Connect with us

Hi, what are you looking for?

Mac Corner

AppleCare+ สำหรับ iPhone และ Apple Watch ขยายความคุ้มครองกรณีที่แบตความจุต่ำกว่า 80%

เป็นเรื่องยากพอดูเหมือนกันนะครับที่บริษัททางด้านเทคโน โลยีที่มีอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่อยู่ด้วยจะขยายความคุ้มครองในกรณีที่แบตเตอรี่ของอุปกรณ์นั้นมีความสามารถเก็บประจุได้ลดลงไปจากเดิม

เป็นเรื่องยากพอดูเหมือนกันนะครับที่บริษัททางด้านเทคโนโลยีที่มีอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่อยู่ด้วยจะขยายความคุ้มครองในกรณีที่แบตเตอรี่ของอุปกรณ์นั้นมีความสามารถเก็บประจุได้ลดลงไปจากเดิม แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อหล่ะครับว่าทาง Apple เขากล้าทำครับ โดยเมื่อไม่นานมานี้ทาง Apple กับโครงการ AppleCare+ ได้มีการอัพเดทเงื่อนไขของแผนคุ้มครองสำหรับ iPhone, iPad, iPod และ Apple Watch ในกรณีที่แบตเตอรี่ของตัวอุปกรณ์นั้นลดต่ำลงกว่า 80% ของความจุปกติภายในระยะเวลาการประกัน(จากเดิมที่รับประกันในระดับต่ำกว่า 50%)

AppleCare-Apple-Watch-iPhone 600 01

Advertisement

ในความคุ้มครองนี้เมื่อทาง Apple ตรวจพบก็จะทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ให้กับคุณโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใดครับ แต่เงื่อนไขก็คือตัวอุปกรณ์จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขการประกันของ AppleCare+ เท่านั้น(รวมถึงอยู่ในช่วงเวลารับประกันด้วย) ในกรณีที่อุปกรณ์ของคุณไม่อยู่ในประกันนั้นคุณก็ต้องเสียค่าเปลี่ยนเองครับ ตัวอย่างเช่น Apple Watch นั้นก็จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ $79 หรือประมาณ 2,610 บาท และยังมีค่าขนส่งอีก $6.95 หรือประมาณ 230 บาทด้วยครับ

AppleCare+ for iPhone, iPad and iPod

สำหรับโปรแกรม AppleCare+ ของ iPhone นั้นจะขยายระยะเวลารับประกันเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 2 ปีนับจากวันที่ทำการซื้อตัวเครื่องและให้ความคุ้มครองทางด้านอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับตัวเครื่อง ถึง 2 เหตุการณ์ในช่วงของประกัน โดยแต่ละครั้งนั้นจะคิดค่าบริการอยู่ที่ $79 หรือประมาณ 2,610 บาท โดยหากไม่มี AppleCare+ แล้วตัวเครื่องจะมีระยะเวลาประกันอยู่ที่ 1 ปี และให้การสนับสนุนทางโทรศัพท์ฟรีเพียงแค่ 90 วันเท่านั้น(ถ้าอยู่ใน AppleCare+ จะได้รับการสนับสนุนในส่วนโทรศัพท์นาน 1 ปี)

หมายเหตุ – อุบัติเหตุในที่นี้หมายถึงการที่เครื่องไม่อยู่ในเงื่อนไขของการประกัน คุณก็จะเสียค่าบริการ เพียงแต่ว่าค่าบริการที่เสียนั้นจะคิดแบบเหมาจ่ายตามด้านบนครับ

AppleCare-Apple-Watch-iPhone 600 02

สำหรับ iPad และ iPod นั้นจะมีเงื่อนไขทางด้านเวลาแบบเดียวกันกับ iPhone ครับ แต่ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแปลงนั้นจะอยู่ที่ $49 หรือประมาณ 1,620 บาท ส่วนในครั้งที่ 2 นั้นจะมีราคาอยู่ที่ $29 หรือประมาณ 960 บาทครับ

AppleCare+ for Apple Watch

Apple-Watch-AppleCare 600 03

ในส่วนของ Apple Watch นั้นการรับประกัน AppleCare+ จะแบ่งตามรุ่นไปครับ โดยราคานั้นก็จะขึ้นอยู่กับว่ารุ่นของ Apple Watch นั้นมีราคาสูงมากน้อยแค่ไหนโดย Apple Watch Sport จะมีราคาอยู่ที่ $49 หรือประมาณ 1,620 บาท ตามมาด้วย Apple Watch ที่มีราคาอยู่ที่ $50 หรือประมาณ 1,650 บาท ส่วน Apple Watch Edition ที่แพงที่สุดนั้นจะมีราคาอยู่ที่ $1,500 หรือประมาณ 49,500 บาทครับ

ในกรณีที่ต้องมีการจ่ายค่าเสียหายที่อยู่นอกเหนือเงื่อนไขการประกันนั้น Apple Watch Sport จะมีราคาอยู่ที่ $69 หรือประมาณ 2,280 บาท ตามมาด้วย Apple Watch ที่มีราคาอยู่ที่ $79 หรือประมาณ 2,610 บาท ส่วน Apple Watch Edition ที่แพงที่สุดนั้นจะมีราคาอยู่ที่ $1,000 หรือประมาณ 33,000 บาทครับ

ทั้งนี้ระยะเวลาในการประกันของ Apple Watch เมื่อซื้อ AppleCare+ เพิ่มนั้น Apple Watch Sport และ Apple Watch จะได้ขยายเวลาจาก 1 ปีไปเป็น 2 ปี ส่วน Apple Watch Edition จะได้รับการขยายเวลาจาก 2 ปี ไปเป็น 3 ปี ซึ่งหากจะว่าไปแล้วก็คงเพียงพอต่อการใช้งานครับเพราะทาง Apple บอกว่า Apple Watch นั้นมีรอบการชาร์จแบตเตอรี่อยู่ที่ 1,000 รอบ ซึ่งหากชาร์จวันละครั้งกว่าจะเสื่อมก็เกือบ 3 ปีได้หล่ะครับ

หมายเหตุ – นอกไปจากที่จะขยายระยะเวลาการประกันแยกในแต่ละประเภทแล้วทาง Apple ยังมีการขายในชุดรวมคู่ดังต่อไปนี้ด้วยครับ

  • Apple Watch Sport + iPhone ราคา $149 หรือประมาณ 4,900 บาท
  • Apple Watch + iPhone ราคา $169 หรือประมาณ 5,500 บาท
  • Apple Watch Edition + iPhone ราคา $1,600 หรือประมาณ 53,000 บาท

ที่มา : macrumors

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

Mac Corner

ขึ้นชื่อว่าเป็นไอโฟนเป็นใครอยากได้ ว่าด้วยราคาเครื่องจะจ่ายเงินสดรอบเดียวก็ยังได้แต่ก็ไม่รู้ว่าในอนาคตจะต้องใช้เงินก้อนเมื่อไหร่ หลายคนจึงเลือกวิธีผ่อนไอโฟนทีละงวดไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ 10 ถึง 30 เดือนก็มี ตามที่ร้านค้ากับธนาคารเจ้าของบัตรจะทำข้อตกลงกันไว้ ทำให้ลูกค้าได้เปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่ได้ง่ายขึ้น และยังไม่รวมแคมเปญอื่นๆ จาก Apple กับตัวแทนจำหน่ายแต่ละเจ้าเอามาเป็นจุดจูงใจเพิ่มเติมอีกด้วย ข้อดีของการจ่ายเงินผ่อน นอกจากไม่ต้องลงเงินก้อนครั้งเดียวแต่เฉลี่ยจ่ายไปเรื่อยๆ จนครบได้แล้ว ยังมีเครื่องมือทางการเงินอีกหลายอย่างเข้ามาช่วยแบ่งเบาผู้ใช้ได้อีกมาก ไม่ว่าจะใช้แต้มในบัตรเครดิตหักลดราคาเครื่องก่อนผ่อนชำระได้, กดส่งโค้ดเอาแต้มกับเงินคืนไว้ใช้ในโอกาสอื่นได้ไม่พอ ในยุคนี้บางร้านค้ายังให้ผ่อนด้วยบัตรประชาชนใบเดียวได้อีก เป็นทางเลือกเพื่อคนไม่มีบัตรเครดิตแต่มีเงินในกระเป๋าแบ่งจ่ายค่าเครื่องได้สะดวกไม่แพ้กันAdvertisement ผ่อนไอโฟนวิธีไหนได้บ้าง? ปัจจุบันสามารถผ่อนมือถือได้หลายวิธี...

