ้น เพื่อใช้งานทั่วไปหรือกางให้ตั้งชันขึ้น สำหรับการพิมพ์งานที่สะดวกมากกว่า
HP Spectre x2 มาพร้อมคีย์บอร์ด โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม คีย์บอร์ดเป็นอลูมิเนียมที่มีความแข็งแรง ด้านล่างเป็นผ้าที่ให้ความนุ่มนวลเวลาสัมผัส ในขณะที่ระยะห่างรอบๆ ปุ่มมากพอสำหรับการกดได้สบายๆ ความลึกของปุ่มประมาณ 1.5mm และคีย์บอร์ดมาพร้อมคลิปแม่เหล็กไปติดไว้ที่ด้านล่างของแท็ปเล็ต สามารถตั้งให้แท็ปเล็ตอยู่ในมุมที่ชันขึ้น เพื่อให้มองการพิมพ์ได้สบายขึ้น
อย่างไรก็ดีคีย์บอร์ด Spectre x2 ยังมีความพิเศษอีกอย่างหนึ่งก็คือ ติดตั้งลำโพงมาในตัว โดยเป็นลำโพงคู่ ให้พลังเสียงที่เพิ่มขึ้นมาจากตัวลำโพงของแท็ปเล็ต โดยที่ Windows 10 ช่วยในการเพิ่มระดับเสียงขึ้นมาได้ดีในระดับหนึ่ง โดยคถณภาพเสียงในการชมภาพยนตร์พอใช้ได้ แต่อาจไม่ได้หนักแน่นมาก ซึ่งถ้าต้องการใช้ในการฟังเพลง หูฟังน่าจะเป็นทางเลือกที่ให้คุณภาพได้มากกว่า
Spectre x2 เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ใช้ Windows 10 ที่มีมิติค่อนข้างบางเป็นพิเศษ ด้วยความหนาประมาณ 7.87mm (ไม่รวมคีย์บอร์ด) เมื่อเทียบกับอุปกรณ์บางค่ายที่ลักษณะเดียวกันแล้ว จะบางกว่าอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อติดตั้งคีย์บอร์ดเข้าไป ทำให้ความหนาเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย รวมแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 13mm ส่วนน้ำหนักจะตกอยู่ที่ 0.85Kg ค่อนข้างจะเบากว่ารายอื่นๆ ในท้องตลาด
ราคาเริ่มต้นของ Spectre x2 อยู่ที่ประมาณ 799USD หรือประมาณ 29,000 บาท มาพร้อมซีพียู Intel Core m3-6Y30 ความเร็ว 900MHz และแรม 4GB รวมถึง SSD 128GB สำหรับผู้ใช้ในประเทศออสเตรเลีย จะมีรุ่นพื้นฐานในราคา 1699AU USD ประมาณ xxxx บาท ซึ่งจะใช้ซีพียู Intel Core m5-6Y54 มาพร้อมแรม 8GB, SSD 128GB รวมถึงรุ่น 4G LTE ให้เลือก
หากเทียบในราคาที่ใกล้เคียงกัน Surface Pro 4 ที่มาพร้อมซีพียู Intel Core i5 พร้อมแรม 4GB และ SSD 128GB ในราคา 999USD หรือประมาณ 36,000 บาท แต่ถ้าจะให้ใช้งานได้ครบครันสำหรับการพิมพ์ก็ต้องเพิ่ม 129USD สำหรับ Cover Type อีกด้วย ในแง่ของความคุ้มค่า HP Spectre x2 อยู่ในจุดที่ราคาไม่แพงมากนัก เมื่อมองที่สเปกที่ได้ ทั้งแรมและความจุ SSD พร้อมอุปกรณ์ที่ใช้งานได้ครบครัน รวมถึงซีพียูที่ตอบสนองการใช้งานได้อย่างพอเหมาะ สำหรับแท็ปเล็ตหรือโน๊ตบุ๊คที่บางเป็นพิเศษ
โดยที่ซีพียู Core-M รุ่นแรกนั้น อาจยังไม่ได้ตอบโจทย์ที่ดีนัก ในเรื่องของประสิทธิภาพ แต่ด้วยซีพียูรุ่นใหม่ที่มาพร้อมสถาปัตยกรรม Skylake ทำให้อินเทลสามารถดึงพลังในการทำงานให้กับ Spectre x2 ออกมาได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานบน Lightroom ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการทำงานในแบบหลายงานพร้อมกันได้อย่างคล่องตัว และการใช้พลังงานที่น้อยลง ช่วยให้ใช้ประชุมได้นานขึ้น และคล่องตัวขณะเดินทาง
ผลการทดสอบ
- 3DMark: Cloud Gate: 4,660; Sky Diver: 2,813; Fire Strike: 669
- Cinebench CPU: 209 points; Graphics: 29 fps,
- GeekBench: 2,903 (single-core); 5,701 (multi-core)
- PCMark 8 (Home Test): 2,396 points
- PCMark 8 Battery Life: 3 hours and 54 minutes
แน่นอนว่าในเมื่อพลังในการทำงานของ Spectre x2 อาจดูไม่ธรรดา ก็ควรจะมีการทดสอบให้เห็นเด่นชัดมากขึ้น เพื่อเป็นการยืนยันความสามารถที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่
