Connect with us

Hi, what are you looking for?

Notebookspec

Tips & Tricks

ปรับแต่งหน้าจอ Desktop Windows 10 กับการเพิ่มหรือลบชอร์ตคัตมาตรฐานใน Personalization

ครั้งแรกที่คุณเห็นหน้าจอเดสก์ทอปหลังจากที่ติดตั้งวินโดวส์ลงไปใหม่ๆ คุณจะพบว่าจะมีไอคอนเพียงตัวเดียวคือ Recycle Bin ปรากฏขึ้นมาให้เห็น และเมื่อเวลาผ่านไปเราก็จะพบว่ามีไอคอนอยู่อีกมากมาย

ครั้งแรกที่คุณเห็นหน้าจอเดสก์ทอปหลังจากที่ติดตั้งวินโดวส์ลงไปใหม่ๆ คุณจะพบว่าจะมีไอคอนเพียงตัวเดียวคือ Recycle Bin ปรากฏขึ้นมาให้เห็น และเมื่อเวลาผ่านไปเราก็จะพบว่ามีไอคอนอยู่อีกมากมาย ที่มาปรากฏอยู่บนหน้าเดสก์ทอปของเรา ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นชอร์ตคัตหรือทางลัดในการเชื่อมโยงไปยังโปรแกรมหรือไฟล์อื่นๆ ที่ถูกติดตั้งอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ ซึ่งหากคุณลบไอคอนหรือชอร์ตคัตเหล่านี้ออกไปจากหน้าเดสก์ทอป ก็ไม่ได้ส่งผลต่อตัวโปรแกรมแต่อย่างใด เพราะไม่ได้ส่งผลไปยังการทำงาน เพียงแต่ตัดช่องทางที่ลิงก์ไปเท่านั้น ดังนั้นทุกคนสามารถที่จะปรับหน้าตาไอคอนหรือเพิ่มและลดจำนวน ด้วยการจัดการหน้าจอวินโดวส์ได้ด้วยตัวเอง ในแต่ละส่วนได้ดังนี้

LG_gram_14_ultrabook_with_Intel_Broadwell_processor_and_Windows_10

Advertisement

ไอคอนพื้นฐานบนหน้าเดสก์ทอป
Windows มีการกำหนดไอคอนเริ่มต้นที่สามารถเปิดใช้งาน Personalized Desktop โดยคุณจะสามารถหารายการชอร์ตคัตมาตรฐานเพื่อนำมาใช้ในแต่ละฟังก์ชั่นได้ตามรายการเหล่านี้

Computer (This PC) : จะช่วยให้สามารถเรียกดูข้อมูลคอมพิวเตอร์และสิ่งที่เกี่ยวข้องที่ใช้ร่วมกันกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ในระบบ ไม่ว่าจะเป็น พาร์ทิชั่น โฟลเดอร์ ไฟล์ ไลบรารีและอื่นๆ
Network : แสดงรายการของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อต่อเข้ากับเครือข่ายของคุณและโฟลเดอร์ รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้รวมกับเครือข่าย
Recycle Bin : ส่วนที่จัดเก็บไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ถูกลบออกไป โดยจะถูกจัดเก็บไว้ที่นี่เป็นการชั่วคราว
Control Panel : เป็นส่วนพื้นฐานสำหรับการเข้าถึงการตั้งค่าระบบที่สำคัญ
User’s Files : ช่วยให้การเข้าถึงไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น เอกสาร ดาวน์โหลดเพลง รูปภาพและอื่นๆ

ขั้นตอนที่ 1 : เปิดหน้าจอเดสก์ทอปสำหรับการติดตั้งไอคอนบน Windows
การเปลี่ยนไอคอนจากหน้าต่างการตั้งค่าไอคอนเดสก์ทอป สามารถทำได้หลายวิธี วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ ให้คลิกขวาบนพื้นที่ว่างยนเดสก์ทอป จากนั้นเลือก Personalize จากบน Contextual menu

change-desktop-icon (1)

โดยใน Windows 7 และ Windows 8.1 จะสามารถเปิดในส่วนของ Personalize จากใน Control panel ทางด้านซ้ายของคอลัมน์ แล้วคลิกที่ไอคอน Change Desktop

change-desktop-icon (2)

ส่วนใน Windows 10 คุณจะต้องเข้าไปในหน้าต่าง Personalization จาก Settings app ที่นี่ ก่อนอื่นคุณต้องเลือก Theme จากเมนูทางด้านซ้ายของคอลัมน์ จากนั้นคลิกที่ตัวเลือกออพชั่นสำหรับการตั้งค่า Icon settings

change-desktop-icon (3)

ส่วนช่องทางอื่นๆ ในการเปิด Desktop Icon Settings บนวินโดวส์ 7, 8 ให้ไปที่ Control Panel จากนั้นในตัวเลือกของ Appearance and Personalization section ให้คุณคลิก Change the Theme

change-desktop-icon (5)

สุดท้ายดังที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้น บริเวณด้านซ้ายของหน้าต่างที่เปิดขึ้นมาใหม่ของ Personalization ให้คลิกแท็ปในออพชั่น Chane Desktop Icon

