ถึงแม้ว่าจะยังคงได้ชื่อว่าเป็นบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในอันดับหนึ่งของโลก ณ เวลานี้ แถมตัวเลขส่วนแบ่งในตลาดที่ยังอยู่ในทางด้านบวกโดยสามารถตรวจสอบได้จากรายงานทางการเงินไตรมาสล่าสุดของบริษัท(ไตรมาสที่ 2 ของปี 2015) ที่เมื่อเทียบปีต่อปีแล้วรายรับยังคงมากกว่าเดิม ทว่าตัวเลขรายรับที่ลดลงจากไตรมาสที่ลดลงจากเดิมถึง 51% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2014 นั้นก็ไม่สามารถที่จะเผิกเฉยไปได้ครับ
ผลของตัวเลขที่ลดลงอย่างรุนแรงนี้ทำให้ท้ายที่สุดแล้วพนักงานกว่า 3,200 คนจากแรงงานทั้งหมดกว่า 60,000 คนต้องตกงานกันไป ซึ่งจำนวนนั้นก็คิดได้เป็น 5% ของพนักงานทั้งหมดที่เป็นแรงงานการผลิต หรือ 10% ของจำนวนพนักงานที่ไม่ใช้แรงงานผลิตในปัจจุบันที่จะว่าไปแล้วตัวเลขการปลดงานในบริษัทระดับใหญ่ที่มากถึง 10% นี้ก็ถือว่าเยอะมากเลยทีเดียวครับ
จะว่าไปแล้วสถานทางการเงินที่มีแต่จะกินเนื้อตัวเองแบบนี้ของ Lenovo ก็ไม่ได้แตกต่างจากบริษัททางด้านเทคโนโลยีใหญ่ๆ ในปัจจุบันสักเท่าไรครับ(ตัวอย่างเช่น Microsoft เป็นต้น) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลยจะเห็นได้จากจุดมุ่งหมายของ Lenovo ที่พยายามให้ตัวเองดูมี “ความเรียบง่าย” มากที่สุดในผลิตภัณฑ์ทางด้านมือถือที่แต่ละโมเดลค่อนข้างที่จะแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทว่าการเข้าซื้อ Motorola ของทาง Lenovo ก็ดันไปทำให้เกิดการทับซ้อนของผลิตภัณฑ์(ของตัวเอง) เข้าจนทำให้รายได้จากที่ควรจะดีเลยกลายเป็นหดหายไปครับ
อย่างไรก็ตาม Lenovo ก็จะยังคงให้อิสระต่อ Motorola ในการดีไซน์, พัฒนาและผลิตมือถือภายใต้ชื่อ “Motorola a Lenovo company” อยู่ต่อไปแถมยังจะให้ Motorola เข้ามามีส่วนในการพัฒนาสมาร์ทโฟนที่ใช้ชื่อยี่ห้อ Lenovo ด้วย ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้เห็นได้ชัดเจนครับว่าการจัดการของ Lenovo นั้นเป็นเพียงการดิ้นรนเพื่อให้ส่วนของมือถือของตัวเองสามารถคงอยู่ต่อไปได้
ทว่าผลการดิ้นรนนี้ก็ดูจะออกมาในรูปแบบที่ไม่รู้ว่า Lenovo จะพอใจรึเปล่านะครับ เพราะจากรายงานในไตรมาสล่าสุดนั้นก็พบว่า Lenovo(รวมกับ Motorola) สามารถครองส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนไปได้ถึง 4.7% ทั่วโลกอยู่ในอันดับที่ 5(จากการสำรวจของ IDC) ซึ่งเป็นตัวเลขที่ถ้ามองกันตามจริงแล้ว เฉพาะสมาร์ทโฟนของ Lenovo ไม่รวม Motorola จะมียอดขายตกไปอยู่พอสมควรเลยทีเดียวครับ
ดูเหมือนตัวเลขทางฝั่งสมาร์ทโฟนจะดีนะครับ แต่ถ้าเทียบกับตัวเลขทางฝั่งคอมพิวเตอร์ที่ปัจจุบัน Lenovo ครองส่วนแบ่งในตลาดเกิน 20% ไปแล้ว แถมยังมีแผนการที่จะเพิ่มให้เกิน 30% อีกในอนาคต(ซึ่งส่วนตัวผมแล้วคาดว่า Lenovo น่าจะสามารถทำได้ด้วยครับ) เราเลยได้เห็นทาง Lenovo ใช้กลยุทธ์เพิ่มรายได้แต่ลดต้นทุนกันอย่างที่เห็นในปัจจุบันนี่แหละครับ(ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ค่อยดีเท่าไรเพราะนั่นหมายถึงจะมีคนว่างงานเพิ่มมากขึ้นและไม่รู้ว่าจะกระทบกับบุคคลใดในภูมิภาคใดบ้าง)
แม้จะมีความคิดเห็นโดยทั่วไปค่อนข้างเป็นเอกฉันท์ในหมู่นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมว่าแท็บเล็ตกำลังจะกลายเป็นอุปกรณ์หนึ่งที่กำลังจะกลายเป็นเทคโนโลยีในอดีตไปแล้วเพราะเราจะได้เห็นอุปกรณ์ที่มาในแนว 2-in-1 กันมากขึ้นซึ่งอุปกรณ์ประเภทนี้แหละครับที่ทำให้ Lenovo มีตัวเลขที่ค่อนข้างมั่นคงเพราะย้อนไปในไตรมาสที่ 1 นั้น Lenovo มียอดส่งออกของอุปกรณ์แบบนี้มากถึง 2.5 ล้านหน่วย(รวมแท็บเล็ตเข้าไปด้วย) เพิ่มขึ้นเป็น 3.8% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี ซึ่งทำให้ทาง Lenovo มีส่วนแบ่งในตลาดเป็นอันดับที่ 3 ของโลกด้วยตัวเลขที่ 5.6% ครับ
ที่มา : vr-zone