Mac Corner

พอ Apple เปิดตัว iPhone 16 Series เปิดตัว iPhone 15 ราคาก็ถูกลงตามกลไกการตลาด หลีกทางให้สินค้ารุ่นใหม่และเคลียร์สต็อกสินค้าเก่าไปด้วย ถึงจะตกรุ่นแล้วแต่ถ้าเป็นผู้ใช้ทั่วไปเน้น Social network, ถ่ายวิดีโอเก็บภาพความทรงจำและเล่นเกมบ้าง ไม่เน้น Apple Intelligence (AI) ตามสมัยนิยมเอาความแรงตัวชิปเซ็ตเข้าว่า ก็พูดได้ว่าราคาไอโฟน 15 ตอนนี้ก็คุ้มดีแล้วใช้เป็นมือถือเครื่องหลักไปได้อีกหลายปีก่อนจะหมดรอบการอัปเดต iOS...

Tips & Tricks

กำแพงภาษาอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ใครหลายคนไม่อยากเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเพราะกลัวจะสื่อสารไม่ได้คุยกับใครไม่รู้เรื่อง แต่ในยุคนี้ก็มีแอพแปลภาษาให้โหลดไปติดตั้งในสมาร์ทโฟนเอาไว้สื่อสารกับชาวต่างชาติได้ง่ายขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหนก็สามารถพูดสื่อสารกันได้ตั้งแต่ถามเส้นทางการเดินทางไปจนติดต่อคุยงานกันในยามจำเป็นก็ยังได้ แม้จะไม่ถึงระดับของล่ามที่ฝึกฝนภาษานั้นมาเป็นเวลานานจนเชี่ยวชาญแต่ในนาทีสำคัญมันก็ช่วยแก้ปัญหาให้เราได้แน่นอนแถมส่วนใหญ่เป็นแอพฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มหรือถ้าจ่ายค่าบริการเพิ่มก็ได้ฟีเจอร์มาเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นอีกหลายอย่าง ถ้าพูดถึงแอพฯ เหล่านี้เมื่อไหร่ เป็นใครก็ต้องคิดถึง Google Translate ก่อนเป็นชื่อแรกแน่นอนแ แต่บางประเทศ เช่น จีนแผ่นดินใหญ่ปลายทางยอดนิยมของชาวไทยตอนนี้หรือรัสเซียก็ไม่สามารถใช้ Google ได้ ยกเว้นจะ Roaming สัญญาณเน็ตเข้าไป ก็มีทางออกโดยหันมาใช้แอพฯ เฉพาะของที่นั่นแทน ซึ่งใช้งานได้ดีพอกันและออกแบบมาเพื่อภาษานั้นโดยเฉพาะด้วย ทำให้การแปลภาษาลื่นไหลสื่อสารกับผู้คนได้ต่อเนื่อง แถมแอพฯ เหล่านี้ก็พัฒนาตัวเองให้แปลเอกสารและไฟล์...

Accessories review

VOLTME Revo 140 กับ VOLTME RUGG CTC 100W คอมโบสายและอะแดปเตอร์สุดเจ๋ง ชาร์จได้หมดทั้งโน๊ตบุ๊ค, แท็บเล็ตและมือถือ!! ถ้าเปิดกระเป๋ามานอกจากโน๊ตบุ๊คแล้ว หลายคนก็มีแท็บเล็ตกับสมาร์ทโฟนติดกระเป๋ากันแน่ๆ ดังนั้นอะแดปเตอร์อย่าง VOLTME Revo 140 กับสายชาร์จ VOLTME RUGG CTC 100W เลยเป็นไอเท็มคู่สำคัญควรมีติดกระเป๋าเอาไว้ให้อุ่นใจ ยิ่งใครใช้โน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงหรือ MacBook...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก