ถ้าหากพูดถึงเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คยอดขายอันดับต้นๆ ของไทยและของโลกหลายๆคนคงนึกถึง MSI กันอย่างแน่นอน ด้วยความที่ผู้คนต่างให้การยอมรับ เชื่อมั่น และมั่นใจประสิทธิภาพในการใช้งานเล่นเกมกันมาอย่างยาวนานโดยเฉพาะกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คในไลน์อัพในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งอย่าง G Series ไม่ว่าจะเป็น GX , GP , GE , GS และ GT ที่เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของหนุ่มๆ(ติดเกม) กันเกือบทุกคน
แต่กระนั้นแล้วยังมีผู้ใช้อีกจำนวนมากโดยเฉพาะกับกลุ่มมืออาชีพที่มองว่าดีไซน์ การใช้งาน และสีสันของเกมมิ่งมิ่งโน๊ตบุ๊คยังไม่ถูกกับไลฟสไตล์ตรงนั้น ซึ่ง MSI ก็เห็นตรงกันจึงได้เปิดไลน์อัพโน๊ตบุ๊คในกลุ่มใหม่อย่าง MSI P Series (Prestige) ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ในกลุ่มมืออาชีพ นักธุรกิจหรือแม้แต่ฮิปสเตอร์ และแฟชั่นนิสต้าได้ดี จากจอแสดงผลแบบพิเศษที่ให้สีสันถูกต้องตามธรรมชาติ ตรงกับมาตรฐาน sRGB 100% ด้วยเทคโนโลยี MSI True Color พร้อมสเปคที่ทรงประสิทธิภาพไม่แพ้กัน และยังมีฟีเจอร์ที่หลากหลายพร้อมตอบรับกับการทำงาน รวมถึงเล่นเกมได้เป็นอย่างดี
ที่ในรีวิวนี้ทางทีมงาน NotebookSPEC ก็จะมารีวิวหนึ่งใน MSI P Series อย่าง MSI PE60 ให้เพื่อนๆ ได้ชมกันซึ่งเจ้าโน๊ตบุ๊คตัวนี้จะดีเด่น หรือด้อยด้านไหน และจะทำออกมาได้ตามที่เกริ่นไว้หรือไม่ เราไปดูพร้อมๆ กันได้เลย
Video Introduce
Specification
สเปคเอง MSI PE60 เลือกติดตั้งหน่วยประมวลผลกลาง 4 คอร์ 8 เธรดตัวแรงอย่าง Intel Core i7-5700HQ (2.70 GHz, 6 MB L3 Cache, up to 3.50 GHz) ,พ่วงด้วยแรมที่อัดมาให้เต็มแม็กซ์ถึง 8GB DDR3L บนเก็บข้อมูล HDD ความจุถึง 1TB (สามารถเพิ่มเติม M.2 SDD ได้ด้วย) พร้อมด้วยการ์ดจอแยกระดับเกมมิ่งที่ตัวฮิตอย่าง NVIDIA GeForce GTX 960M (2GB GDDR5) หายห่วงเรื่องประสิทธิภาพได้เลย
ในด้านของการแสดงผล MSI PE60 เลือกใช้จอแสดงผล 15.6 นิ้ว แบบด้านไร้แสงสะท้าน ความละเอียด FHD บนเทคโนโลยี Wide Viewing Angle Display ที่ช่วยให้หน้าจอแสดงผลของ MSI P Series มีมุมมองกว้างถึง 178 องศา พร้อมเทคโนโลยี MSI True Color Technology ปรับโปรไฟล์สีให้ตรงกับการใช้งานได้ทุกรูปแบบ และตัวเครื่องยังมีระบบเสียง 4.1 ชาแนลบนซอฟแวร์เสียง Nahimic อีกด้วย
ส่วนของพอร์ตเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบครัน และครอบคลุมด้วย 3x USB 3.0 , 1x USB 2.0 , 1x HDMI 1.4, 1x Mini-DisplayPort , SD(XC/HC) card reader , RJ45 (LAN) , DVD reader/writer (dual layer) และ Mic-in/Headphone-out รวมถึงยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.0 และอินเตอร์เน็ตไวเลสผ่านมาตรฐาน 802.11b/g/n/ac
โดย MSI PE60 มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ราวๆ 2.3 กิโลกรัม บนมิติตัวเครื่อง 383(W)x260(D)x27(H) มิลลิเมตร และมีราคาขายอยู่ที่ 40,900 บาทในตัวที่ไม่มี Windows 10 และราคา 43,900 บาทในตัวที่มี Windows 10 ลิขสิทธิ์ติดตั้งมาให้
สเปค MSI PE60
- หมายเหตุ ตัวที่ทางทีมงานได้มาทดสอบนั้นถูกลดสเปคลงเป็น Core i7 ตัวเก่าในตระกูล Haswell
MSI P Series Feature
MSI PE60 นอกเหนือจากจะมีสเปค และพอร์ตเชื่อมต่อที่โดดเด่นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คือฟีเจอร์ต่างๆ ที่เรียกได้ว่าจัดมาให้อย่างเต็มสตรีมไม่แพ้โน๊ตบุ๊คมืออาชีพตัวอื่นๆ เลย ซึ่งแต่ละฟีเจอร์สามารถใช้ประโยชน์ได้จริงด้วยละครับไม่ว่าจะเป็น
- เทคโนโลยี True Color MSI ช่วยให้มีความแม่นยำของสีบนหน้าจอที่แม่นยำมากใกล้เคียงในระดับ sRGB 100% พร้อม Calibrated จากโรงงาน ทำให้ใช้งานได้อย่างเชื่อมั่น ช่วยให้ทั้งการทำงานต่างๆ ไม่ว่าจะงานแต่งรูป และออกแบบต่างๆ รวมไปถึงการช็อปปิ้งออนไลน์ในด้านของสีสันเสื้อผ้า และอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะให้เพื่อนๆ ไม่พลาด และได้ของที่ถูกใจ ซึ่งซอฟแวร์นี้สามารถปรับโปรไฟล์สีได้ถึง 6 ระดับ ไม่ว่าจะเป็น ANTI-BLUE , sRGB , DESIGNER , OFFICE , MOVIE , GAMER
- เทคโนโลยี Wide Viewing Angle Display ที่ช่วยให้หน้าจอแสดงผลของ MSI P Series มีมุมมองกว้างถึง 178 องศา แม้จะใช้จากมุมก้ม มุมเงย มุมซ้าย มุมขวาภาพที่แสดงออกมาก็ยังสมจริงเสมอ
- เทคโนโลยี Matrix Display ที่จะช่วยให้เพื่อนๆ เพิ่มพื้นที่การใช้งานได้สูงสุดถึง 2 จอแสดงผล (2+1 จอ) แสดงผลความละเอียดสูงสุดถึง 4K (3840 x 2160) 60Hz ช่วยให้การทำงานสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับมืออาชีพ
- ระบบเสียงอย่างชุดลำโพง Dynaudio แบบ 4.1 พร้อมด้วยซอฟแวร์เสียง Nahimic ช่วยให้การดูหนัง ฟังเพลง หรือแม้แตการสนทนาผ่าน Skype ก็ทำได้อย่างไรที่ติเพราะตัวซอฟแวร์จะช่วยลดเสียงรบกวนได้เป็นอย่างดี
- ระบบระบายความร้อน CoolerBoost 3 เอกสิทธิ์เฉพาะ MSI ที่ช่วยระบายความร้อนให้กับโน๊ตบุ๊คมืออาชีพอย่าง MSI P Series ได้อย่างดีด้วยพัดลมระบายความร้อน 2 ชุด แยกต่างหาก ระหว่างชิป GPU และ CPU ส่งผลให้มีระบบบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากกว่าโน๊ตบุ๊คมาตรฐานตัวอื่นๆ
- และยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ อีกมากมาย
Using Experience
มาถึงช่วงของการลองใช้จริงกันแล้วนะครับ ซึ่งแรกสัมผัสบอกเลยรูปร่างหน้าตาและการออกแบบของ MSI PE60 ที่เราได้มาทดสอบก็จะในรูปแบบของความพรีเมียม ดูไฮโซล้ำๆ เหมาะกับการใช้งานดีทีเดียว เพราะพี่แกมาในแบบเหลี่ยมๆ คม ในสีสันเงินๆ เทาๆแบบผ้าไหว ตัดดำตลอดทั้งตัวเครื่อง ซึ่งวัสดุที่ใช้ครึ่งหนึงจะเป็นพลาสติกเคลือบอลูมิเนียมบริเวณท่อนบนตัดด้วโลโก้ MSI แบบโครเมียม และอีกครึ่งหนึ่งจะใช้เป็นวัสดุพลาสติกสีดำบริเวณด้านใต้ตัวเครื่องที่ไม่ค่อยจะได้เห็น MSI ดีไซน์โน๊ตบุ๊คแบบนี้มาบ่อยๆ ซึ่งก็แปลกตาอยู่พอสมควร
เจาะลึกลงไปในรายละเอียดในเรื่องของระบบระบายความร้อนนี้จะมีช่องระบายอากาศถึง 2 จุด 2 โซนด้วยกัน โดยช่องระบายอากาศที่อยู่ทางด้านใต้เครื่องจะเป็นตัวดูดลมเย็น ส่วนด้านหลังสองช่องจะเป็นตัวเป่าไล่ลมร้อนผ่านชุดระบายความร้อนพัดลมคู่แบบ CoolerBoost 3 แบบเดียวกับที่ใช้บนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค หายห่วงเรื่องความร้อนได้เลย แต่ในเรื่องของการอัพเกรดดูเหมือนจะทำได้ค่อนข้างยากเล็กน้อย เพราะแบตเตอรี่เองก็เป็นแบบฝัง และก็ไม่ได้แบ่งช่องอัพเกรดไว้ให้เป็นส่วนๆ จะอัพเกรดทีต้องแกะฝาเครื่องออกทั้งหมดเลย
เปิดเครื่องใช้งานออกมาในลักษณะของ Clam Shell หรือเปลือกหอย กับ MSI PE60 ก็ยังคงกลิ่นอายความพรีเมียมอยู่เยอะทีเดียวด้วยสีเงินจากตัวที่พักมือ แต่มีข้อติอยู่นิดนึงตรงที่ขอบหน้าจอหนาไปหน่อย และเมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาด้วยปุ่มเปิดเครื่องที่อยู่ทางด้านมุมขวาเข้ามาใช้งาน Windows 10 แท้ที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องก็ทำได้รวดเร็วตามตามมาตรฐานฮาร์ดไดร์ฟมาตรฐาน ซึ่งหลังจากนั้นทางผู้เขียนเองได้ลองใช้หน้าจอในทุกๆ มุมมอง โดยใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ หรือตัดแต่งไฟล์ต่างๆ ผ่านโปรแกรม Adobe Lightroom ก็ทำได้ดีมาก
ยิ่งถ้าปรับโปรไฟล์ผ่านซอฟแวร์ MSI True Color ผ่านปุ่มกดปุ่มแรกข้างบนคีย์บอร์ด เป็น sRGB ก็ได้สีในการทำภาพที่ค่อนข้างตรงเลยนะ หรือถ้าอยากปรับไปใช้ในโหมดอื่นๆ ได้ถึง 6 โหมดไม่ว่าจะเป็น ANTI-BLUE , sRGB , DESIGNER , OFFICE , MOVIE , GAMER ส่วนจอแสดงผลที่ติดตั้งมาให้เองก็บอกได้เลยว่าจอแบบ Wide Viewing Angle Display ของพี่แกกว้างสมคำล่ำลือดีจริงๆ เหมาะอย่างยิ่งกับเพื่อนๆที่ทำงานด้านภาพสุดๆ เลย ส่วนอีกปุ่มที่อยู่ข้างๆ ก็จะเป็นปุ่มสำหรับเร่งรอบพัดลมเวลาใช้งานหนักๆ
ส่วนถ้าปรับมาใช้ในการเล่นเกมด้วยสเปคของระบบอย่าง Intel Core i7 และกราฟิกการ์ดอย่าง GTX960M ก็สามารถเล่นเกมได้อย่างลื่นๆ สบายๆ หายห่วงเลยไม่ว่าจะเป็นเกมเก่าหรือเกมใหม่อย่าง GTA5 , CS:GO , The Witcher 3 , DotA 2 , Ark ก็สามารถทำได้ดีแน่นอนในด้านของความลื่นไหล และการปรับภาพกราฟิกสวยๆ แต่มามีข้อสังเกตเล็กๆ ตรงที่ความสมูทของภาพที่ขับผ่านหน้าจอเพราะจอแสดงผลตัวนี้จะออกแบบมาให้ภาพชัดสมจริงมากๆ ทำให้จอมีอัตตราการตอบสนองที่ตค่อยข้างจะสูงเล็กน้อย ทำให้ภาพจะมีหน่วงๆและมีโกสอยู่บ้างในการเล่นอยู่บ้างกลับเกมที่เคลื่อนไหวเร็วๆ แต่กับเกมเคลื่อนที่ช้ายังไม่เจอปัญหาอะไรซึ่งจุดตรงนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการต่อจอแสดงผลแยกครับผม
ส่วนในด้านของเสียงหายห่วงและเล่นได้เต็มอรรถรสแน่นอนเพราะ PE60 มาพร้อมลำโพง Dynaudio แบบ 4.1 Channel บนซอฟแวร์เสียง Nahimic ล้ำๆไปเลย ถามว่าเสียงดีไหมบอกเลยว่าดีสมราคา และดีกว่าโน๊ตบุ๊คมาตรฐานทั่วๆ ไปอยู่เยอะเลย เพราะได้เสียงที่ค่อนข้างดังและเซอร์ราวด์กว่าในการดูหนัง ฟังเพลง และเล่นเกม แต่ถ้าเอามาเทียบกับลำโพงในระดับ Gaming Notebook แท้ๆ แล้วละก็ยังเป็นรองอยู่บ้างนะครับ
ในด้านการใช้งานทั่วๆไปตามมาตรฐาน เช่นการพิมพ์งานเอกสาร ส่งอีเมลหาลูกค้า ท่องเว็บ เล่นเฟส วิดีโอคอล ตอบสนองได้ดีไม่แพ้กันด้วยคีย์บอร์ดปุ่มใหญ่ที่มีไฟแสดงผลสีฟ้าในตัวแบบ Single Blacklit เปลี่ยนสีไม่ได้ พร้อมแป้นขนาดใหญ่ที่ถึงแม้จะไม่ได้มาพร้อมพิมพ์แบบ SteelSeries เหมือน Gaming G Series แต่ก็ดีเพียงพอจะใช้งานได้ในทุกๆ รูปแบบเพราะตัวแป้นยังค่อนข้างมีขนาดแป้นที่ใหญ่ และมีความแน่นหนามั่นคงไม่ยวบยาบให้การใช้งานได้อย่างมั่นใจ ส่วนทัชแพดเองก็แม่นยำและใช้งานได้ค่อนข้างดีครับ พร้อมกันนั้นตัวทัชแพดแบบแยกชิ้นปุ่มกดขนาดใหญ่เองยังรองรับ Guestuer Control บน Windows 10 ด้วยเช่นกัน
มาตรฐานการพอร์ตเชื่อมต่อบน MSI PE60 ก็ถือได้ว่าเป็นจุดเด่นจุดหนึ่งเลยละครับ เพราะมาครับทีเดียวไม่ว่าจะเป็น 3x USB 3.0 , 1x USB 2.0 , 1x HDMI 1.4, 1x Mini-DisplayPort และรองรับการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Wireless-AC และ Bluetooth 4.0 อีกด้วยนะครับ ใช้งานต่อจอแยกอย่างพวก Dell U Series หรือจอ Curve เทพเพื่อใช้ทำงานได้อยางสบายๆ เลย และเช่นกัน ในส่วนของการพกพาก็ง่ายๆ พอไหวเพราะ MSI PE60 มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้นเองถือว่าไม่ได้หนักอะไรมากนัก หากระเป้าเป้ที่กระจายน้ำหนักดีๆ สักตัวมาใช้รับรองไม่ปวดไหล่ ปวดหลังแน่นอน
Performance / Software
ต่อเนื่องกับผลการทดสอบและ Benchmark ทั้งในแง่ของซอฟแวร์และเกมบน MSI PE60 กันต่อเลย ซึ่งผลการทดสอบจะเป็นอย่างไรมาดูกัน
ตัวแรกกับโปรแกม CPU-Z สามารถแสดงสเปคออกมาได้ตรงตามที่ MSI PE60 ตัวเดโมติดตั้งเอาไว้ทั้งหมด เช่นเดียวกับโปรแกรม GPU-Z ที่แสดงผลการ์ดจอได้ตรงครับผม ซึ่งสเปคข้างต้นจะไม่ตรงกับตัวที่มีวางขายครับผม เพราะตัวที่วางขายจะปรับสเปคให้สูงกว่านี้
การตั้งค่า : Tomb Raider – All Ultra // FIFA 2016– All High MSAA 4x // Metal Gear Solid V: The Phantom Pain – All High
