เมื่อไม่นานมานี้หน่วยงาน AAA หรือ American Automobile Association(องค์กรที่ไม่แสวงผลกำไรทางด้านความปลอดภัยในรถยนต์ของสหรัฐอเมริกา) ได้เผยข้อมูลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับระบบสั่งการด้วยเสียงที่ก่อให้เกิดความรบกวนกับผู้ใช้งานบนรถยนต์มากที่สุด(ทำให้ผู้ใช้งานเกิดความไขว้เขวขณะขับขี่รถยนต์) ซึ่งพบว่าที่มาแรงแซงโค้งแบบย่ำแย่สุดๆ คือระบบสั่งงานด้วยเสียงของรถยนต์ Mazda อย่าง Mazda 6 ที่ได้คะแนนการรบกวนไปที่ 4.6 อยู่ในระดับ Very High Distraction หรือสร้างความรบกวนเป็นอย่างมากครับ
นอกจากนั้นแล้วยังมีอีกหลายระบบด้วยกันที่ได้รับคะแนนอยู่ในระดับ High Distraction หรือรบกวนมาก โดยในกลุ่มนี้นั้นมีระบบการสั่งงานด้วยเสียที่เป็นผู้ช่วยดิจิทัลของ 3 บริษัททางด้านเทคโนโลยีชื่อดังของโลก อย่าง Microsoft Cortana ได้คะแนนไป 3.8 คะแนนนำโด่งมาในกลุ่ม ตามมาด้วย Apple Siri ที่ได้คะแนนอยู่ที่ 3.4 คะแนนและปิดท้ายกับ Google Now ที่ได้คะแนนอยู่ที่ 3.0 คะแนน เกือบจะหลุดไปอยู่ที่ระดับ Moderate Distraction หรือสร้างความรบกวนในระดับปานกลางได้แล้วครับ
จากการศึกษาและวิจัยนั้นน่าแปลกตรงที่ว่าระบบที่ได้คะแนนอยู่ในระดับต่ำที่สุดอย่าง Chevy Equinox นั้นก็ได้คะแนนอยู่ที่ 2.4 คะแนน อยู่ในระดับ Moderate Distraction อยู่ดี ซึ่งจากการศึกษาและวิจัยทำให้เราเห็นได้ว่าไม่มีระบบไหนเลยที่ไม่รบกวนสมาธิของผู้ขับรถครับ
การศึกษาและวิจัยนี้เกิดขึ้นโดย Dr.David Strayer และ Dr.Joel Cooper จาก University of Utah เป็นผู้ควบคุมการศึกษาวิจัย ซึ่งวิธีการศึกษาและวิจัยนั้นทำขึ้นโดยการสำรวจความคิดเห็นของผู้ทดสอบจำนวนทั้งสิ้น 257 คน โดยผู้ทดสอบนั้นมีช่วงอายุอยู่ที่ 21 – 70 ปี ระบบสั่งงานด้วยเสียงบนรถยนต์ที่ถูกนำมาทดสอบนั้นเป็นระบบสั่งงานด้วยเสียงที่อยู่บนรถยนต์ในปี 2015 โดยในจำนวนผู้ทดสอบนี้ทั้งหมด 65 คนช่วงอายุ 21 – 68 ปี ได้ทำการทดสอบระบบสั่งงานด้วยเสียงที่อยู่บนสมาร์ทโฟนอันได้แก่ Apple Siri, Google Now และ Microsoft Cortana จนได้ผลดังที่เราเห็นครับ
หมายเหตุ – ในการทดสอบนั้นได้ใช้ระบบการสั่งงานด้วยเสียงของสมาร์ทโฟนทั้ง 3 เจ้าผ่านทาง Dock ที่เสียบเข้ากับรถยนต์ ยังไม่ได้ใช้ระบบที่ถูกอออกแบบมาสำหรับรถยนต์โดยตรงอย่าง Google Android Auto และ Apple CarPlay ซึ่งหลังจากนี้คงต้องดูกันต่อไปครับว่าระบบสั่งงานด้วยเสียงที่ถูกออกแบบมาสำหรับรถยนต์โดยตรงของทั้ง Apple และ Google จะยังคงสร้างความรบกวนให้กับผู้ใช้เวลาขับขี่หนักเหมือนกับเวลาใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนหรือไม่