ความจริงผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คก็จะวางแผนในการออกแบบโน๊ตบุ๊ค เพื่อให้เกิดความแตกต่างและแยกการใช้งานของผู้บริโภคออกจากกัน ในบางกรณีผู้ใช้ตามบ้านทั่วไปไม่ได้สนใจกระแสของโน๊ตบุ๊คธุรกิจ ในขณะที่ผู้ใช้ในกลุ่มชอบโน๊ตบุ๊คแบบพกพามักจะได้รับการออกแบบในรูปแบบบอดี้ของโน๊ตบุ๊คธุรกิจอยู่บ่อยครั้ง พร้อมกับตัวเลือกที่มีมากขึ้นและการใช้งานที่ดีขึ้น
ลูกค้าที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ ซื้อโน๊ตบุ๊คเหล่านี้โดยส่วนใหญ่จะคาดดหวังว่าให้มีอายุการใช้งานนานขึ้นหลายปี ดังนั้นหากผู้ผลิตต้องการให้ลูกค้าพึงพอใจ ก็จะต้องออกแบบโน๊ตบุ๊คธุรกิจให้มีมาตรฐานและคุณภาพสูงขึ้น แม้ว่าในความหมายทั่วไปตามความรู้สึกของงานจะเป็นเพียงแค่ การเชียนอีเมล์ ท่องอินเทอร์เน็ตหรือโพสต์ในโซเชียลมีเดียเท่านั้นก็ตาม คุณก็ยังได้ประโยชน์จากโน๊ตบุ๊คที่มีการปรับปรุงมาเป็นอย่างดี และยังมีราคาไม่แพงเกินไปอีกด้วย
ที่นี้จึงกลับมาที่ 9 เหตุผลที่ควรพิจารณาโน๊ตบุ๊คธุรกิจเอาไว้ใช้งาน
ผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม
ถ้าคุณต้องการโน๊ตบุ๊คที่สามารถทนต่อการตกหล่นหรือรอดจากน้ำหกใส่ ก็ยังมีโน๊ตบุ๊คธุรกิจบางรุ่นที่ออกแบบให้มีความทนทานและรอดต่อเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ThinkPads ในรุ่น T450s ที่มีฟังก์ชั่นพิเศษในการป้องกัน
จอภาพแบบด้าน (matt) ให้ผลต่อมุมมองที่ดีขึ้น
ด้วยจอในแบบ Glossy อาจได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันโดยเฉพาะในความทรงจำของผู้บริโภค เพื่อผู้จำหน่ายได้พยายามแสดงให้เห็นถึงภาพที่มีการแสดงสีสันที่สดใสขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ดี Glossy ก็ให้มุมมองที่ไม่ได้ต่างไปจากจอภาพแบบด้านมากนัก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การพยายามในการอ่านหน้าเว็บ ที่มองเห็นภาพสะท้อนมากกว่าข้อความที่ต้องการอ่านในบางสถาณการณ์
หากแต่ว่าจอภาพเช่นนี้มักไม่ได้มาพร้อมกับหน้าจอแบบสัมผัส โน๊ตบุ๊คธุรกิจส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับจอด้าน ตัวอย่างเช่นในไลน์ของ DELL รุ่นที่มุ่งสู่ผู้ใช้ทั่วไปอย่าง Inspiron 15 5000 จะมาพร้อมกับพาแนลแบบ Glossy ในขณะที่ Latitude 15 5000 ที่มีตลาดกลุ่มองค์กรเป็นส่วนใหญ่ จะมาพร้อมมาตรฐานการแสดงผลที่ป้องกันการสะท้อนแสง แต่ถ้าตัวเลือกของคุณเป็นไม่ได้เลือกการใช้งาน Latitude หรือโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ที่มีหน้าจอสัมผัส คุณก็ต้องอยู่กับการใช้งานหน้าจอที่เป็นแบบ Glossy ต่อไป เพราะมันเป็นสิ่งสำคัญในระบบสัมผัสนั่นเอง
คีย์บอร์ดที่ดียิ่งขึ้น
