วิธีการที่ง่ายที่สุดในการที่จะเพิ่มบริการอะไรเข้าไปสักอย่างสำหรับบริษัทใหญ่ๆ ที่มีกำลังมหาศาลอย่างเช่น Samsung นั้นก็คือการซื้อบริษัทเล็กเข้ามาอยู่ในกำมือครับ โดยเมื่อช่วงเดือนกุมพาพันธ์ที่ผ่านมานั้นทาง Samsung ได้เข้าซื้อบริษัทที่ให้บริการทางด้านการจ่ายเงินออนไลน์อย่าง LoopPay เพื่อเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริการจ่ายเงินออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟนและสมาร์ทวอทช์ของตัวเองอย่าง Samsung Pay ทว่าสิ่งหนึ่งที่ไม่คาดฝัน(และไม่มีใครต้องการ) ก็คือมีรายงานหลุดออกมาครับว่ามีกลุ่มแฮกเกอร์ชาวจีนได้เจาะระบบเข้าไปขโมยเทคโนโลยีของ LoopPay มาแล้ว
กลุ่มแฮกเกอร์ที่เจาะเข้าไปขโมยเทคโนโลยีของ LoopPay นั้นใช้ชื่อกลุ่มว่า Codoso Group(หรือรู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า Sunshock Group) โดยจากรายงานของทาง The New York Times นั้นเผยว่าการเจาะข้อมูลเข้าไปของแฮกเกอร์กลุ่มนี้นั้นเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนมีนาคม แต่ทว่าการเจาะข้อมูลนั้นไม่ได้เข้าถึงในส่วนของเทคโนโลยีในการจ่ายเงินออนไลน์ของทาง LoopPay จริงครับ โดยทาง LoopPay ได้ให้เหตุผลไว้ว่าทางบริษัทมีเทคโนโลยีป้องกันความปลอดภัยที่มีชื่อว่า magnetic secure transmission (MST) ป้องกันข้อมูลผู้ใช้งานไว้ในระดับหนึ่งซึ่งทำให้แฮกเกอร์กลุ่มนี้เจาะเข้าไม่ได้ครับ
ทางบริษัท LoopPay เองก็ได้ให้ความมั่นใจว่าการเจาะข้อมูลของแฮกเกอร์กลุ่มนี้ไม่ทำให้เกิดความเสียหายกับข้อมูลของผู้ใช้งานแต่อย่างใด แถมทางด้าน Samsung นั้นก็ได้ออกมากล่าวว่าทางบริษัทรับรู้เรื่องดังกล่าวแล้ว และจากการตรวจสอบของทาง Samsung เองก็ไม่พบว่ามีข้อมูลผู้ใช้งานถูกล้วงไปแต่อย่างใด
ทางด้าน Samsung ได้กล่าวเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้มากขึ้นด้วยว่าตัวเทคโนโลยี Samsung Pay ที่ทาง Samsung ใช้นั้นเป็นเทคโนโลยีที่แยกกันคนละส่วนกับเทคโนโลยีของทาง LoopPay เพราะเทคโนโลยีของ Samsung Pay นั้นจะเน้นไปในส่วนของ NFC-based payment services มากกว่า ซึ่งการที่จะเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ได้นั้นต้องผ่านทาง NFC อีกต่อทำให้ระบบการจ่ายเงิน Samsung Pay นั้นมีความปลอดภัยมากขึ้นครับ
ทั้งนี้ด้วยความที่แฮกเกอร์เป็นปัญหาใหญ่ในระดับโลกเลยก็ว่าได้ หลายๆ รัฐบาลทั่วโลกอย่างเช่นรัฐบาลของสหรัฐอเมริกาเองก็ได้ให้ความสำคัญกับจุดนี้ โดยได้มีการยื่นกฎหมายเพิ่มโทษในเรื่องของการเจาะข้อมูลให้เหล่าแฮกเกอร์นั้นต้องรับโทษสูงมากขึ้นกว่าเดิม และมีการร่วมมือกับผู้ให้บริการเทคโนโลยีการจ่ายเงินออนไลน์ถุกรูปแบบในการสร้างระบบความปลอดภัยให้กับเทคโนโลยีของตัวเองให้มากขึ้นกว่าเดิมครับ(จะว่าไปแล้วประเทศไทยเองนั้นก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่กฏหมายเกี่ยวกับทางด้านคอมพิวเตอร์(พรบ. คอมพิวเตอร์) มีการลงโทษที่แรงมากครับ)