จากการรวบรวมข้อมูลตั้งแต่เดือนตุลาคม 2014 ถึงเดือนกันยายนปี 2015 ที่ผ่านมาของ Flexera ผ่านเครื่องมือ Personal Software Inspector(เครื่องมือฟรีสำหรับใช้งานในการเช็คว่าแอปพลิเคชันหรือซอฟต์แวร์บนเครื่องของคุณเป็นเวอร์ชันล่าสุดหรือไม่) ผ่านคอมพิวเตอร์กว่า 8 ล้านเครื่องที่มีเครื่องมือนี้ติดตั้งอยู่ พบข้อมูลที่น่าสนใจครับว่า ผู้ใช้งานระบบปฎิบัติการ Windows นั้นไม่ค่อยจะอัพเดทซอฟต์แวร์ของ Apple ไปเป็นเวอร์ชันล่าสุดกันสักเท่าไรนัก
ซอฟต์แวร์ของ Apple ดังกล่าวนั้นได้แก่ QuickTime และ iTunes ครับ โดยผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกากว่า 61% ไม่อัพเดท QuickTime เป็นเวอร์ชันล่าสุด ส่วน 47% ของผู้ใช้นั้นพบว่าไม่อัพเดท iTunes เป็นเวอร์ชันล่าสุดถึงแม้ว่าทาง Apple จะมีโปรแกรม Apple Software Update ติดตั้งควบกับซอฟต์แวร์ทั้ง 2 ดังกล่าวเพื่อที่จะคอยเตือนให้ผู้ใช้ทำการอัพเดทเวอร์ชันของซอฟต์แวร์ทั้ง 2 เวลาที่มีการอัพเดทเวอร์ชันใหม่ๆ ก็ตาม
ถามว่านี่เป็นความผิดของ Apple ไหม คำตอบคือไม่ใช่ครับ เพราะโดยปกติทั่วไปแล้วซอฟต์แวร์ส่วนใหม่ก็จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่คอยเตือนให้ผู้ใช้ทำการอัพเดทเวลาผู้ผลิตออกเวอร์ชันใหม่มาอยู่แล้ว แต่ปัญหานั้นอยู่ที่ผู้ใช้ไม่ทำการอัพเดทเอง โดยสิ่งที่เกิดขึ้นตามมานั้นก็คือปัญหาเรื่องของความปลอดภัย ที่โปรแกรมซอฟต์แวร์เวอร์ชันเก่าๆ มักจะถูกพบช่องโหว่โดยผู้ไม่ประสงค์ดีและใช้ช่องโหว่ดังกล่าวเจาะเข้าไปดึงข้อมูลหรือฝังมัลแวร์บนเครื่องของผู้ใช้ครับ
เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมานั้นทาง Apple ได้ทำการโพสว่าพวกเขาพบปัญหาหลายๆ อย่างใน QuickTime เวอร์ชันก่อนหน้า 7.7.8 สำหรับ Windows 7 และ Vista ซึ่งทาง Apple นั้นได้ทำการแก้ไขและส่งอัพเดทเวอร์ชันใหม่ออกมาหลายเดือนแล้วแต่ทว่าผู้ใช้ก็ยังคงไม่ทำการอัพเดทเป็นเวอร์ชันใหม่ตามที่ Apple ได้แนะนำครับ
อย่างไรก็ตามจากการจัดอันดับของทาง Flexera นั้นพบว่ายังมีโปรแกรมอีกถึง 5 โปรแกรมที่อยู่ในสภาวะที่ผู้ใช้ไม่ยอมอัพเดทเวอร์ชันใหม่และมีความเสี่ยงสูงทางด้านความปลอดภัยได้แก่ Adobe Reader X 10.x, Oracle Java JRE 1.8.x/8.x และ Adobe Reader XI 11.x ดังนั้นแล้วหากคุณยังใช้โปรแกรมดังกล่าวในเวอร์ชันเก่าอยู่ก็ถึงเวลาที่จะทำการอัพเดทได้แล้ว
หมายเหตุ – Personal Software Inspector เป็นเครื่องมือของกลุ่ม Secunia Research มาก่อน แต่ภายหลังได้รวมเข้ากับ Flexera ครับ
ที่มา : computerworld