เชื่อว่าหลายๆ ท่านคงจะได้ผ่านตารีวิวของ iPhone 6s ที่เริ่มมีการจำหน่ายอย่างเป็นทางการไปในช่วงวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมาและหลังจากนั้นไม่นานนักก็มีเครื่องหิ้วเข้ามาในประเทศไทยอย่างเป็นทางการด้วยราคาเครื่องหิ้วที่สูงพอตัวเหมือนกันครับ สำหรับหลายๆ ท่านอาจจะยังไม่ค่อยแน่ใจมากนักว่าสรุปแล้ว iPhone 6s จะน่าใช้งานจริงหรือไม่กับราคาเครื่องหิ้วที่สูงอยู่พอสมควร ดังนั้นแล้วทาง NBS จึงได้รวมข้อมูลการรีวิวจากสื่อต่างประเทศที่ได้มีโอกาสจับเครื่องจริงๆ แล้วมาสรุปรวมให้ทุกท่านได้เห็นข้อดีข้อเสียของ iPhone 6s กันครับ ว่าจะคุ้มหรือไม่
จุดเด่นที่ได้รับคำชมของ iPhone 6s และ 6s Plus
สำหรับ iPhone 6s นั้นก็เปิดตัวมาตามสไตล์ของการอัพเกรดรุ่นที่ลงท้ายด้วยตัวอักษร s ตามเดิมของ Apple ครับ โดยจะมีการอัพเกรดในส่วนของสเปคเพิ่มเติมและมีการเปลี่ยนแปลงฟีเจอร์ในบางส่วนเพียงเล็กๆ น้อยๆ จากรุ่นตัวเลขปกติซึ่งในรุ่น 6s นั้นจุดเด่นๆ ที่สุดที่เพิ่มเข้ามาก็คือระบบ 3D Touch และการเพิ่มความละเอียดของกล้องแบบก้าวกระโดดเป็นครั้งแรกที่กล้องหลังมาพร้อมกับเซนเซอร์ความละเอียด 12 MP และกล้องหน้ามาพร้อมกับความละเอียด 5 MP ครับ
โดยรวมแล้วสื่อต่างประเทศ(ตามที่มา) ได้มีการระบุถึงจุดเด่นบน iPhone 6s ที่ได้รับคำชมเป็นเสียงเดียวกันดังต่อไปนี้ครับ
- ตัวเครื่องแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมจากการใช้วัสดุเกรดเดียวกับอุตสาหกรรมการบินอย่างอลูมิเนียมซีรีส์ 7000 ซึ่งถึงแม้ว่าจะทำให้ตัวเครื่องมีขนาดหนาขึ้นกว่าใน iPhone 6 เล็กน้อยแต่ปัญหาเรื่องของเครื่องงอที่พบเจอใน iPhone 6 ก็หมดไปด้วย(6s หนักกว่า 6 ประมาณ 11%)
- กล้องหลังความละเอียด 12 MP และกล้องหน้าความละเอียด 5 MP ที่ถือว่ามีการอัพเกรดแบบก้าวกระโดดเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีของทาง Apple โดยเสียงชมส่วนใหญ่ของสื่อต่างประเทศนั้นจะอยู่ที่ตัวกล้องหน้าที่รองรับการ Selfie และ FaceTime Flash ที่ใช้หน้าจอส่องสว่างเวลาใช้งานแทนแฟลชจริงๆ มากกว่าความละเอียดของกล้องหลังที่เพิ่มขึ้น
- ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาอย่าง Live Photo นั้นทำให้การถ่ายภาพแบบต่อเนื่องพร้อมกับภาพที่คล้ายๆ GIF ไฟล์นั้นมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องโหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติมมาเพื่อใช้งาน
- ความเร็วโดยรวมของตัวเครื่องเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าถือว่าดีกว่าเดิมมาก(เมื่อเทียบกับรุ่น iPhone 5s ลงไป)
- ระบบ 3D Touch ถือว่าเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ดีมากฟีเจอร์หนึ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาบน 6s โดยเฉพาะเวลาใช้งานฟีเจอร์ที่ Apple เรียกว่า Shortcuts ซึ่งสามารถที่จะเปิดทางลัดในการเข้าถึงการใช้งานต่างๆ ได้ผ่านเมนูขนาดเล็ก หรือฟีเจอร์ Peek-a-boo ที่สามารถแสดงผลข้อความในแอป Message หรือ Email ได้
