ปัญหาเรื่องของการขับรถไปในชนบทแล้วรถชนเข้ากับสัตว์ป่านั้นในเมืองไทยอาจจะไม่ค่อยเกิดขึ้นเท่าไรครับ(แต่ก็มีให้เห็นบ่อยๆ ที่มีซากสัตว์อยู่บนท้องถนน) ทว่าในต่างประเทศนั้นพบกันได้โดยทั่วไป อาจจะเป็นกวางบ้างในสหรัฐอเมริกาและโซนยุโรป ส่วนในออสเตรเลียนั้นที่มากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นสัตว์ประจำประเทศอย่างจิงโจ้หล่ะครับ ซึ่งในปีๆ หนึ่งนั้นพบว่ามีการขับรถชนจิงโจ้ในออสเตรเลียมากกว่า 20,000 ครั้งเลยทีเดียวครับ
ทาง Volvo ผู้ผลิตรถยนต์หรูชื่อดังได้มองเห็นปัญหาเรื่องดังกล่าวและพยายามที่จะหยุดเหตุการที่น่าสลดนี้ให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด โดยคิดค้นวิธีแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้ด้วยการติดตั้งกล้องและเรดาร์สำหรับตรวจจับการเคลื่อนไหวของจิงโจ้ที่กำลังทำการข้ามถนนหน้ารถ และเมื่อระบบสามารถทำการตรวจจับได้ก็จะทำการเบรครถโดยอัตโนมัติ(หากมีความจำเป็นจริงๆ อย่างเช่นในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่ทำการเบรคเป็นต้น) ซึ่งหากจะว่าไปแล้วระบบดังกล่าวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาสำหรับสิ่งมีชีวิตอย่างจิงโจ้เป็นสิ่งแรก แต่เกิดขึ้นมาเพื่อใช้กับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ก่อนหน้านี้(ซึ่งนั่นรวมถึงมนุษย์ที่ทำการเดินเท้าบนถนนด้วย)
สิ่งหนึ่งที่ระบบสำหรับจิ้งโจ้แตกต่างไปจากระบบของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ นั้นก็คือการตรวจจับเนื่องจากรูปแบบของการเคลื่อนที่ของจิงโจ้นั้นไม่ใช่การก้าวเท้าทีละก้าว แต่เป็นการประโดด้วยขาทั้ง 2 ซึ่งต่างไปจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ ครับ(แถมร่างกายของจิงโจ้นั้นยังมีขนาดเล็กกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่ Volvo นำมาอ้างอิงในการสร้างระบบอีกด้วยต่างหาก) วิศวกรของทาง Volvo ได้บอกว่าทางบริษัทพยายามที่จะทำระบบดังกล่าวนี้ให้ดีที่สุดซึ่งโดยส่วนใหญ่ของระบบนั้นอาศัยการอ้างอิงมาจากทั้งในส่วนของตัวมูซและกวางเรนเดียร์ครับ(ซึ่งได้มีการวิจัยระบบดังกล่าวในสวีเดน)
ทาง Volvo ยังคงไม่มีกำหนดครับว่ารถยนต์ที่จะมาพร้อมกับระบบสำหรับหลีกเลี่ยงการชนจิงโจ้นั้นจะถูกผลิตสำหรับจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงไหน และก็ยังคงไม่มีการยืนยันอีกด้วยว่าระบบนี้จะเข้ามาเป็นมาตรฐานของรถยนต์ Volvo หรือไม่ อย่างไรก็ตามมีการคาดการณ์ว่าน่าจะไม่นานเกิดรอนักเพราะทั้งตัวเทคโนโลยีและเซนเซอร์ต่างๆ ทั้งหมดที่ใช้นั้นก็มีพร้อมอยู่แล้ว จะเหลือก็เพียงแต่รอให้ทาง Volvo ได้ทำการปรับแต่งระบบดังกล่าวให้เข้าที่เข้าทางก็เท่านั้นครับ
ที่มา : theverge