สิ่งที่เรียกว่า “เม้าส์” นั้นเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่แทบจะเป็นหัวใจหลักเลยก็ว่าได้และยิ่งเป็นวงการเกมแล้วล่ะก็เม้าส์ก็ความสำคัญก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ จนปัจจุบันได้มีผู้ผลิตเม้าส์ประเภท “เม้าส์เกมมิ่ง” ออกมามากมายให้เกมเมอร์ได้เลือกใช้ตามความต้องการของตนแต่ท่ามกลางเม้าส์เกมมิ่งที่มีเยอะเต็มไปหมดนั้นจะมีเม้าส์ตัวไหนบ้างที่เหมาะสมแก่การเล่นเกมมากที่สุดซึ่งทาง PCGAMER เว็บไซต์ชื่อดังในอุปกรณ์เกมมิ่งได้ออกมาแนะนำเม้าส์เกมมิ่งที่ทรงประสิทธิภาพทั้งสิ้นจำนวน 4 ตัวด้วยกันซึ่งแต่ละตัวก็จะมีข้อดีแตกต่างกันไปตามการใช้งานดังนี้ครับ
Razer Deathadder 2013
ถ้าเอ่ยชื่อถึง Razer แล้วก็การันตีได้เลยว่าผู้ใช้จะได้รับประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมซึ่ง Razer Deathadder
วัสดุที่ใช้ทำมาจากพลาสติกอย่างดีมีคุณสมบัติกันเหงื่อบนนิ้วมือจึงทำให้การขยับเม้าส์หรือคลิกสามารถทำได้ไม่สะดุดและด้วยคุณสมบัติแบบนี้เหมาะกับเกมเมอร์ที่เล่นเกมเป็นเวลานานหรือเกมเมอร์ที่มีเหงื่อออกบ่อยแถมด้วยปุ่มด้านข้างตรงนิ้วโป้งเอาไว้ปรับแต่งตั้งค่าที่เหล่าเกมเมอร์ต้องใช้และที่สำคัญมีน้ำหนักเบาด้วยครับและด้วยความเบานี้จึงทำให้การควบคุม Razer Deathadder 2013 ทำได้ง่าย แม่นยำ รวดเร็ว และไม่ต้องออกแรงเยอะแต่สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นซึ่ง PCGAMER ได้พิสูจน์ด้วยตนเองด้วยการเคลื่อนที่เม้าส์ในแนวราบและวงกลมจนได้ผลลัพธ์อย่างในรูปด้านล่างนี้ครับ
จะเห็นว่าการเคลื่อนที่เป็นวงกลมทำได้ลื่นไหลมาก ๆ ไม่มีอาการสะดุดเลยแม้แต่น้อยและในขณะเดียวกันการทดสอบโดยการเลื่อนเม้าส์ไปด้านขวาก็ปรากฏว่ามันเป็นแนวราบที่แทบจะขนานกับพื้นและการคืนตัวกลับมาก็ทำได้ยอดเยี่ยมเช่นกัน
นอกจากนี้ก็ยังมีออฟชั่นเสริมที่ไม่เหมือนใครอย่าง Synapse 2.0 ที่เป็นโปรแกรมเสริมการตั้งค่าปุ่มกดบนเม้าส์ที่มีถึง 7 ปุ่มด้วยกันเพื่อตอบสนองต่อเกมเมอร์โดยเฉพาะเกมเมอร์สาย FPS ที่หากได้ใช้เม้าส์ตัวนี้คงจะต้องถูกใจมาก ๆ แน่นอนและฟีเจอร์ทั้งหมดนี้อาจจะเรียกว่า Razer Deathadder 2013 เป็นเม้าส์เกมมิ่งที่ครบเครื่องที่สุดเลยก็ว่าได้ครับ
ในส่วนของราคานั้นในปัจจุบันนี้ก็ถือว่าไม่แพงเท่าไหร่ถ้าเทียบกับคุณภาพที่ได้รับโดยมีราคาอยู่ที่ $56.86 หรือประมาณ 2,000 บาทในรุ่นมาตรฐานแต่ถ้าเป็นรุ่นสำหรับคนถนัดซ้ายหรือ Chroma ก็จะมีราคามากกว่านิดหน่อยประมาณ 2,030 บาทครับ (อ้างอิงราคาจาก Amazon)
Steelseries Sensei Raw
สำหรับเม้าส์เกมมิ่งของ Steelseries ในชื่อ Sensei Raw ก็มาพร้อมด้วยคุณสมบัติในระดับขั้นปรมาจารย์ตามชื่อเลยทีเดียวโดยเริ่มจากพื้นผิวภายนอกที่มีลักษณะเป็นมันเงาที่ให้ความหนึบและด้านข้างมีแผ่นกันลื่นคล้ายกับ Deathadder ของ Razer อีกทั้งมันยังมีความต่างจากรุ่น Sensei ดั้งเดิมตรงที่การจับจะกระชับมือกว่าแถมเหงื่อบนนิ้วก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปและจุดเด่นอีกข้อหนึ่งคือการดีไซน์ของมันที่ไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งด้านใดด้านหนึ่งทำให้คนถนัดซ้ายหรือถนัดขวาสามารถใช้มันได้คล่อง
รายละเอียดอื่น ๆ ก็มีดีไม่แพ้กันทั้งตัวยเซ็นเซอร์ที่เป็นแบบ Laser และค่า CPI ที่สามารถปรับได้ตั้งแต่ 90-5,700 CPI บวกกับน้ำหนักที่ออกแบบมาให้เบาเพียง 90 กรัม ซึ่งเบากว่ารุ่น Sensei อีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้น Steelseries Sensei Raw ก็มีข้อเสียที่เลี่ยงไม่ได้ตรงปุ่มกดด้านข้างที่ออกแบบไม่สัมพันธุ์กับมือผู้ใช้เท่าไหร่จึงทำให้เกิดการเผลอไปกดโดนปุ่มเป็นประจำรวมถึงสายเม้าส์ที่ดูบอบบางเกินไปเหมือนกับว่ามันพร้อมจะขาดได้ทุกเมื่อแต่อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับข้อดีแล้วมันก็ยังเป็นเม้าส์เกมมิ่งที่เหมาะแก่การเล่นเกมเกือบทุกประเภท ผู้ใช้งานสามารถใช้ได้ทั้งมือซ้ายและมือขวาและที่สำคัญ Steelseries ยังเป็นสปอนเซอร์ให้แก่ทีมแข่ง eSports ฉะนั้นเรื่องประสิทธิภาพและการใช้งานด้านเกมนั้นท่านอาจารย์ Sensei Raw จัดเต็มแน่นอน
ราคาของ
Logitech G303 Daedalus Apex
เกมเมอร์ท่านไหนที่เป็นสาวกเกมแนว MOBA ก็คงจะต้องมีเม้าส์ตัวนี้ติดตัวกันบ้างล่ะครับเพราะการออกแบบของมันทำมาเพื่อชาว MOBA และวงการ eSports โดยเฉพาะที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ PMW-3366 แบบ Optical ที่ให้ความแม่นยำสูงความละเอียดที่มีมากถึง 12,000 DPI ด้วยกันมีการติดตามตัวเม้าส์หรือการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อบวกกับตัวบอดี้ที่ใช้รุ่นเดียวกันกับ Logitech’s G302 และลดน้ำหนักให้เบาลงเหลือเพียง 87 กรัมจึงทำให้ Logitech G303 Daedalus Apex เป็นเม้าส์เกมมิ่งในอุดมคติของเกมเมอร์หลาย ๆ คนและเชื่อว่าใครที่ใช้เม้าส์ตัวนี้ต้องรู้สึกว่าเหมือนเป็นโปรเพลย์เยอร์กำลังแข่งขันบนเวที eSports แน่ ๆ ครับ
สำหรับราคาจำหน่ายของเม้าส์เทพในขณะนี้จะอยู่ที่ $39.99 หรือประมาณ 1,400 บาทครับ (อ้างอิงราคาจาก Amazon)
Logitech G502 Proteus Core
และแล้วก็มาถึงเม้าส์เกมมิ่งตัวสุดท้ายที่โดดเด่นในเรื่องของการเล่นเกมเต็มรูปแบบสำหรับเกมเมอร์สายบ้าพลังถนัดทุกแนวเกมต้องใช้ Logitech G502 Proteus Core เท่านั้นเพราะมีฟีเจอร์ที่ล้ำสมัยไฮเทคแถมยังตอบสนองความต้องการทุกอย่างของเกมเมอร์ไว้ในเม้าส์ตัวนี้ตัวเดียวโดยมีค่าความละเอียด DPI ในระดับมหากาฬถึง 12,000 DPI สามารถตั้งค่าได้ 5 แบบตั้งแต่ 200 DPI ยัน 12,000 DPI มีปุ่มกดสั่งการมากกว่า 11 ปุ่มแต่ไม่ต้องกังวลว่าจะเผลอไปกดผิดเพราะการออกแบบปุ่มนั้นอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับขนาดนิ้วมืออย่างพอดี ด้าน Scroll Mouse ที่ปรับปรุงมาให้หมุนได้ลื่นไหลกว่าเดิมสามารถกดคลิกได้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา มีตัวเซ็นเซอร์ที่ผู้ผลิตบอกมาเลยว่ามันเป็นเซ็นเซอร์ชนิดใหม่ที่มีความแม่นยำสูงที่สุดในตลาดและให้ความสมูธมากเลยทีเดียวดังเช่นตารางทดสอบด้านล่างนี้ครับที่จะแสดงให้เห็นถึงความสมูธของ Logitech G502 Proteus Core ในระดับ 12,000 DPI
นอกจากนี้ด้านรูปร่างที่ออกแบบมาให้ล้ำอนาคตแล้วขนาดของมันมีขนาดใหญ่แต่ดูแล้วไม่เทอะทะพ่วงด้วยน้ำหนัก 121 กรัม (ไม่รวมสาย) สัมผัสแรกถือว่าเหมาะมือมากโดยเฉพาะผู้เล่นที่มือใหญ่หรือผู้เล่นที่ชอบเม้าส์ที่มีน้ำหนักเยอะก็น่าจะถูกใจเม้าส์ตัวนี้เป็นพิเศษแต่ถ้าหากคิดว่ามันยังหนักไม่พอ Logitech ได้มีลูกน้ำหนักเสริมแยกออกมาที่สามารถใส่เพิ่มหรือลดได้ตามใจต้องการ ส่วนซอฟท์แวร์ก็มาแบบเรียบง่ายแต่สามารถปรับแต่งได้หลากหลายเหมือนเคยและเก็บ Profiles ได้มากกว่า 1 Profiles
ที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใดนั่นคือเรื่องของราคาที่ในขณะนี้จะอยู่ที่ $59.99 หรือประมาณ 2,130 บาทก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อพอตัวครับ (อ้างอิงราคาจาก Amazon)
เป็นอย่างไรครับกับ 4 เม้าส์เกมมิ่งขั้นเทพที่นำมาเสนอในครั้งนี้และหวังว่าจะถูกใจเพื่อน ๆ กันบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ
ที่มา : PCGAMER