- มาพร้อมกับการเชื่อมต่อเครือข่าย 4G LTE และ WiFi มาตรฐานใหม่ที่เร็วมากขึ้นกว่าเดิม(แต่ในทางกลับกันก็มีข้อเสียคืออายุการใช้งานแบตเตอรี่น้อยลงกว่าเดิมและการเชื่อมต่อนั้นๆ จะต้องผ่านเครือข่ายที่รองรับเทคโนโลยีแบบใหม่บน 6s เท่านั้นถึงจะใช้งานได้เต็มที่)
จุดด้อยที่ได้รับคำติของ iPhone 6s และ 6s Plus
ถึงจะมีข้อดีหลายๆ อย่างที่ได้รับคำชมจากทางสื่อต่างประเทศนั้น ในทางกลับกัน iPhone 6s ก็เจอสื่อต่างประเทศพูดถึงจุดด้อยมากไม่แพ้กันครับ ซึ่งจุดด้อยบางข้อนั้นก็เป็นผลมาจากจุดเด่นของตัว iPhone 6s เองเช่นเดียวกันโดยจะมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลยครับ
- หน้าจอที่มีความละเอียดเท่าเดิมกับรุ่นก่อนหน้าทั้งในรุ่น 6s และ 6s Plus นั้นทำให้เรื่องของการแสดงผลบนหน้าจอทำได้ไม่ดีเท่าไรหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนำไปเทียบกับความละเอียดของเครื่องบนหน้าจอคู่แข่งไม่ว่าจะทั้งของ Samsung ที่มีความละเอียดอยู่ที่ระดับ 2K หรือ Sony ที่มีความละเอียดอยู่ที่ระดับ 4K จะเห็นความแตกต่างของภาพที่ปรากฎได้อย่างชัดเจน
- ความละเอียดของกล้องหลังที่เพิ่มเป็น 12 MP นั้นเมื่อถ่ายมาเปรียเทียบกับกล้องที่มีความละเอียด 8 MP บน iPhone 6 ยังไม่ค่อยเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนมากขึ้นเท่าไรนัก(อย่างไรก็ตามในส่วนของเรื่องนี้นั้นสื่อบางสำนักได้รีวิวไว้ว่าภาพที่ได้มีความแตกต่างกันเล็กน้อยแต่ขนาดของภาพกลับเพิ่มสูงขึ้นมากทำให้เนื้อที่ในการเก็บข้อมูลของ 6s หมดเร็วกว่าเดิม และบางสื่อก็ได้ระบุไว้ว่าความแตกต่างของภาพที่ถ่ายนั้นจะปรากฎขึ้นเมื่อนำไฟล์รูปนั้นไปเปิดบนอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่กว่า iPhone 6s และ 6s Plus ซึ่งถือว่าเป็นข้อเสียที่เกิดขึ้นมาจากการที่ตัวหน้าจอยังคงมีความละเอียดเท่ากับ iPhone 6 และ 6 Plus เดิมด้วยครับ)
- ฟีเจอร์ Live Photo นั้นมีข้อเสียอย่างใหญ่หลวงคือเรื่องของการใช้ขนาดไฟล์ของรูปบนแหล่งเก็บข้อมูลที่ถ่ายผ่านฟีเจอร์ Live Photo นี้จะมีขนาดต่อไฟล์อยู่ที่ประมาณ 1 – 5 MB ซึ่งทำให้บนเครื่องขนาดแหล่งเก็บข้อมูลความจุ 16 GB นั้นจะเต็มเร็วมาก
- ความสามารถในการถ่ายวีดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K นั้นไม่ได้ถูกกำหนดเป็นค่าเริ่มต้น โดยผู้ใช้จะต้องทำการกำหนดค่าเองหากต้องการถ่าย รวมไปถึงตัวเครื่องที่มาพร้อมกับแหล่งเก็บข้อมูลขนาด 16 GB นั้นจะถ่ายวีดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K ไม่ได้มากนัก
- ฟีเจอร์ 3D Touch ยังคงรองรับกับแอปพลิเคชันเฉพาะของ Apple และแอปพลิเคชันชื่อดังอย่าง Facebook เท่านั้น ซึ่งสื่อต่างๆ ให้ความเห็นว่ากว่าที่ฟีเจอร์ 3D Touch จะได้รับความนิยมในการนำไปพัฒนาแอปพลิเคชันจริงๆ Apple ก็อาจจะปล่อย iPhone 7 ออกมาแล้ว
- ถึงแม้ว่า Apple จะชี้ให้เห็นว่าชิปเซ็ท Apple A9 เร็วขึ้นกว่าเดิมมากทว่าในการใช้งานจริงแล้วกลับพบว่ามองเห็นความเร็วแตกต่างจาก iPhone 6 ที่ใช้ชิปเซ็ท Apple A8 ไปไม่มากเท่าไรนัก โดยการใช้งานทั่วๆ ไปในชีวิตประจำวันนั้นแทบจะไม่เห็นความแตกต่างเลยแม้แต่น้อย(แต่จะเห็นผลชัดเจนขึ้นเมื่อเปิดใช้หลายๆ แอปพลิเคชันค้างไว้ซึ่งสื่อต่างประเทศบอกว่าความต่างในส่วนนี้น่าจะมาจากการที่ iPhone 6s และ 6s Plus มาพร้อมกับหน่วยความจำขนาด 2 GB)
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่ไม่ได้ดีขึ้นจาก iPhone 6 และ 6 Plus มากขึ้นเท่าไรนัก โดยในรุ่น iPhone 6s นั้นมีอายุการใช้งานของแบตเตอรี่พอๆ กับ iPhone 6 คืออยู่ที่ประมาณ 8 – 10 ชั่วโมงและในรุ่น iPhone 6s Plus นั้นพบว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า iPhone 6 Plus ประมาณ 20 – 40 นาที(โดยเฉลี่ย) เท่านั้น(แต่ต้องไม่ลืมว่าขนาดความจุของแบตเตอรี่บน iPhone 6s และ 6s Plus นั้นลดลงจากในรุ่นก่อนหน้าพอสมควรครับ)
- ขนาดแหล่งเก็บข้อมูลความจุเริ่มต้นที่ 16 GB ถือว่าเป็นข้อเสียอย่างรุนแรงเพราะคู่แข่งที่มีราคาเริ่มต้นในระดับเท่ากันนั้นจะให้แหล่งเก็บข้อมูลมาที่ความจุ 32 – 64 GB แล้ว
- ท้ายสุดเลยคือข้อเสียที่ยิ่งใหญ่ของสมาร์ทโฟนในทุกๆ รุ่นจาก Apple ที่มีมาโดยตลอดก็คือราคาเริ่มต้นที่จะแพงกว่าคู่แข่งมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ iPhone 6s และ 6s Plus นั้น หากเทียบไปแล้วราคาจำหน่ายในบางประเทศจะโดนปัญหาของเรื่องราคาค่าเงินสหรัฐฯ ที่กำลังแข็งตัวเพิ่มขึ้นในทุกๆ วันทำให้ราคาของตัวเครื่องในบางประเทศนั้นสูงขึ้นกว่า iPhone 6 และ 6 Plus มากครับ
สรุป
จริงๆ แล้วยังมีจุดเด่นจุดด้อยอีกหลายข้อที่สื่อแต่ละสำนักเห็นต่างกันออกไปครับ ทว่าโดยรวมแล้วก็จะเป็นไปดังที่ได้รายงานรวมไว้ในเบื้องต้น ทั้งนี้ทั้งนั้นสื่อเกือบจะทุกสำนักเห็นตรงกันว่าสำหรับผู้ใช้ iPhone 6 และ 6 Plus อยู่แล้วดูจะไม่ค่อยคุ้มเท่าไรนักหากจะทำการอัพเกรด(โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้วสำหรับชาวไทยที่จะซื้อเครื่องหิ้วจากต่างประเทศที่ยังมีราคาสูงอยู่ในปัจจุบันนี้ก็ไม่ค่อยคุ้มเท่าไรครับ)
แต่กลับผู้ใช้ที่ใช้ iPhone 5s ลงไปแล้วการอัพเกรดเป็น iPhone 6s และ 6s Plus นั้นก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่พอสมควร โดยสื่อต่างประเทศก็ได้บอกเอาไว้ว่าจะคุ้มมากขึ้นถ้าทำการอัพเกรดผ่านแผนการอัพเกรดของ Apple ที่เอาเครื่องเก่าไปแลกหรือทำสัญญากับเครือข่ายก็จะได้ราคาเครื่องลดลงจากเดิมครับ
ที่มา : theverge, theverge : Mossberg, wsj, techradar, cnet, trustedreviews