// DotA 2 – Best looking // Killing Floor 2 – All High // CS:GO – All High MSAA 8x – AF 16x
การเล่นเกมต่างๆ ถือว่าทำได้ดีสมราคาทีเดียว สามารถเล่นเกมใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดีลื่นไหลทุกๆ เกมที่ระดับ Full-HD บนกราฟิกในการเล่นสูงๆ และถ้าตัวขายจริงก็จะได้ประสิทธิภาพที่มากกว่านี้
โปรแกรม Benchmark ประสิทธิภาพโดยรวมยอมฮิตอย่างชุดทดสอบของ FuterMark เวอร์ชั่นต่างๆ ก็ทำคะแนนออกมาได้เป็นอย่างดีเลยละครับ โดยรวมนับได้ว่า MSI PE60 แต่อย่างไรก็ตามคะแนนดังกล่าวนั้นยังไม่สามารถชี้วัดถึงประสิทธิภาพจริงๆของเครื่องที่วางขายได้ทั้งหมดครับ เชื่อได้เลยว่าถ้าเป็นตัวที่วางขายจริงจะทำผลทดสอบออกมาได้ดีกว่านี้อย่างน้อยๆ ก็ 10-20% กันเลยละครับ
ทางด้านแบตเตอรี่ทาง NotebookSPEC ก็ได้ทำการทดสอบเช่นกันกับ MSI PE60 บนการตั้งค่า Balance และเล่นท่องอินเตอร์เน็ตไปด้วยและจับผลเทสโดยโปรแกรม BatteryMon ซึ่งก็มีระยะการใช้งานทั่วไปอยู่ที่ราวๆ 3-4 ชั่วโมง ซึ่งน้อยเกินกว่าความจริงซึ่งน่าจะอยู่ราวๆ 5-6 ชั่วโมง แต่ถ้าปรับมาใช้งานหนักๆเช่นเล่นเกมจะใช้ได้ราวๆ 1.30-2 ชั่วโมงครับผม ส่วนถ้าดูหนัง FHD ก็จะอยู่ที่ราว 2-3 ชั่วโมงตามลำดับครับผม ถือว่าใช้ได้เลย
ปิดท้ายกันด้วยในเรื่องของความร้อนครับ ซึ่งผมเปิดซอฟแวร์วัดความร้อนค้างเอาไว้ขณะรันเกมและโปรแกรมทดสอบหนักๆ ซึ่งตัวซีพียู Core i7 จะมีความร้อนพุ่งขึ้นไปถึงราวๆ 86 องศา ขณะใช้งานหนักๆ ซึ่งถ้าเป็นตัวขายจริงความร้อนที่เกิดขึ้นจะลดลง เพราะใช้ซีพียูตัวที่ใหม่กว่าและกินไฟน้อยกว่า
Conclusion / Award
จากการสัมผัสและได้คลุกคลีกับโน๊ตบุ๊คตัวนี้เป็นเวลากว่าอาทิตย์สรุปได้ว่า MSI PE60 เป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับมืออาชีพในคราบของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คจริงๆ ด้วยสเปคที่เร็วๆ แรงๆ ทำงาน และเล่นเกมลื่น บนระบบความร้อนดีๆ ส่งผลให้มีประสิทธิภาพและความเชื่อมั่นในการใช้งานได้ในทุกๆ รูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับงานที่ต้องการความเที่ยงตรงของสี และของภาพที่ MSI PE60 สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีด้วยหน้าจอแสดงผล 15.6 นิ้ว แบบ Wide Viewing Angle Display ยิ่งถ้าปรับโปรไฟล์ผ่านซอฟแวร์ MSI True Color ผ่านปุ่มกดปุ่มแรกข้างบนคีย์บอร์ด เป็น sRGB ก็ได้สีในการทำภาพที่ค่อนข้างตรงเหมาะกับการทำงานจริงๆ
นอกเหนือจากเรื่องของสเปค และเรื่องของหน้าจอแล้ว ในเรื่องของระบบเสียง Dynaudio 4.1 ชาแนล บนซอฟแวร์เสียง Nahimic ก็เป็นอะไรที่แจ๋วมาก รวมไปถึงในเรื่องของการออกแบบก็ถือได้ว่าเป็นอะไรที่ทำได้ค่อนข้างโดดเด่นเหมาะอย่างยิ่งกับเพื่อนๆ ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คแรงๆ แต่มีดีไซน์แบบพรีเมียม เช่นกันกับในเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อที่โดดเด่นไม่เบาเลยเพราะครบครันมากโดยเฉพาะกับพอร์ต MiniDP สำหรับต่อจอแบบ 4K UHD และต่อ 3 จอ Matrix Display ได้ ที่แม้แต่โน๊ตบุ๊คราคา 4 หมื่นในบางยี่ห้อยังหาไม่ได้เลย แต่อย่างไรก็ดีสำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการซื้อ MSI PE60 ไปเล่นเกมเพียวๆ ก็หายห่วงในเรื่องของสเปค แต่อยากให้รองไปจับตัวจริงดูก่อนเพราะอาจจะรู้สึกหน่วงๆในเรื่องของภาพที่ขับของมาบนหน้าจอเพราะจอแสดงมีอัตราการตอบสนองที่ค่อนข้างสูง ซึ่งเพื่อนๆที่มีความรู้สึกไวอาจจะเห็นโกสและความหน่วงในการเล่นเกมที่เคลื่อนที่ไวๆ อยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ตามในภาพรวมก็ถือว่า MSI ทำการบ้านมาบน PE60 ได้ดีมาก และเหมาะจริงๆ กับมืออาชีพ ซึ่งเพื่อนๆ ท่านใดที่สนใจก็สามารถสอบถามไปยังตัวแทนจำหน่าย MSI ชั้นนำกันได้เลย ราคา 4 หมื่นต้นๆ ไม่ผิดหวัง
ข้อดี
- งานประกอบ การออกแบบสวยงามดูพรีเมียมกว่า
- สเปคสูงโอเคมากทั้ง Core i7 และการ์ดจอ GTX960M พร้อมใช้งานได้ทุกรูปแบบ
- หน้าจอแสดงผลสีตรง พร้อมปรับแต่งความเที่ยงตรงของการใช้งานผ่าน MSI True Color ได้ด้วย
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.0 และ HDMI พร้อมเหนือกว่าด้วย MiniDP
- มาพร้อมลำโพงแบบ 4.1 ชาแนลพร้อมระบบเสียง Nahimic ให้เสียงดีกว่าลำโพงมาตรฐานทั่วไป
- ราคาสมเหตุสมผล
ข้อสังเกต
- จอแสดงผลออกแบบมาให้มีความเที่ยงตรงของสีสูงสำหรับทำงาน แต่ในเวลาเล่นเกมสำหรับคนที่ช่างสังเกตจะเห็นโกส และภาพไม่ลื่นไหลเวลาเล่นเกมที่เคลื่อนไหวเร็วๆ ทั้งที่สเปคสามารถขับได้สบายๆ
Video Introduce
Specification
สเปคเอง MSI PE60 เลือกติดตั้งหน่วยประมวลผลกลาง 4 คอร์ 8 เธรดตัวแรงอย่าง Intel Core i7-5700HQ (2.70 GHz, 6 MB L3 Cache, up to 3.50 GHz) ,พ่วงด้วยแรมที่อัดมาให้เต็มแม็กซ์ถึง 8GB DDR3L บนเก็บข้อมูล HDD ความจุถึง 1TB (สามารถเพิ่มเติม M.2 SDD ได้ด้วย) พร้อมด้วยการ์ดจอแยกระดับเกมมิ่งที่ตัวฮิตอย่าง NVIDIA GeForce GTX 960M (2GB GDDR5) หายห่วงเรื่องประสิทธิภาพได้เลย
ในด้านของการแสดงผล MSI PE60 เลือกใช้จอแสดงผล 15.6 นิ้ว แบบด้านไร้แสงสะท้าน ความละเอียด FHD บนเทคโนโลยี Wide Viewing Angle Display ที่ช่วยให้หน้าจอแสดงผลของ MSI P Series มีมุมมองกว้างถึง 178 องศา พร้อมเทคโนโลยี MSI True Color Technology ปรับโปรไฟล์สีให้ตรงกับการใช้งานได้ทุกรูปแบบ และตัวเครื่องยังมีระบบเสียง 4.1 ชาแนลบนซอฟแวร์เสียง Nahimic อีกด้วย
ส่วนของพอร์ตเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบครัน และครอบคลุมด้วย 3x USB 3.0 , 1x USB 2.0 , 1x HDMI 1.4, 1x Mini-DisplayPort , SD(XC/HC) card reader , RJ45 (LAN) , DVD reader/writer (dual layer) และ Mic-in/Headphone-out รวมถึงยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.0 และอินเตอร์เน็ตไวเลสผ่านมาตรฐาน 802.11b/g/n/ac
โดย MSI PE60 มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ราวๆ 2.3 กิโลกรัม บนมิติตัวเครื่อง 383(W)x260(D)x27(H) มิลลิเมตร และมีราคาขายอยู่ที่ 40,900 บาทในตัวที่ไม่มี Windows 10 และราคา 43,900 บาทในตัวที่มี Windows 10 ลิขสิทธิ์ติดตั้งมาให้
สเปค MSI PE60
- หมายเหตุ ตัวที่ทางทีมงานได้มาทดสอบนั้นถูกลดสเปคลงเป็น Core i7 ตัวเก่าในตระกูล Haswell
MSI P Series Feature
MSI PE60 นอกเหนือจากจะมีสเปค และพอร์ตเชื่อมต่อที่โดดเด่นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คือฟีเจอร์ต่างๆ ที่เรียกได้ว่าจัดมาให้อย่างเต็มสตรีมไม่แพ้โน๊ตบุ๊คมืออาชีพตัวอื่นๆ เลย ซึ่งแต่ละฟีเจอร์สามารถใช้ประโยชน์ได้จริงด้วยละครับไม่ว่าจะเป็น
- เทคโนโลยี True Color MSI ช่วยให้มีความแม่นยำของสีบนหน้าจอที่แม่นยำมากใกล้เคียงในระดับ sRGB 100% พร้อม Calibrated จากโรงงาน ทำให้ใช้งานได้อย่างเชื่อมั่น ช่วยให้ทั้งการทำงานต่างๆ ไม่ว่าจะงานแต่งรูป และออกแบบต่างๆ รวมไปถึงการช็อปปิ้งออนไลน์ในด้านของสีสันเสื้อผ้า และอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะให้เพื่อนๆ ไม่พลาด และได้ของที่ถูกใจ ซึ่งซอฟแวร์นี้สามารถปรับโปรไฟล์สีได้ถึง 6 ระดับ ไม่ว่าจะเป็น ANTI-BLUE , sRGB , DESIGNER , OFFICE , MOVIE , GAMER
- เทคโนโลยี Wide Viewing Angle Display ที่ช่วยให้หน้าจอแสดงผลของ MSI P Series มีมุมมองกว้างถึง 178 องศา แม้จะใช้จากมุมก้ม มุมเงย มุมซ้าย มุมขวาภาพที่แสดงออกมาก็ยังสมจริงเสมอ
