เป็นอีกค่ายผู้ผลิตหนึ่งที่มาแรงแซงโค้งไม้แพ้กันครับกับ Huawei ที่ในอดีตที่ผ่านมานั้นใช้วิธีดำเนินธุรกิจแบบ play safe ด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟนในระดับกลางร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายซะเป็นส่วนใหญ่ ทว่าหลังจากที่ชื่อแบรนด์เริ่มติดตลาดนั้นทาง Huawei ก็จัดเต็มมาเลยครับด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับหรู สเปคสูงที่มาพร้อมกับวัสดุโลหะทั้งตัวอย่าง Mate s และ G8 สำหรับตลาดระดับบนและตลาดระดับกลางโดยเฉพาะครับ
Huawei Mate S
เริ่มกันที่รุ่นระดับเรือธงอย่าง Huawei Mate S ที่มีสเปคดังต่อไปนี้ครับ
- หน้าจอขนาด 5.5 นิ้วแบบ AMOLED รองรับความละเอียดที่ระดับ 1080 x 1920 pixels
- หน่วยประมวลผล Hisilicon Kirin 935(Octa core 4*2.2GHz + 4*1.5GHz 64-bit)
- หน่วยความจำ(RAM) ขนาด 3 GB
- แหล่งเก็บข้อมูลภายในความจุ 32 GB / 64 GB / 128 GB
- กล้องหลังความละเอียด 13 MP พร้อม OIS RGBW AF และ dual -tone flash
- กล้องหน้าความละเอียด 8 MP FF BSI พร้อม soft light สำหรับการถ่าย Selfie
- รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE
- ใช้การเชื่อมต่อแบบ micro USB 2.0
- วัสดุตัวเครื่องเป็นโลหะทั้งตัว
- ขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ Height : 149.8 mm Width : 75.3 mm Depth : 7.2 mm
- น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 156 g(รวมแบตเตอรี่แล้ว)
- แบตเตอรี่ความจุ 2,700 mAh
- มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Android 5.1 Lollipop ครอบด้วย EMUI 3.1
- มาพร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint Sense 2.0 และ Knuckle Sense 2.0
- มีให้เลือก 3 สีได้แก่ Luxurious Gold, Titanium Grey และ Mystic Champagne
สำหรับราคาวางจำหน่ายนั้นอาจจะดูสูงไปหน่อยครับเพราะในรุ่นที่มาพร้อมกับแหล่งเก็บข้อมูลความจุ 32 GB นั้นจะมีราคาอยู่ที่ 650 euros หรือประมาณ 26,500 บาท ส่วนในรุ่นที่มาพร้อมกับแหล่งเก็บข้อมูลความจุ 64 GB นั้นจะมีราคาอยู่ที่ 700 euros หรือประมาณ 28,500 บาท ซึ่งราคาในระดับนี้ก็เทียบกับรุ่นเรือธงของฝั่ง Samsung หรือ Apple เลยทีเดียวครับ
ทั้งนี้ Huawei Mate จะเริ่มวางจำหน่ายใน 30 ประเทศทั่วโลกก่อนเช่น China, France, Germany, Israel, Japan, Spain, South Africa และ the United Arab Emirates ส่วนลูกค้าในยุโรปตะวันตกจะสามารถเริ่มทำการ pre-order ได้ตั้งแต่ในวันที่ 15 กันยายนนี้เป็นต้นไปครับ ส่วนในเมืองไทยนั้นจะเข้ามาเมื่อไรคงต้องคอยดูกันต่อไปครับ
Huawei G8
ต่อกันที่รุ่นระดับกลางที่ถึงแม้ว่าจะเป็นระดับกลางแต่ทว่าก็ยังคงมาพร้อมกับจุดเด่นหลายๆ อย่างที่คล้ายกับรุ่นเรือธงอย่าง Mate S ครับ ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัสดุโลหะทั่วทั้งตัวรวมไปถึงระบบสแกนลายนิ้วมือทางด้านหลังของเครื่องที่สามารถใช้งานได้หลายอย่างตั้งแต่ใช้ในการปลดล๊อคเครื่อง, ใช้ในการรับสายหรือสั่งการต่างๆ เป็นต้นครับ
สำหรับสเปคของ Huawei G8 มีดังต่อไปนี้ครับ
- หน้าจอขนาด 5.5 นิ้วแบบ LCD TFT รองรับความละเอียดที่ระดับ Full-HD 1080p
- หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 615 64-bit octa-core
- ชิปกราฟิก Adreno 405
- หน่วยความจำ(RAM) มีให้เลือกทั้งรุ่นที่มาพร้อมกับขนาด 2 GB และ 3 GB
- แหล่งเก็บข้อมูลภายในสำหรับรุ่นที่มาพร้อมกับหน่วยความจำขนาด 2 GB จะมีความจุอยู่ที่ 16 GB ส่วนรุ่นที่มาพร้อมกับหน่วยความจำ 3 GB จะมีความจุอยู่ที่ 32 GB
- สามารถเพิ่มแหล่งเก็บข้อมูลผ่าน microSD Card ได้สูงสุด 64 GB
- กล้องหลังความละเอียด 13 MP พร้อม PureCel sensor และ dual-LED flash
- กล้องหน้าความละเอียด 5 MP
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ 4G LTE Category 4
- ใช้การเชื่อมต่อแบบ micro USB 2.0
- วัสดุตัวเครื่องเป็นโลหะทั้งตัว
- ขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ Height : 152 mm Width : 76.5 mm Depth : 7.5 mm
- น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 167 g(รวมแบตเตอรี่แล้ว)
- แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh
- มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Android 5.1 Lollipop ครอบด้วย EMUI 3.1
- มาพร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือ
- มีให้เลือก 3 สีได้แก่ White, Gold และ Black
ทั้งนี้ในเมืองไทยเราคงต้องร้องเพลงรอไปก่อนนะครับเพราะ Huawei G8 นั้นจะวางจำหน่ายในประเทศจีนเป็นที่แรกสนนราคาโมเดลที่มาพร้อมกับหน่วยความจำ 2 GB อยู่ที่ $370 หรือประมาณ 13,135 บาท ส่วนโมเดลที่มาพร้อมกับหน่วยความจำ 3 GB อยู่ที่ $434 หรือประมาณ 15,410 บาท โดยหลังจากในจีนแล้วคาดว่าที่ต่อไปที่จะมีการวางจำหน่าย Huawei G8 ก็คือในอินเดียครับ
ที่มา : androidpolice, androidpolice, technodify