หลายคนอาจจะกำลังรอโอกาสซื้อแท็บเล็ตซักเครื่องเพื่อที่จะนำมาใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นความบันเทิงรวมไปถึงแอพพลิเคชั่นต่างๆ ซึ่งต้องยิมรับว่าถ้าจะซื้อแท็บเล็ตมาใช้งานซักเครื่องนั้น ต้องนึกถึง iPad เป็นตัวเลือกแรกๆ แน่นอน แต่จะซื้อ iPad รุ่นไหนนั้นคงต้องดูอีกทีว่าลักษณะการใช้งานของเราเป็นอย่างไร ถึงจะมาดูกันว่า iPad Air หรือ iPad mini ที่ตอบโจทย์ แล้วจะซื้อรุ่นใหม่ล่าสุด หรือที่ตกรุ่นไปแล้วนั้นก็ต้องมาดูงบประมาณกันอีกทีหนึ่ง
สเปก iPad mini 4
- หน้าจอขนาด 7.9 นิ้ว แบบ Retina Display
- ความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล (326 ppi)
- ชิปประมวลผล Apple A8 แบบ 64-bit พร้อมชิปเซ็ต Apple M8 ชิปประมวลผลร่วม
- หน่วยความจำแรมขนาด 2GB
- Touch ID รองรับการสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Home
- กล้องด้านหน้า ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล, รูรับแสงกว้าง F/2.2
- กล้องด้านหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, รูรับแสงกว้าง F/2.4
- รองรับ Bluetooth เวอร์ชัน 4.2
- รองรับ Wi‑Fi (802.11a/b/g/n/ac) และ MIMO
- มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 9
โดยล่าสุดอย่างที่เราทราบกันไปแล้วว่า iPad Air 3 ยังไม่ออก และ iPad Pro ก็อาจจะเกินตัวไปหน่อย (ทั้งขนาดหน้าจอและราคา) ทำให้ iPad mini 4 ที่เป็น iPad mini รุ่นใหม่ซึ่งเพิ่งวางขายกันไปนั้น มีความน่าสนใจกันอยู่ไม่น้อยเลย จากสเปกที่อัพเดทล่าสุดแล้วให้ความแรงพอๆ กับ iPhone 6 อีกทั้งยังมาพร้อมแรม 2GB และราคาก็เป็นมิตรด้วยที่ 13,400 บาทเท่านั้น สำหรับรุ่น 16GB ในบทความนี้เราเลยจะมาให้เหตุผลกันเสียหน่อย
1. เพราะ iPad mini 4 เป็น iPad ของ Apple
ด้วยความที่เป็น iPad แน่นอนว่าระบบปฏิบัติการต้องเป็น iOS ที่ทุกคนไว้ใจในเรื่องของประสบการณ์ใช้งานที่ลื่นไหล และมีความสเถียรสูง เรียกได้ว่าไม่มีอาการค้างหรืออึดให้เห็นกันง่ายๆ รวมไปถึงยังมาพร้อมกับ App Store ที่เต็มอิ่มไปด้วยแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่มีคุณภาพ ผ่านการคัดสรรจากทาง Apple มาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ซึ่งถ้าใครใช้งาน iPad กับแท็บเล็ตที่เป็น Android แล้ว ก็คงพอทราบกันบ้างว่า แอพพลิเคชั่นมีเหมือนกันก็จริง แต่ให้อารมณ์การใช้งานที่แตกต่างกัน
2. หน้าจอใหญ่ สเปกแรง แต่ราคาถูกกว่า
สำหรับหลายๆ คนที่อยากได้ใช้งานระบบปฏิบัติการ iOS ในขนาดที่พอพกพาไปได้ในขนาดที่หน้าจอไม่เล็กจนเกินไป นาทีนี้คงต้องนึกถึง iPh0ne 6 Plus ซึ่งแน่นอนล่ะ มันเป็นอุปกรณ์ที่ดีแต่มีราคาที่สูง ฉะนั้นจะดีกว่าไหมถ้าเราใช้งาน iPad mini ซึ่งที่ผ่านมา iPad mini 3 อาจจะยังไม่ตอบความต้องการของใครหลายคนที่สเปกไม่ค่อยแรงนัก อย่างไรก็ตามคราวนี้กับ iPad mini 4 มาพร้อมสเปกใหม่ แถมมาในราคาที่ถูกกว่า iPhone 6 Plus เยอะด้วย
3. สเปกครบเครื่อง ราคาคุ้มค่า
อย่างที่กล่าวไปแล้วตั้งแต่ต้นว่า iPad mini 4 รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวมานี้ Apple จัดเต็มจริงๆ ในส่วนของสเปก ที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล Apple A8 และ M8 เหมือนอย่างที่ใช้บน iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ส่งผลให้เวลาที่เราไปใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ รวมไปถึงเล่นเกมที่กราฟิกสวยๆ ก็ตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี แน่นอนทั้งกล้องหรืออะไรต่างๆ ก็ดีขึ้น ส่วนที่ดีอยู่แล้วอย่าง Touch ID ก็คงดีเช่นเดิม สำคัญสุดคือราคาเริ่มต้น ที่ 13,400 บาทเท่านั้น ทำให้เราจับต้องกันง่ายยิ่งขึ้น
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับ 3 เหตุผลให้หาเรื่องเสียเงิน เวลาไปซื้อ iPad mini 4 จะได้อ้างได้ง่ายๆ ว่ามันดีขึ้นอย่างงั้นอย่างงี้ หวังว่าคงเป็นตัวช่วยได้ไม่มากก็น้อยล่ะ ส่วนใครเล็งๆ ว่าจะซื้ออยู่แล้ว และไม่ติดปัญหาอะไร ก็รอจัดได้เลย เรียกได้ว่าเป็น iPad mini ที่น่าซื้อที่สุดตั้งแต่มี iPad mini มาก็ว่าได้เลย
iPad mini 4 มีให้เลือก 3 ขนาดความจุด้วยกัน ได้แก่ 16GB, 64GB และ 128GB พร้อม 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีเงิน, สีทอง และสีเทา Space Gray โดยราคาของแต่ละรุ่น เป็นดังนี้
- iPad mini 4 16 GB Wi-Fi ราคา 13,400 บาท
- iPad mini 4 64 GB Wi-Fi ราคา 16,900 บาท
- iPad mini 4 128 GB Wi-Fi ราคา 20,400 บาท
- iPad mini 4 16 GB Wi-Fi + Cellular ราคา $529
- iPad mini 4 64 GB Wi-Fi + Cellular ราคา $629
- iPad mini 4 128 GB Wi-Fi + Cellular ราคา $729
ส่วนวันวางจำหน่าย คงต้องรอ Apple แจ้งอีกครั้งครับ ซึ่งน่าจะพร้อมบอกราคาของตัว Wi-Fi + Cellular ด้วย