เมื่อไม่นานมานี้ทาง TrendForce ได้ปล่อยข้อมูลการประเมินผลความต้องการในตลาดโน๊ตบุ๊คและหน้าจอมอนิเตอร์ประจำไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปีนี้ออกมาครับ โดยจากข้อมูลนั้นดูไม่ค่อยจะดีมากสักเท่าไรครับ โดยทางนักวิเคราะห์ได้บอกเอาไว้ว่ายอดในตลาดอุปกรณ์จำพวกมอนิเตอร์นั้นผลลัพธ์ต่ำกว่าการคาดการณ์สำหรับไตรมาสที่ 2 คือน้อยกว่าถึง 1.7% โดยสาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ค่าเงิน Euro ลดลงมากทำให้ความต้องการทางฝั่งตลาดยุโรปตกต่ำ และผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็มีมอนิเตอร์ที่สามารถใช้งานได้ดีแถมอายุการใช้งานก็ยาวนานอยู่แล้วจึงไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนใหม่ครับ
สำหรับการเปลี่ยนผ่านจากไตรมาสที่ 2 มายังไตรมาสที่ 3 นั้นความต้องการทางด้านมอนิเตอร์จะเพิ่มสูงขึ้น 6% จาก 30.1 ล้านหน่ายมาอยู่ที่ 31.9 ล้านหน่วย เนื่องด้วยการกระตุ้นตลาดในการขายสิ้นค้าเก่าและการทำโปรโมชันดึงดูดลูกค้าครับ ทางฝั่งโน๊ตบุ๊คนั้นยอดความต้องการในตลาดสูงขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสสู่ไตรมาส ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นยอดที่สูงขึ้นแต่ทว่าก็ยังไม่มากจนน่าพอใจสักเท่าไรครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่ Windows 10 จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้แถมยังมีแรงขับเคลื่อนจากชิปเซ็ทของทาง Intel อย่าง Broadwell-H และ Skylake ใหม่ครับ
สาเหตุที่ความต้องการนั้นน้อยกว่าที่ควรจะเป็นนั้นเนื่องจากว่าผู้ใช้ที่ใช้เครื่องที่มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Windows 7 อยู่ก็สามารถที่จะทำการอัพเกรดไปเป็น Windows 10 ได้อย่างฟรีๆ ซึ่งทำให้เครื่องรุ่นเก่านั้นยังสามารถที่จะใช้งานได้อยู่ ดังนั้นโน๊ตบุ๊คที่จะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลอย่าง Skylake ก็คงไม่สามารถที่จะกระตุ้นตลาดได้มากเท่าไรนัก ถึงกระนั้น TrendForce ก็คาดการณ์ไว้ว่ายอดการจำหน่ายของโน๊ตบุ๊คจะเพิ่มขึ้นถึง 8.6% ด้วยกันจากไตรมาสที่ 2 มาเป็นไตรมาสที่ 3 ครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นหากอ้างอิงจากทาง Gartner แล้วโน๊ตบุ๊คจำพวก 2-in-1 ที่สามารถแปลงร่างเป็นแท็บเล็ตและโน๊ตบุ๊คได้ รวมไปถึง hybrid tablets จะมียอดจำหน่ายเติบโตมากขึ้นเพราะตรงกับรูปแบบที่ผู้ใช้ต้องการมากขึ้นตั้งแต่ในปีนี้เป็นต้นไปครับ
ที่มา : notebookcheck