- เทคโนโลยี Matrix Display ที่จะช่วยให้เพื่อนๆ เพิ่มพื้นที่การใช้งานได้สูงสุดถึง 2 จอแสดงผล (2+1 จอ) แสดงผลความละเอียดสูงสุดถึง 4K (3840 x 2160) 60Hz ช่วยให้การทำงานสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับมืออาชีพ
- ระบบเสียงอย่างชุดลำโพง Dynaudio แบบ 4.1 พร้อมด้วยซอฟแวร์เสียง Nahimic ช่วยให้การดูหนัง ฟังเพลง หรือแม้แตการสนทนาผ่าน Skype ก็ทำได้อย่างไรที่ติเพราะตัวซอฟแวร์จะช่วยลดเสียงรบกวนได้เป็นอย่างดี
- ระบบระบายความร้อน CoolerBoost 3 เอกสิทธิ์เฉพาะ MSI ที่ช่วยระบายความร้อนให้กับโน๊ตบุ๊คมืออาชีพอย่าง MSI P Series ได้อย่างดีด้วยพัดลมระบายความร้อน 2 ชุด แยกต่างหาก ระหว่างชิป GPU และ CPU ส่งผลให้มีระบบบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากกว่าโน๊ตบุ๊คมาตรฐานตัวอื่นๆ
- และยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ อีกมากมาย
Using Experience
มาถึงช่วงของการลองใช้จริงกันแล้วนะครับ ซึ่งแรกสัมผัสบอกเลยรูปร่างหน้าตาและการออกแบบของ MSI PE60 ที่เราได้มาทดสอบก็จะในรูปแบบของความพรีเมียม ดูไฮโซล้ำๆ เหมาะกับการใช้งานดีทีเดียว เพราะพี่แกมาในแบบเหลี่ยมๆ คม ในสีสันเงินๆ เทาๆแบบผ้าไหว ตัดดำตลอดทั้งตัวเครื่อง ซึ่งวัสดุที่ใช้ครึ่งหนึงจะเป็นพลาสติกเคลือบอลูมิเนียมบริเวณท่อนบนตัดด้วโลโก้ MSI แบบโครเมียม และอีกครึ่งหนึ่งจะใช้เป็นวัสดุพลาสติกสีดำบริเวณด้านใต้ตัวเครื่องที่ไม่ค่อยจะได้เห็น MSI ดีไซน์โน๊ตบุ๊คแบบนี้มาบ่อยๆ ซึ่งก็แปลกตาอยู่พอสมควร
เจาะลึกลงไปในรายละเอียดในเรื่องของระบบระบายความร้อนนี้จะมีช่องระบายอากาศถึง 2 จุด 2 โซนด้วยกัน โดยช่องระบายอากาศที่อยู่ทางด้านใต้เครื่องจะเป็นตัวดูดลมเย็น ส่วนด้านหลังสองช่องจะเป็นตัวเป่าไล่ลมร้อนผ่านชุดระบายความร้อนพัดลมคู่แบบ CoolerBoost 3 แบบเดียวกับที่ใช้บนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค หายห่วงเรื่องความร้อนได้เลย แต่ในเรื่องของการอัพเกรดดูเหมือนจะทำได้ค่อนข้างยากเล็กน้อย เพราะแบตเตอรี่เองก็เป็นแบบฝัง และก็ไม่ได้แบ่งช่องอัพเกรดไว้ให้เป็นส่วนๆ จะอัพเกรดทีต้องแกะฝาเครื่องออกทั้งหมดเลย
เปิดเครื่องใช้งานออกมาในลักษณะของ Clam Shell หรือเปลือกหอย กับ MSI PE60 ก็ยังคงกลิ่นอายความพรีเมียมอยู่เยอะทีเดียวด้วยสีเงินจากตัวที่พักมือ แต่มีข้อติอยู่นิดนึงตรงที่ขอบหน้าจอหนาไปหน่อย และเมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาด้วยปุ่มเปิดเครื่องที่อยู่ทางด้านมุมขวาเข้ามาใช้งาน Windows 10 แท้ที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องก็ทำได้รวดเร็วตามตามมาตรฐานฮาร์ดไดร์ฟมาตรฐาน ซึ่งหลังจากนั้นทางผู้เขียนเองได้ลองใช้หน้าจอในทุกๆ มุมมอง โดยใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ หรือตัดแต่งไฟล์ต่างๆ ผ่านโปรแกรม Adobe Lightroom ก็ทำได้ดีมาก
ยิ่งถ้าปรับโปรไฟล์ผ่านซอฟแวร์ MSI True Color ผ่านปุ่มกดปุ่มแรกข้างบนคีย์บอร์ด เป็น sRGB ก็ได้สีในการทำภาพที่ค่อนข้างตรงเลยนะ หรือถ้าอยากปรับไปใช้ในโหมดอื่นๆ ได้ถึง 6 โหมดไม่ว่าจะเป็น ANTI-BLUE , sRGB , DESIGNER , OFFICE , MOVIE , GAMER ส่วนจอแสดงผลที่ติดตั้งมาให้เองก็บอกได้เลยว่าจอแบบ Wide Viewing Angle Display ของพี่แกกว้างสมคำล่ำลือดีจริงๆ เหมาะอย่างยิ่งกับเพื่อนๆที่ทำงานด้านภาพสุดๆ เลย ส่วนอีกปุ่มที่อยู่ข้างๆ ก็จะเป็นปุ่มสำหรับเร่งรอบพัดลมเวลาใช้งานหนักๆ