แต่น่าเสียดายที่วิธีที่สองในการเปิดหน้าต่างสำหรับตั้งค่า Desktop Icon Settings ไม่ได้ทำงานบน Windows 10 ที่เป็นหน้าต่าง Personalization ที่มาจาก Control Panel ซึ่งไม่ได้มี Change Desktop Icon

change-desktop-icon (6)

ส่วนหนทางอื่นในการทำงานร่วมกับ Windows เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ ต้องใช้วิธีค้นหาใน Search Box (Windows 7), Search Bar (Windows 8.1) หรือใช้ Cortana Search Box (Windows 10) ด้วยการใส่คำว่า Icon Desktop ลงไป ก็จะได้ผลลัพธ์ จากนั้นให้คลิกเลือกที่ “Show or hide common icons on the desktop”

ด้วยวิธีการทั้งหมดนี้ จะสามารถให้คุณเปิดหน้าต่าง Desktop Icon Settings คุณจะพบรายการของไอคอนเบื้องต้นให้คุณสามารถเปิดหรือปิดการทำงานได้เอง

ขั้นตอนที่ 2 เพิ่มหรือลบชอร์ตคัตมาตรฐานบนเดสก์ทอปของ Windows
ในหน้าต่างของ Desktop Icon Settings ให้ใส่เครื่องหมายในช่องที่ต้องการ ให้ปรากฏบนหน้าจอ Desktop เพื่อเปิดการใช้งาน ซึ่งถ้าต้องการลบตัวใดออก ก็แค่เพียงเอาเครื่องหมายหน้ารายการเหล่านั้นออกเท่านั้น

change-desktop-icon (7)

หลังจากที่เลือกไอคอนที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกที่ OK

change-desktop-icon (8)

เพียงเท่านี้หน้าจอเดสก์ทอปส่วนตัวของคุณ ก็จะมีไอคอนมาตรฐานและไอคอนที่ต้องการเพิ่มเติมเข้าไปเพื่อใช้งานได้บน Windows 8, 8.1 หรือ Windows 10 ก็ตาม

ที่มา :digitalcitizen

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

IT NEWS

Microsoft แก้ปัญหา ESU ของ Windows 10 ที่ค้างมานานแล้ว Microsoft ออกอัปเดตนอกกำหนดการ (out-of-band update) หมายเลข KB5071959 เพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดที่ทำให้ผู้ใช้ Windows 10 ไม่สามารถลง Extended Security Updates (ESU) ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งก่อนหน้านี้มีผู้ใช้จำนวนมากพบว่าแม้สมัคร ESU...

CONTENT

ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ Microsoft ระบุไว้ว่าจะยุติการสนับสนุนทางเทคนิคหลาย ๆ ด้านให้กับ Windows 10 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ยังคงได้รับความนิยมทั้งในกลุ่มของผู้ใช้งานตามบ้านทั่วไปและในภาคธุรกิจอยู่ โดยหลัก ๆ แล้วก็จะเป็นการปิดอัปเดตแพตช์ความปลอดภัย ปิดการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ ซึ่งถ้าลูกค้ายังต้องการใช้งานต่อไปก็ยังคงใช้ได้ แต่อาจจะมีความเสี่ยงในแง่ของความปลอดภัยสูงขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ อีกนัยหนึ่งก็คือเพื่อผลักดันให้ลูกค้าเปลี่ยนมาใช้ Windows 11 แทน ทำให้หลายฝ่ายที่กังวลในแง่ของความปลอดภัย หรือมีแผนจะซื้อโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่พอดี ก็อาจจะกำลังมองหาเครื่องที่มาพร้อม Windows 11 หรือรองรับการใช้งานได้เต็ม...

IT NEWS

ถึงแม้ว่า Windows 10 จะสิ้นสุดระยะเวลาการสนับสนุนอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากการอัปเดต Patch Tuesday ครั้งล่าสุด ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้งานทั่วไปจะไม่ได้รับการอัปเดตฟีเจอร์หรือแพตช์ความปลอดภัยใดๆ จาก Microsoft อีกต่อไป แต่ก็ยังมีข่าวดีสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมจะอัปเกรด เพราะพีซีของคุณจะยังคงได้รับการป้องกันอยู่Advertisement Microsoft ได้ออกมายืนยันว่า Microsoft Defender ซึ่งเป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสในตัว จะยังคงได้รับการอัปเดตฐานข้อมูลไวรัสและความสามารถในการตรวจจับภัยคุกคามต่อไป แม้จะอยู่บนระบบ Windows 10 ที่สิ้นสุดการสนับสนุนแล้วก็ตาม...

IT NEWS

ถือเป็นการสิ้นสุดยุคสมัยอย่างเป็นทางการ เมื่อ Microsoft ได้ปล่อยอัปเดตสะสม KB5066791 ซึ่งเป็นอัปเดตตัวสุดท้ายสำหรับ Windows 10 ก่อนที่ระบบปฏิบัติการยอดนิยมนี้จะสิ้นสุดวงจรการสนับสนุน (End of Support) ในวันที่ 14 ตุลาคม 2025Advertisement แม้จะสิ้นสุดการสนับสนุนหลัก แต่ผู้ใช้งานทั่วไปยังสามารถซื้อ Extended Security Updates (ESUs) เพื่อรับการอัปเดตความปลอดภัยต่อไปได้อีก 1...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก