ตลาดทางด้านเทคโนโลยีในประเทศจีนไม่ว่าจะเป็นทางด้านซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์นั้นถือว่าเป็นตลาดใหญ่ตลาดหนึ่งที่หลายๆ บริษัททางด้านเทคโนโลยีของโลกให้ความสำคัญครับ โดยทาง Microsoft เองนั้นก็ได้ให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศจีนเป็นอันดับต้นๆ ไม่แพ้กันและเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่า Microsoft ให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศจีนมากแค่ไหนเมื่อไม่นานมานี้ทาง Microsoft จึงได้ทำการประกาศว่าบริษัทได้มีการร่วมมือกับคู่ค้ารายใหม่ในจีนอย่าง Baidu ซึ่งมีผู้ใช้งานบริการในจีนมากกว่า 600 ล้านผู้ใช้เลยทีเดียวครับ
ทาง Microsoft ได้รายงานครับว่าในประเทศจีนนั้นมีผู้ใช้งานระบบปฎิบัติการ Windows ของทาง Microsoft ผ่านอุปกรณ์ PC อยู่กว่า 100 ล้านอุปกรณ์ด้วยกันและจำนวนกว่า 10 ล้านอุปกรณ์ในกลุ่มนี้ก็ได้ทำการใช้งานระบบปฎิบัติการ Windows 10 รุ่นใหม่ล่าสุดแล้ว เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้ใช้ในประเทศจีนหันมาใช้ระบบปฎิบัติการ Windows 10 ของทาง Microsoft มากขึ้นทาง Microsoft จึงได้จับมือกับทาง Baidu โดยในการร่วมมือครั้งนี้นั้นผู้ใช้บริการของทาง Baidu จะได้รับการอัพเกรดระบบปฎิบัติการเป็น Windows 10 ด้วยช่องทางที่ง่ายกว่าเดิมครับ
นอกไปจากนั้นแล้วเพื่อให้ผู้ใช้ระบบปฎิบัติการ Windows 10 ที่ดีที่สุดผ่านช่องทางของบริการ Baidu(สำหรับผู้ใช้ในประเทศจีน) บนเบราว์เซอร์ Microsoft Edge ของระบบปฎิบัติการ Windows 10 จะถูกตั้งหน้าเพจและบริการค้นหาเริ่มต้นเป็น Baidu.com ครับแถมทาง Baidu ยังจะมีช่องทางจัดจำหน่าย Windows 10 นี้เป็นของตัวเองซึ่งจะใช้ชื่อว่า “Windows 10 Express” ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวจีนสามารถดาวน์โหลด Windows 10 ไปใช้งานได้รวดเร็วขึ้นครับ
ในทางกลับกันทาง Baidu ก็จะทำการพัฒนา Universal Windows Applications สำหรับบริการของตัวเองอย่าง Search, Video, Cloud และ Maps สำหรับระบบปฎิบัติการ Windows 10 ออกมาด้วยเช่นกัน โดยถึงแม้ว่าจะมีบริการที่ทับซ้อนกับระหว่างของทาง Baidu และ Microsoft เอง(อย่างบริการ Bing) ก็ตาม แต่เพื่อเป็นการนำประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ในแต่ละท้องที่ทาง Microsoft จึงเปิดกว้างให้ผู้ใช้ในประเทศจีนสามารถที่จะใช้บริการผ่านทางช่องทางของ Baidu ได้แทนครับ
หมายเหตุ – ก่อนหน้าที่ทาง Microsoft จะประกาศความร่วมมือระหว่าง Microsoft กับ Baidu ออกมานี้ สำหรับในประเทศจีนเองแล้วทาง Microsoft ก็ได้มีการร่วมมือกับคู่ค้ารายใหญ่มากมายไม่ว่าจะเป็น Tencent, Qihoo 360, Lenovo หรือแม้แต่กระทั่งน้องใหม่ไฟแรงอย่าง Xiaomi เป็นต้นครับ
ที่มา : engadget, blogs.windows.com