มีหลายๆ คนเลยทีเดียวครับที่ทำผิดคิดว่าการดีไซน์คือสิ่งที่ทำออกมาแล้วมันดูเหมือนเป็นอย่างไร จากคำกล่าวของ Steve Jobs ว่า ” นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราคิดว่าดีไซน์เป็นอย่างไร เพราะมันไม่ได้มีแค่ส่วนที่มันมองออกมาและให้ความรู้สึกอย่างไรเท่านั้น แต่ดีไซน์คือวิธีการทำงานของมันต่างหาก”
จากคำพูดของ Jobs นั้นดูเหมือนจะเป็นคำพูดที่มีความรุนแรงมากพอสมควรครับ(ถึงขั้นแดกดัน) เราได้เห็นตัวอย่างมากมายในการทำให้ดีไซน์ของ Apple สร้างไปในทิศทางที่ว่า “วิธีการทำงานของมันเป็นอย่างไร” ซึ่งตามมาในภายหลังจากคำพูดนี้โดยเฉพาะในส่วนของซอฟต์แวร์ อย่างเช่นที่พบเห็นใน iTunes, MobileMe และ Apple Maps หรือกระทั่ง Siri ผู้ที่คาดเดาไม่ได้ และตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคงหนีไม่พ้น UI บน Apple Watch ที่ไม่สอดคล้องในการทำงานอย่างสุดๆ (นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างอื่นๆ อีกมากมาย)
สิ่งที่เราเห็นนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของ iOS ที่ล้มเหลวอย่างสมบูรณ์ก็ว่าได้ครับ คำถามก็คือควรจะทำอย่างไรดีที่จะทำให้หลายๆ สิ่งที่กล่าวถึงไปเหล่านี้สามารถที่จะใช้งานได้เต็มที่สักที เป็นระยะเวลานานแล้วครับที่ Apple ควรที่จะดึงตัวเองออกมาจากรูปแบบการออกแบบแบบนี้สักทีไม่ให้ถลำลึกมากจนเกินไป เพราะในหลายๆ ทางแล้วการออกแบบเช่นนี้อาจจะมีช่วงเวลาที่ดีของมันอยู่หลายปีก่อนที่ Apple จะมีคู่แข่งเข้ามาในอุตสาหกรรมดีไซน์แบะการออกแบบเหล่านี้
อย่างไรก็ตามใช่ว่า Apple จะไม่เปลี่ยนแปลงครับ เพราะในงาน WWDC 2015 ที่ผ่านมานั้น Apple ใช้เวลามากกว่า 270 นาทีในการประกาศถึงการแก้ไขหลังการแก้ไขสิ่งที่บริษัทเคยทำผิดพลาดไปไม่ว่าจะเป็นทางด้านซอฟต์แวร์หรือบริการผ่านทางระบบปฎิบัติการใหม่ถึงสองตัวด้วยกันซึ่งนั่งก็คือ iOS 9 และ OS X El Capitan
สำหรับในส่วนของ iOS 9 นั้น Apple ได้ประกาศแอปที่มาสานต่อความ(ไม่)สำเร็จของ Newsstand(แอปพลิเคชันที่ทาง Apple พยายามที่จะนำเอานิตยสารติจิทัลไปยังผู้ใช้ iPhone และ iPad) ด้วยแอปพลิเคชันใหม่ที่มีชื่อว่า News ที่มีลักษณะการใช้งานเหมือนกับแอปพลิเคชัน Flipboard สำหรับการนำเสนอข่าวแบบสดๆ
และสำหรับทั้งบน OS X El Capitan กับ iOS 9 ทาง Apple ได้ทำการประกาศเปิดตัว Apple Music ที่ไม่เพียงแต่แค่จะเป็นแอปพลิเคชันสำหรับการฟังเพลงผ่านบริการสตรีมมิ่งเท่านั้น แต่มันยังคงเป็นแอปที่จะเข้ามารักษาหน้าให้กับแอปการฟังเพลงอายุเนิ่นนานของ Apple อย่าง iTune ด้วยอีกครับ
ท้ายสุดแล้วกับ Siri ทั้งบนระบบปฎิบัติการ OS X El Capitan และ iOS 9 ที่ทาง Apple ได้อนุญาตให้ Siri นั้นสามารถที่จะทำการแนะนำแอปพลิเคชันได้ในเชิงรุกแถมผูกเข้าไปกับความสามารถอย่าง machine learning เพื่อผลการค้นหาที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งนั่นทำให้ Siri เวอร์ชันบน iOS สามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับ Google Now ครับ