ส่วนถ้าปรับมาใช้ในการเล่นเกมด้วยสเปคของระบบอย่าง Intel Core i7 และกราฟิกการ์ดอย่าง GTX960M ก็สามารถเล่นเกมได้อย่างลื่นๆ สบายๆ หายห่วงเลยไม่ว่าจะเป็นเกมเก่าหรือเกมใหม่อย่าง GTA5 , CS:GO , The Witcher 3 , DotA 2 , Ark ก็สามารถทำได้ดีแน่นอนในด้านของความลื่นไหล และการปรับภาพกราฟิกสวยๆ แต่มามีข้อสังเกตเล็กๆ ตรงที่ความสมูทของภาพที่ขับผ่านหน้าจอเพราะจอแสดงผลตัวนี้จะออกแบบมาให้ภาพชัดสมจริงมากๆ ทำให้จอมีอัตตราการตอบสนองที่ตค่อยข้างจะสูงเล็กน้อย ทำให้ภาพจะมีหน่วงๆและมีโกสอยู่บ้างในการเล่นอยู่บ้างกลับเกมที่เคลื่อนไหวเร็วๆ แต่กับเกมเคลื่อนที่ช้ายังไม่เจอปัญหาอะไรซึ่งจุดตรงนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการต่อจอแสดงผลแยกครับผม
ส่วนในด้านของเสียงหายห่วงและเล่นได้เต็มอรรถรสแน่นอนเพราะ PE60 มาพร้อมลำโพง Dynaudio แบบ 4.1 Channel บนซอฟแวร์เสียง Nahimic ล้ำๆไปเลย ถามว่าเสียงดีไหมบอกเลยว่าดีสมราคา และดีกว่าโน๊ตบุ๊คมาตรฐานทั่วๆ ไปอยู่เยอะเลย เพราะได้เสียงที่ค่อนข้างดังและเซอร์ราวด์กว่าในการดูหนัง ฟังเพลง และเล่นเกม แต่ถ้าเอามาเทียบกับลำโพงในระดับ Gaming Notebook แท้ๆ แล้วละก็ยังเป็นรองอยู่บ้างนะครับ
ในด้านการใช้งานทั่วๆไปตามมาตรฐาน เช่นการพิมพ์งานเอกสาร ส่งอีเมลหาลูกค้า ท่องเว็บ เล่นเฟส วิดีโอคอล ตอบสนองได้ดีไม่แพ้กันด้วยคีย์บอร์ดปุ่มใหญ่ที่มีไฟแสดงผลสีฟ้าในตัวแบบ Single Blacklit เปลี่ยนสีไม่ได้ พร้อมแป้นขนาดใหญ่ที่ถึงแม้จะไม่ได้มาพร้อมพิมพ์แบบ SteelSeries เหมือน Gaming G Series แต่ก็ดีเพียงพอจะใช้งานได้ในทุกๆ รูปแบบเพราะตัวแป้นยังค่อนข้างมีขนาดแป้นที่ใหญ่ และมีความแน่นหนามั่นคงไม่ยวบยาบให้การใช้งานได้อย่างมั่นใจ ส่วนทัชแพดเองก็แม่นยำและใช้งานได้ค่อนข้างดีครับ พร้อมกันนั้นตัวทัชแพดแบบแยกชิ้นปุ่มกดขนาดใหญ่เองยังรองรับ Guestuer Control บน Windows 10 ด้วยเช่นกัน
มาตรฐานการพอร์ตเชื่อมต่อบน MSI PE60 ก็ถือได้ว่าเป็นจุดเด่นจุดหนึ่งเลยละครับ เพราะมาครับทีเดียวไม่ว่าจะเป็น 3x USB 3.0 , 1x USB 2.0 , 1x HDMI 1.4, 1x Mini-DisplayPort และรองรับการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Wireless-AC และ Bluetooth 4.0 อีกด้วยนะครับ ใช้งานต่อจอแยกอย่างพวก Dell U Series หรือจอ Curve เทพเพื่อใช้ทำงานได้อยางสบายๆ เลย และเช่นกัน ในส่วนของการพกพาก็ง่ายๆ พอไหวเพราะ MSI PE60 มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้นเองถือว่าไม่ได้หนักอะไรมากนัก หากระเป้าเป้ที่กระจายน้ำหนักดีๆ สักตัวมาใช้รับรองไม่ปวดไหล่ ปวดหลังแน่นอน
Performance / Software
ต่อเนื่องกับผลการทดสอบและ Benchmark ทั้งในแง่ของซอฟแวร์และเกมบน MSI PE60 กันต่อเลย ซึ่งผลการทดสอบจะเป็นอย่างไรมาดูกัน
ตัวแรกกับโปรแกม CPU-Z สามารถแสดงสเปคออกมาได้ตรงตามที่ MSI PE60 ตัวเดโมติดตั้งเอาไว้ทั้งหมด เช่นเดียวกับโปรแกรม GPU-Z ที่แสดงผลการ์ดจอได้ตรงครับผม ซึ่งสเปคข้างต้นจะไม่ตรงกับตัวที่มีวางขายครับผม เพราะตัวที่วางขายจะปรับสเปคให้สูงกว่านี้
การตั้งค่า : Tomb Raider – All Ultra // FIFA 2016– All High MSAA 4x // Metal Gear Solid V: The Phantom Pain – All High
// DotA 2 – Best looking // Killing Floor 2 – All High // CS:GO – All High MSAA 8x – AF 16x
การเล่นเกมต่างๆ ถือว่าทำได้ดีสมราคาทีเดียว สามารถเล่นเกมใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดีลื่นไหลทุกๆ เกมที่ระดับ Full-HD บนกราฟิกในการเล่นสูงๆ และถ้าตัวขายจริงก็จะได้ประสิทธิภาพที่มากกว่านี้
โปรแกรม Benchmark ประสิทธิภาพโดยรวมยอมฮิตอย่างชุดทดสอบของ FuterMark เวอร์ชั่นต่างๆ ก็ทำคะแนนออกมาได้เป็นอย่างดีเลยละครับ โดยรวมนับได้ว่า MSI PE60 แต่อย่างไรก็ตามคะแนนดังกล่าวนั้นยังไม่สามารถชี้วัดถึงประสิทธิภาพจริงๆของเครื่องที่วางขายได้ทั้งหมดครับ เชื่อได้เลยว่าถ้าเป็นตัวที่วางขายจริงจะทำผลทดสอบออกมาได้ดีกว่านี้อย่างน้อยๆ ก็ 10-20% กันเลยละครับ
ทางด้านแบตเตอรี่ทาง NotebookSPEC ก็ได้ทำการทดสอบเช่นกันกับ MSI PE60 บนการตั้งค่า Balance และเล่นท่องอินเตอร์เน็ตไปด้วยและจับผลเทสโดยโปรแกรม BatteryMon ซึ่งก็มีระยะการใช้งานทั่วไปอยู่ที่ราวๆ 3-4 ชั่วโมง ซึ่งน้อยเกินกว่าความจริงซึ่งน่าจะอยู่ราวๆ 5-6 ชั่วโมง แต่ถ้าปรับมาใช้งานหนักๆเช่นเล่นเกมจะใช้ได้ราวๆ 1.30-2 ชั่วโมงครับผม ส่วนถ้าดูหนัง FHD ก็จะอยู่ที่ราว 2-3 ชั่วโมงตามลำดับครับผม ถือว่าใช้ได้เลย
ปิดท้ายกันด้วยในเรื่องของความร้อนครับ ซึ่งผมเปิดซอฟแวร์วัดความร้อนค้างเอาไว้ขณะรันเกมและโปรแกรมทดสอบหนักๆ ซึ่งตัวซีพียู Core i7 จะมีความร้อนพุ่งขึ้นไปถึงราวๆ 86 องศา ขณะใช้งานหนักๆ ซึ่งถ้าเป็นตัวขายจริงความร้อนที่เกิดขึ้นจะลดลง เพราะใช้ซีพียูตัวที่ใหม่กว่าและกินไฟน้อยกว่า
Conclusion / Award
จากการสัมผัสและได้คลุกคลีกับโน๊ตบุ๊คตัวนี้เป็นเวลากว่าอาทิตย์สรุปได้ว่า MSI PE60 เป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับมืออาชีพในคราบของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คจริงๆ ด้วยสเปคที่เร็วๆ แรงๆ ทำงาน และเล่นเกมลื่น บนระบบความร้อนดีๆ ส่งผลให้มีประสิทธิภาพและความเชื่อมั่นในการใช้งานได้ในทุกๆ รูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับงานที่ต้องการความเที่ยงตรงของสี และของภาพที่ MSI PE60 สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีด้วยหน้าจอแสดงผล 15.6 นิ้ว แบบ Wide Viewing Angle Display ยิ่งถ้าปรับโปรไฟล์ผ่านซอฟแวร์ MSI True Color ผ่านปุ่มกดปุ่มแรกข้างบนคีย์บอร์ด เป็น sRGB ก็ได้สีในการทำภาพที่ค่อนข้างตรงเหมาะกับการทำงานจริงๆ
นอกเหนือจากเรื่องของสเปค และเรื่องของหน้าจอแล้ว ในเรื่องของระบบเสียง Dynaudio 4.1 ชาแนล บนซอฟแวร์เสียง Nahimic ก็เป็นอะไรที่แจ๋วมาก รวมไปถึงในเรื่องของการออกแบบก็ถือได้ว่าเป็นอะไรที่ทำได้ค่อนข้างโดดเด่นเหมาะอย่างยิ่งกับเพื่อนๆ ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คแรงๆ แต่มีดีไซน์แบบพรีเมียม เช่นกันกับในเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อที่โดดเด่นไม่เบาเลยเพราะครบครันมากโดยเฉพาะกับพอร์ต MiniDP สำหรับต่อจอแบบ 4K UHD และต่อ 3 จอ Matrix Display ได้ ที่แม้แต่โน๊ตบุ๊คราคา 4 หมื่นในบางยี่ห้อยังหาไม่ได้เลย แต่อย่างไรก็ดีสำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการซื้อ MSI PE60 ไปเล่นเกมเพียวๆ ก็หายห่วงในเรื่องของสเปค แต่อยากให้รองไปจับตัวจริงดูก่อนเพราะอาจจะรู้สึกหน่วงๆในเรื่องของภาพที่ขับของมาบนหน้าจอเพราะจอแสดงมีอัตราการตอบสนองที่ค่อนข้างสูง ซึ่งเพื่อนๆที่มีความรู้สึกไวอาจจะเห็นโกสและความหน่วงในการเล่นเกมที่เคลื่อนที่ไวๆ อยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ตามในภาพรวมก็ถือว่า MSI ทำการบ้านมาบน PE60 ได้ดีมาก และเหมาะจริงๆ กับมืออาชีพ ซึ่งเพื่อนๆ ท่านใดที่สนใจก็สามารถสอบถามไปยังตัวแทนจำหน่าย MSI ชั้นนำกันได้เลย ราคา 4 หมื่นต้นๆ ไม่ผิดหวัง
ข้อดี
- งานประกอบ การออกแบบสวยงามดูพรีเมียมกว่า
- สเปคสูงโอเคมากทั้ง Core i7 และการ์ดจอ GTX960M พร้อมใช้งานได้ทุกรูปแบบ
- หน้าจอแสดงผลสีตรง พร้อมปรับแต่งความเที่ยงตรงของการใช้งานผ่าน MSI True Color ได้ด้วย
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.0 และ HDMI พร้อมเหนือกว่าด้วย MiniDP
- มาพร้อมลำโพงแบบ 4.1 ชาแนลพร้อมระบบเสียง Nahimic ให้เสียงดีกว่าลำโพงมาตรฐานทั่วไป
- ราคาสมเหตุสมผล
ข้อสังเกต
- จอแสดงผลออกแบบมาให้มีความเที่ยงตรงของสีสูงสำหรับทำงาน แต่ในเวลาเล่นเกมสำหรับคนที่ช่างสังเกตจะเห็นโกส และภาพไม่ลื่นไหลเวลาเล่นเกมที่เคลื่อนไหวเร็วๆ ทั้งที่สเปคสามารถขับได้สบายๆ