คงไม่ได้บอกว่าคีย์บอร์ดหรือทัชแพดของโน๊ตบุ๊คทั่วไปยังไม่เหมาะสม เพียงแต่ผู้ผลิตจะต้องออกแบบและนำบางสิ่งใช้สิ่งให้ตอบสนองดีที่สำหรับการใช้งานธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น บางค่ายใช้คีย์บอร์ดมาตรฐาน Gold standard สำหรับโน๊ตบุ๊คทั้งหมดที่มีการตอบสนองรวดเร็ว ทนต่อการเดินทาง มีขนาดใหญ่ ปุ่มโค้งง่ายต่อการสัมผัสหรือพิมพ์แบบไม่ต้องมองปุ่ม ในขณะเดียวกันก็ออกแบบคีย์โน๊ตบุ๊คทั่วไป ที่ดูตื้นลงและเหมาะกับการใช้งานพื้นฐาน ในราคาที่แตกต่างกันอยู่เล็กน้อย แต่ก็มีการบรรจุคีย์ที่ต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสูงของคีย์หรือรูปแบบ เพื่อให้การใช้งานสำหรับการพิมพ์ที่ดีมากกว่าอย่างที่รู้สึกได้นั่นเอง ซึ่งโน๊ตบุ๊คธุรกิจค่อนข้างจะชัดเจนในเรื่องนี้
ให้มากกว่าทัชแพดธรรมดา
โน๊ตบุ๊คทั่วไปจะมีเพียงทัชแพดอย่างเดียว ที่เป็นตัวช่วยในการเลื่อนเคอร์เซอร์ไปยังจุดที่ต้องการ แต่ใครที่ชอบ Point Stick โน๊ตบุ๊คสำหรับงานธุรกิจเป็นอีกระบบหนึ่งที่คุณจะมีโอกาสได้ใช้นอกเหนือจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป หลายคนทราบดีว่า Lenovo ThinkPad มีปุ่มเล็กๆ สีแดงที่เรียกว่า TrackPoint ติดตั้งมาให้ แต่สำหรับค่ายอื่น เช่น HP ProBook, Dell Latitude และ Toshiba Tecra จะเรียกว่า Pointing Stick ซึ่งจะอยู่ระหว่างปุ่ม G และ H หลายๆ คนก็เรียกว่า Nubs เพราะมันให้ความแม่นยำกว่าทัชแพดในบางครั้ง และใช้งานได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องเลื่อนนิ้วยกข้อมือบ่อย โดยเฉพาะผู้ที่พิมพ์สัมผัสจะชื่นชอบเป็นพิเศษ
สำหรับทัชแพดของโน๊ตบุ๊คธุรกิจ มักจะได้รับการออกแบบให้มีมากกว่าหนึ่งฟังก์ชั่น ในหลายครั้งจะมีการติดตั้งปุ่มคลิกซ้าย ขวาให้ฝังอยู่ภายในทัชแพด แต่ถ้าในโมเดลของโน๊ตบุ๊คทั่วไปบางรุ่นอาจจะยังทำเป็นปุ่มแยกสำหรับการคลิกซ้ายขวานอกแผงทัชแพด ที่อาจไม่ทำให้คล่องตัวมากนัก
ถอดเปลี่ยนได้หรือเพิ่มแบตเตอรี่ให้ใหญ่ขึ้นได้
ในวันนี้โน๊ตบุ๊คส่วนใหญ่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ทำให้บางครั้งเมื่อเกิดปัญหา ก็จะต้องยกไปเปลี่ยนที่ศูนย์บริการ แต่โน๊ตบุ๊คธุรกิจในบางรุ่นสามารถแก้ไขส่วนนี้ได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้สามารถดำเนินการสั่งซื้อจัดส่งแบตสำรองได้ด้วยตัวเองหรือเพื่อการอัพเกรตไปสู่ความจุที่มากกว่าเดิมได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น คุณสามารถสั่งซื้อ Latitude 14 5000 ที่เลือกแบตได้ทั้ง 3-cell และ 4-cell ด้วยค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกไม่มากได้
ระบบรักษาความปลอดภัยในแบบ Biometric