สิ่งสำคัญของการพัฒนาต่างๆ เหล่านี้ที่เรานำมาพูดถึงคืออะไร? ประการแรกเลยก็คือทุกสิ่งทุกอย่างที่ทาง Apple ประกาศออกมาในเวลากว่า 270 นาทีนั้นเป็นสิ่งที่บริษัทอื่นๆ ทำมาก่อนหน้าแล้วทั้งสิ้นครับ ไม่ว่าจะเป็น Spotify, Facebook และ Android ส่วนประการที่สองนั้นทุกสิ่งที่ถูกนำมาพัฒนาในครั้งนี้นั้นต่างก็เป็น algorithms, search, curation และ deep learning ซึ่งหากจะว่าไปแล้วสิ่งเหล่านี้นั้นไม่ได้ทำให้เราได้นึกถึงคำว่าดีไซน์เลยแม้แต่น้อยครับ
ดังนั้นหากจะว่าไปแล้วงาน WWDC 2015 ที่ผ่านมานี้นั้นจึงเป็นงานที่ Apple ต้องการจะออกมานำเสนอให้ผู้คนได้เห็นตัวตัวเองก็สามารถตามคู่แข่งได้ทันไปโดยปริยายครับ(ทั้งๆ ที่ปกติแล้ว Apple จะเป็นผู้นำในวงการซะมากกว่า) ตลอดเวลาเกือบ 5 ปีที่ผ่านมานี้ Apple เสียเวลาไปกับการให้ความสนใจในการพัฒนารูปลักษณ์ของอุปกรณ์และรายละเอียดพื้นผิวของผลิตภัณฑ์ของพวกเขามากกว่า และที่สำคัญที่สุดก็คือการไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ของอุตสาหกรรมที่ว่า “AI คือ UI สมัยใหม่” ครับ
ความเป็นจริงอย่างหนึ่งก็คือในขณะที่อุตสาหกรรมการดีไซน์ของ Apple อยู่ในระดับที่ดีเยี่ยมมาตลอด แต่ถ้าพูดถึง digital UI หรือ UX แล้ว Apple ไม่ได้เป็นบริษัทที่อยู่ในระดับหน้าเลยครับ ทางด้านของอุปกรณ์เคลื่อนที่(สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต) ตั้งแต่ที่ทาง Google ปล่อย UI ตัวใหม่ของ Android ออกมาอย่าง Material Design ทำให้ Android นั้นดูเป็นผลิตภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยความคิดทางด้านดีไซน์กว่า iOS เป็นอย่างมากครับ ไม่ว่าจะเป็น vivid และ cohesive graphic design ฯลฯ ทำให้ Android นั้นดูดีเป็นอย่างมาก
นี่อาจจะเป็นความจริงที่ยากจะกลืนสำหรับแฟนๆ Apple หลายๆ รายครับ เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมานั้นแฟนๆ Apple ต่างก็ได้ยิ้มเยอะผู้ใช้ Android เอาไว้มาก เอาตามจริงแล้วตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานั้น Google ออกแบบรูปลักษณ์ดีไซน์ที่ไม่ค่อยจะเป็นตัวของตัวเองเท่าไรนัก จะว่าไปแล้วบางคนถึงกับขั้นบอกว่า Google ลอกบางส่วนไปจาก Apple เลยทีเดียว ทว่าเมื่อเวลาเปลี่ยนไป Google กลับละทิ้งดีไซน์แบบเดิมๆ ไปทั้งหมด(ไว้กับ Apple) แล้วทำสิ่งที่ตัวเองมีความสามารถมากที่สุดออกมาให้ชาวโลกได้เห็นกันทั้งความสามารถในการค้นหาที่ยอดเยี่ยมและ machine learning ที่ไม่มีใครคิดจะทำ(และทำได้) Google ก็สามารถนำมาทำเป็น UI ได้ครับ
สิ่งที่ Google ได้เรียนรู้จากการทำตาม Apple ก็คือสิ่งที่ Apple ทำนั้นเป็นข้อดีที่อยู่ได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นครับ ทาง Google รู้ดีว่าการดีไซน์ให้หลอมรวมกับฟังค์ชันการใช้งานรวมไปถึงการรวมเอาบริการต่างๆ เข้าไปบน UI นั้นเป็นสิ่งที่ยากกว่ามากในการดีไซน์ UI แบบใช้จุด pixels(หรือการสร้างภาพ) แถมจะว่าไปแล้วตั้งแต่ในปี 2008 ที่ทาง Google ส่ง Android มาเป็นคู่แข่งกับ iOS ของ Apple นั้นทาง Google เองก็ทราบแล้วครับว่าท้ายที่สุดแล้วมันจะต้องเป็น AI ไม่ใช่ UI ที่จะสามารถเอาชนะในสงครามนี้ได้
ในงาน Google I/O 2015 ที่ผ่านมานั้นทาง Google ได้ประกาศเปิดตัว Now On Tap ผู้ช่วยดิจิทัลรุ่นถัดไปของ Google Now ที่สามารถทำการปรับปรุงเพิ่มเติมบริบทตัวเองตามประสบการณ์การใช้งานแอปพลิเคชันของผู้ใช้ด้วยการใช้ machine learning และ deep linking ตัวอย่างเช่นถ้าคุณได้รับข้อความเข้าจากเพื่อนของคุณ ซึ่งในข้อความนั้นมีการระบุถึงนัดตอนการคืนสำหรับการออกไปนั่งดื่มชิวๆ กับเพื่อนก่อนที่จะไปจบด้วยการดูภาพยนตร์ต่อสักเรื่อง
เพียงแค่คุณเข้าสู่ Google Now On Tab บนตัวแอปก็จะทำการโชว์การ์ที่บอกเวลาภาพยนตร์เรื่องนั้นฉายของโรงภาพยนตร์ที่ใกล้คุณมากที่สุด และยังจะมีการ์ดแนะนำร้านนั่งชิวที่อยู่ใกล้ๆ คุณ(พร้อมด้วยรีวิวร้านนั้นๆ) …. เรียกง่ายๆ ว่า Google Now On Tab นั้นสามารถที่จะคาดการณ์ความต้องการของคุณได้ครับ
ยอมรับกันอย่างจริงจังเลยครับว่าบน iOS 9 และ OS X El Capitan นั้นไม่มีสิ่งที่เหมือนกับ Google Now On Tap ถึงแม้ว่าทาง Apple จะพยายามทำให้ Siri มีความฉลาดมากขึ้นแล้วก็ตาม ทว่าการแข่งขันในครั้งนี้ก็เสมือนกับวิ่งแข่งกันโดยคนหนึ่งนำหน้าไปก่อนหลายกิโลครับ อย่างไรก็ตามใช่ว่า Apple จะไม่ทำอะไรเลยครับ เพราะมีเสียงออกมาจากทาง Google ที่เตือนให้ผู้ใช้ระวังในเรื่องของความเป็นส่วนตัวที่ Google สามารถจะนำข้อมูลของคุณไปประเมินผลได้
แต่จากช่วงที่ผ่านมาที่มีข่าวว่า iCloud โดนเจาะเข้าไปได้นั้นทำให้หลายคนเกิดความสงสัยเข้าไปใหญ่เลยครับว่า Apple เองรึเปล่าที่ถึงแม้จะบอกว่าไม่ยุ่งกับข้อมูลของลูกค้าแต่ระบบของตัวเองกลับมีความปลอดภัยไม่มากพอ ดังนั้นเรื่องนี้คงต้องให้ผู้ใช้เป็นคนตัดสินกันหล่ะครับว่าระหว่างเก็บข้อมูลไว้กับ Apple หรือ Google เก็บที่ไหนจะปลอดภัยไร้กังวลได้มากกว่ากัน
Apple อาจจะสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความสวยงามภายนอกออกมาได้ดีกว่าบริษัทอื่นๆ มากครับ แต่ก็ต้องยอมรับกันว่าในระยะยาวแล้วการใช้งานซอฟต์แวร์ภายในนั้นจะกลายมาเป็นสิ่งสำคัญที่กำหนดความชอบของผู้ใช้ได้มากกว่า(เว้นแต่ว่าผู้ใช้ไม่อยากจะเปลี่ยนแปลง) ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Apple สามารถทำได้ดีทั้งดีไซน์ภายนอกของผลิตภัณฑ์และภายใน ซึ่งทั้งสองอย่างนี้จะต้องไปด้วยกัน หากทาง Apple ยังไม่รีบตามคู่แข่งให้ทันเข้าหล่ะก็ไม่แน่เราอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครับ(Microsoft เองก็เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวครับเพราะหากพูดกันตรงๆ Lumia นั้นก็มีความเป็นตัวของตัวเองมา แต่ด้วย Windows Phone 8 นั้นทำให้ไปไม่ถึงฝัน แต่ถ้า Windows 10 ออกมาอะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ)
ที่มา : fastcodesign