มองที่คะแนน PCMark8 จะเห็นว่าไฮบริดของ HP รุ่นนี้ มีคะแนนค่อนข้างสูงกว่าคู่แข่งบางรายอยู่เล็กน้อย ซึ่งต้องยกให้กับซีพียูรุ่นล่าสุดจากอินเทล Skylake Core i5 ที่สามารถโชว์ศักยภาพได้อย่างเหนือชั่นในงานกราฟฟิก เช่นเดียวกับในการทดสอบสุดหินอย่าง 3DMark Fire Strike ก็สามารถทำคะแนนไปได้ที่ 699 คะแนน แม้จะไม่สูงมาก แต่สำหรับการเป็นแท็ปเล็ตต้องถือว่าทำได้ดี เช่นเดียวกับคะแนนจาก Geekbench 3 ในการทำงานแบบมัลติคอร์ อยู่ที่ 5701 คะแนน อยู่ในระดับพอใช้ได้
การแสดงผลบน HP Spectre x2 ดูโดดเด่นในเรื่องของสีสันและเฉดสีที่แตกต่างกัน ความคมชัดของหน้าจอให้ความสว่างสดใส และมากพอสำหรับการใช้งานนอกสถานที่และในบริเวณที่แสงมากได้ดีพอสมควร ด้วยจอความละเอียด Full-HD (1920 x 1080) ยังเป็นความคมชัดที่ดีสำหรับจอ 12 นิ้ว แต่ก็ต้องยกให้กับคู่แข่งที่บางรุ่นมาพร้อมจอ 4K หรือ 2K กันไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีเรื่องของแถบสีดำขนาดใหญ่ที่อยู่รอบจอ แม้ขอบจอจะบางแต่ด้วยแถบเหล่านี้ทำให้ดูหนาขึ้นเล็กน้อย
การใช้พลังงาน
แบตเตอรี่ใน HP Spectre x2 สามารถทำงานได้ประมาณ 4-8 ชั่วโมง โดยตามการทดสอบมาตรฐาน Battery Test บน PCMark8 จะอยู่ได้ประมาณ 4 ชั่วโมง ในขณะที่ใช้งานตามปกติได้ประมาณ 5 ชั่วโมง ในการทดสอบโดย เปิดใช้ MS Word, FireFox และ Google Music, HipChat รวมถึง Lightroom และ Photoshop ประมาณ 30 นาที
กับการเล่นไฟล์วีดีโออย่างต่อเนื่องด้วยการชม Guardians of the Galaxy บนความสว่างหน้าจอ 50% และ Spectre x2 ทำเวลาได้นานถึง 5 ชั่ว 47 นาที รวมถึงใช้ได้นานถึง 7 ชั่วโมง 47 นาทีสำหรับการใช้งาน Netflix bingeing
โดยรวมถือว่าแท็ปเล็ตจาก HP ใช้เวลาได้ยาวนานจนน่าแปลกใจในรูปลักษณ์ของแบตที่บาง เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ที่เคยทดลองใช้นั้นอยู่ราวๆ 5 ชั่วโมง 15 นาทีสำหรับการเล่นไฟล์วีดีโอของแท็ปเล็ตบางรุ่น
HP Spectre x2 มาพร้อมซอฟต์แวร์ที่โหลดเอาไว้ใน SSD จำนวน 2 ส่วนด้วยกันคือ McAfee Security และ HP Welcome Message ซึ่งสามารถถอนการติดตั้งได้ด้วยตัวเอง อุปกรณ์พื้นฐานที่มีมาให้อยู่ในเกณฑ์ปกติไม่ได้มีสิ่งใดหวือหวามากนัก
บทสรุปในภาพรวมก็คือ ความคุ้มค่าในค่าใช้จ่ายสำหรับ HP Spectre x2 ที่มีราคาไม่แพงเกินไป ด้วยรูปลักษณ์ที่หรูหราและความบางเหมาะแก่การพกพา ด้วยการใช้วัสดุที่มีความสวยงาม เป็นโลหะเกือบทั้งหมด พร้อมผิวงานแบบพ่นทรายให้ความโดดเด่น รวมถึงต้องยกความดีให้กับกรอบที่บางและขาตั้งที่ใช้งานง่าย เป็นอีกหนึ่งแท็ปเล็ต Windows 10 ที่น่าสนใจ และความน่าประทับใจของซีพียูประมวลผล Intel Core M ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานไม่ธรรมดา
แต่ก็ยังมีข้อสังเกตก็คือ เรื่องของขาตั้งที่ไม่ต้องไปเอื้อมมือที่ขอบของแท็ปเล็ต เพื่อหาสปริงสำหรับดันขาตั้งออกมา แต่สามารถทำงานได้ง่าย ดูจะเป็นการออกแบบที่พัฒนามาอีกขั้นหนึ่งของ HP นอกจากนี้ยังมีในเรื่องของการสร้างความแตกต่าง เช่นการติดตั้งลำโพงแบบ Quad channel ที่น่าจะเป็นการเพิ่มพลังเสียงให้มากขึ้น รวมถึงการใช้ฟีเจอร์กล้องอย่าง RealSense ซึ่งเวลานี้มีประโยชน์สำหรับการเล่นหรือสแกนใบหน้าได้สนุกสนาน โดยภาพรวมหากต้องการแท็ปเล็ตที่ใช้งานจริงจังได้และเป็น Windows 10 ในราคาไม่แพงเกินไปนัก HP Spectre x2 น่าจะเป็นคำตอบที่คุณรออยู่
ที่มา : techradar