Nexenta นั้นเป็นบริษัทระดับโลกเกี่ยวกับการผลิตและพัฒนา Open Source-driven Software-Defined Storage (OpenSDS) ที่มีลูกค้าจำนวนกว่า 6,000 รายทั่วโลกครับ ด้วยเทคโนโลยีการนำเสนอเซิฟเวอร์ขนาดเล็กสำหรับเก็บข้อมูลโดยการใช้ SSD มาวางเชื่อมต่อกันบนเซิฟเวอร์ซึ่งสามารถอัพเกรดตัว SSD ได้ตลอดเวลาทำให้ Nexenta นั้นได้รับความไว้วางใจจากบริษัทใหญ่ๆ มากมาย โดยล่าสุดนั้นทางบริษัทได้เปิดตัว NexentaStor รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับ HGST Ultrastar SSD ความจุสูงสุด 115 TB ครับ
สำหรับตัว NexentaStor รุ่นใหม่จะถูกผลิตขึ้นบนฐานของเครื่องเซิฟเวอร์ 2U Ultra SuperServer hardware ของทาง Supermicro พร้อมด้วยการใช้แหล่งเก็บข้อมูลภายในจาก HGST รุ่น Ultrastar SSD ที่มีขนาดความจุอยู่ที่ตัวละ 800 GB หรือ 1.6 TB นำมาต่อเรียงกัน โดยตัวเครื่องเซิฟเวอร์ฐานที่นำมาทำเป็น NexentaStor รุ่นใหม่นั้นอาจจะเป็นรุ่น Extreme Ultra SuperServer หรือ SuperExtreme UltraServer(ข้อมูลยังไม่แน่นอน) ซึ่งจะมีสเปคดังต่อไปนี้ครับ
- dual Intel E5-2643 v3 (3.4GHz, 6-core) processors
- 256GB of RAM
- 12Gbt/s SAS HBAs
- มาพร้อมซอฟต์แวร์ NexentaStor v4.0
แหล่งเก็บข้อมูลที่สามารถสลับได้โดยใช้ HGST Ultrastar SSDs นั้นจะแบ่งออกได้ดังต่อไปนีั
- 19TB จาก HGST Ultrastar SSD จำนวน 24 ตัว แต่ละตัวมีความจุ 800GB ในรุ่น 2U
- 38TB จาก HGST Ultrastar SSD จำนวน 24 ตัว แต่ละตัวมีความจุ 1.6TB
- 76TB จาก HGST Ultrastar SSD จำนวน 48 ตัว แต่ละตัวมีความจุ 1.6TB ในรุ่น 4U
- 115TB จาก HGST Ultrastar SSD จำนวน 72 ตัว แต่ละตัวมีความจุ 1.6TB
สำหรับจำนวนคำสั่งอ่าน/เขียนที่ทำได้ต่อวินาทีของ NexentaStor รุ่นใหม่นี้ก็จะอยู่ที่ 200,000 (32K) IOPS และ 6GB/sec throughput เลยทีเดียวครับ ซึ่งก็ถือว่ามากกว่าที่มีมาในเซิฟเวอร์ปกติทั่วไป แต่ราคานั้นก็แพงตามไปด้วยครับโดยราคาต่อพื้นที่ความจุนั้นจะอยู่ในช่วง $2/GB raw ถึง $3.5/GB raw ดังนั้นในระบบที่มีขนาดความจุแหล่งเก็บข้อมูลภายในอยู่ที่ 19 TB นั้นหากคิดราคาแพงที่ $3.5/GB จะอยู่ที่ $66,500 หรือประมาณ 2,360,750 บาทเลยทีเดียวครับ งานนี้ก็คงต้องปล่อยให้องค์กรที่ต้องการใช้แหล่งเก็บข้อมูลที่มีความเร็วสูงคิดเอาแล้วครับว่าจะคุ้มทุนหรือไม่
ที่มา : theregister