หนึ่งในฟีเจอร์เด่นที่ถูกเพิ่มเข้ามาบน iPhone 6s และ 6s Plus นั้นก็คือฟีเจอร์การถ่ายรูปแบบ Live Photo ครับ ซึ่งรูปที่ได้ออกมานั้นจะมีลักษณะเหมือนกับภาพเคลื่อนไหวสั้นๆ หรือเหมือนกับรูปภาพ Format GIF(หรือภาพดุกดิก) ที่เราเคยเห็นกันนั่นเองครับ จริงๆ แล้วหากจะว่าไปนั้น Apple เองไม่ได้เป็นบริษัทแรกครับที่มีฟีเจอร์ในลักษณะแบบนี้ในการถ่ายรูปออกมา และแน่นอนว่าด้วยความที่เป็นบริษัทใหญ่อย่าง Apple นั้นฟีเจอร์อย่าง Live Photo นั้นย่อมไม่เหมือนกับฟีเจอร์แบบเดียวกันของค่ายอื่นๆ แน่ ดังนั้นวันนี้เรามาดูกันดีกว่าครับว่าฟีเจอร์ Live Photo ของทาง Apple นั้นมีหลักการทำงานเป็นอย่างไรครับ
การทำงานหลักๆ เลยของฟีเจอร์ Live Photo นั้นจะเหมือนกับการรวมนำเอาการถ่ายรูปแบบทั่วไปกับไฟล์วีดีโอไว้ครับ โดยเวลาที่เราถ่ายภาพด้วยฟีเจอร์ Live Photo นั้น ตัวกล้องความละเอียด 12 MP บน iPhone 6s และ 6s Plus นั้นจะทำการถ่ายวีดีโอความยาว 3 วินาทีก่อนและหลังที่เราจะทำการถ่ายรูปนั้นเอาไว้(เก็บวีดีโอความยาว 3 วินาทีก่อนถ่ายภาพนั้นและวีดีโอความยาว 3 วินาทีหลังจากถ่ายภาพนั้น) ซึ่งรวมทั้งหมดแล้วนั้นจะได้เป็นภาพนิ่งที่ต่อเนื่องกันทั้งหมดจำนวน 45 เฟรมด้วยกันแล้วเวลาใช้งานภาพนั้นก็จะถูกแสดงผลที่ 15 เฟรม / วินาที(FPS) ครับ
และในการดูรูปภาพที่ถูกถ่ายเก็บด้วยฟีเจอร์ Live Photo นั้นคุณจะต้องใช้งานผ่านการออกคำสั่งด้วยระบบ 3D Touch บนภาพที่คุณต้องการดูภาพแบบเคลื่อนไหวบนอุปกรณ์ที่รองรับฟีเจอร์นี้ครับ ตัวรูปทั้งหมดที่ถูกใช้จะถูกบันทึกอยู่ในแบบไฟล์ JPG บน iPhone และตัวไฟล์วีดีโอนั้นจะถูกบันทึกอยู่บน iPhone เช่นเดียวกันในรูปแบบของไฟล์ MOV ครับ ไฟล์ทั้ง 2 รูปแบบนั้นจะถูกเก็บไว้ด้วยชื่อเดียวกันครับ
หมายเหตุ – การจะดูภาพ Live Photo ได้นั้นต้องทำผ่านอุปกรณ์ iOS ที่ใช้ระบบปฎิบัติการ iOS 9 ขึ้นไปเท่านั้น, Apple Watch ที่ใช้ระบบปฎิบัติการ WatchOS 2 และ Macs ที่ใช้ระบบปฎิบัติการ OS X El Capitan ครับ
ทาง MacRumors ได้ชี้ข้อเท็จจริงไว้อย่างหนึ่งด้วยครับว่าคุณจะไม่สามารถส่ง email หรือ message ตัวภาพที่ถ่ายด้วยฟีเจอร์ Live Photo ไปยังเครื่องที่ไม่ลองรับการใช้งานภาพ Live Photo ได้ โดยถ้าคุณยังคงทำการฝืนส่งไปยังเครื่องที่ไม่รองรับจริงๆ สิ่งที่คุณจะได้ที่เครื่องปลายทางนั้นก็เป็นเป็นไฟล์ JPG เท่านั้น ตัวอย่างเช่นถ้าคุณส่งไฟล์ภาพที่ถ่ายด้วยฟีเจอร์ Live Photo ไปยังเครื่อง Macs ที่ใช้ระบบปฎิบัติการ Yosemite บนตัวเครื่อง Macs นั้นก็จะได้รับไฟล์ JPG และ MOV แยกออกจากกันเหมือนกับภาพที่แสดงทางด้านบนครับ
และจากรูปภาพทางด้านบนนั้นทำให้เราได้เห็นอีกด้วยครับว่าตัวไฟล์ Format MOV นั้นจะมีขนาดไฟล์อยู่ที่ 2.5 MB และตัวไฟล์ Format JPG จะมีขนาดไฟล์อยู่ที่ 1 MB (รวมกันแล้วเป็น 3.5 MB) ซึ่งนี่เป็นการใช้งานฟีเจอร์ Live Photo ผ่านทางกล้องหลัง ส่วนการใช้งานฟีเจอร์ Live Photo ผ่านกล้องหน้านั้นจะมีขนาดของไฟล์ JPG ลดลงเหลือประมาณ 1 MP แต่ไฟล์ MOV กลับมีขนาดเท่ากับการใช้กล้องหลังถ่ายครับ(ความละเอียดของไฟล์ MOV นั้นพบว่าอยู่ที่ 960 x 720 pixels @12 FPS)
หมายเหตุ – ทาง TechCrunch ได้มีการทดสอบส่งไฟล์ภาพที่ถ่ายด้วยฟีเจอร์ Live Photo ไปยัง iPhone 6 ที่ใช้ระบบปฎิบัติการ iOS 9 พบว่าสามารถดูภาพแบบเคลื่อนไหวได้ตามปกติครับ
ที่มา : bgr