เป็นสิ่งที่คุณจะเห็นได้ไม่ง่ายนักกับโน๊ตบุ๊คทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นตัวสแกนลายนิ้วมือหรืออื่นใดก็ตาม แต่สำหรับโน๊ตบุ๊คธุรกิจ มักจะมีติดตั้งมาเป็นพื้นฐานหรือเป็นออพชั่นในราคาที่ไม่แพง เพิ่มอีกประมาณ 600 – 900 บาท ผู้ใช้ก็สามารถเข้าสู่ระบบด้วยการสแกนนิ้วมือเพียงเท่านั้น หรือจะกำหนดตั้งค่า จัดการรหัสผ่านก็ใช้ระบบเดียวกันนี้ในการรักษาความปลอดภัยได้แล้ว
การรับประกันและบริการหลังการขาย
ส่วนใหญ่บริษัท จะถือการดูแลโน๊ตบุ๊คกันเป็นรายปี ซึ่งผู้ผลิตฮาร์ดแวร์จะต้องเสนอขายชิ้นส่วนหรือบริการร่วมด้วย จึงมีอายุอยู่ในตลาดยาวนานมากขึ้นเรียกว่านับกันเป็นรายปี ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนหรือองค์ประกอบที่นำมาสำรองหรือทดแทน จึงมีให้อย่างพอเพียง แม้ว่าโน๊ตบุ๊คธุรกิจในแบบ Ultra thin ที่ยากต่อการอัพเกรด ก็อาจจะเป็นไปได้ยากที่จะทำได้ด้วยตัวเอง แต่ในรุ่นที่เป็นเมนสตรีม ก็ยังมีแรมและฮาร์ดดิสก์รองรับให้สามารถอัพเกรดได้
ราคาสมเหตุสมผล
มาถึงเวลานี้หลายคนคงอยากจะถามเรื่องของราคา ก็คงต้องขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณต้องการจะเลือก เพราะโน๊ตบุ๊คธุรกิจที่มีฟังก์ชั่นในเบื้องต้นก็มีให้เลือกอยู่หลายรุ่น อาจจะเพิ่มค่าใช้จ่ายอีกประมาณ 3500 – 7000 บาท จากโน๊ตบุ๊คปกติทั่วไปเมื่อเทียบกับสเปกใกล้เคียงกัน ตัวอย่างเช่น โน๊ตบุ๊คในทั่วไป แต่อาจจะมีสเปกที่เทียบเท่ากับโน๊ตบุ๊คธุรกิจที่มีฟังก์ชั่นเริ่มต้น แต่ในทำนองเดียวกัน โน๊ตบุ๊คธุรกิจบางรุ่นก็เพิ่มเงินมากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เพียงประมาณ 2 พันกว่าบาท แต่ได้เรื่องฟังก์ชั่น เช่น คีย์บอร์ดที่ดีกว่าและแบตที่ยาวนานขึ้น สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการเปรียบเทียบในเรื่อง สเปก ฟังก์ชั่นหรือเรื่องของดีไซน์ ว่าให้น้ำหนักในจุดใดมากกว่า
บทสรุปส่งท้าย
ในมุมมองของผู้จำหน่าย ผู้ใช้แต่ละคนก็มีความต้องการที่แตกต่างกันไป ซึ่งก็ทำให้เกิดตลาดของผู้ใช้ที่แยกออกจากกัน อย่างไรก็ดีหลายครั้งความต้องการของผู้ใช้นั้น คาบเกี่ยวกับระหว่างโน๊ตบุ๊คทั่วไปและโน๊ตบุ๊คในงานธุรกิจ จึงเป็นเหตุผลที่ผู้จำหน่ายพยายามหยิบยื่นสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการเหล่านั้นในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการชี้นำหรือใส่ฟังก์ชั่นบางส่วนมาเพิ่มเติมให้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้เอง จะพิจารณาความสำคัญหรือพึงพอใจมากน้อยเพียงใด เพราะถ้าคุณเพียงแค่ใช้งาน เขียนโปรแกรม ท่องเว็บหรืออ่านเฟซบุ๊กและเก็บข้อมูลทั่วไป ฟังก์ชั่นที่มากมายก็คงไม่สำคัญ แต่ถ้ามีเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัย ความทนทานต่อการใช้งาน ฟังก์ชั่นที่ได้มากกว่าและความคุ้มค่าในระยะยาวเหล่านี้ โน๊ตบุ๊คธุรกิจก็อาจเป็นคำตอบที่ทำให้การใช้งานของคุณง่ายขึ้น
ที่มา :laptopmag