สำหรับเกมมิ่งคีย์บอร์ดจาก Cougar ที่เป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตเกมมิ่งเกียร์ที่ได้การตอบรับอย่างมากในเวลานี้ มีอยู่ด้วยกันหลายซีรีส์ ซึ่งมีตั้งแต่ในรุ่น 700K, 600K และล่าสุดที่นำมาทดสอบในครั้งนี้เป็นรุ่น 500K แม้จะเป็นรุ่นน้องรอง แต่ก็ยังคงฟีเจอร์ไม่ได้ต่างไปจากรุ่นพี่มากนัก ไม่ว่าจะเป็น การโปรแกรมปุ่มได้ 6 โปรแกรมบน G-Key, N-Key rollover โดยมีซีพียู 32-bit ARM และหน่วยความจำติดตั้งมาบนบอร์ดอีกด้วย แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ การออกแบบโครงสร้างอลูมิเนียมและแป้มพิมพ์ในลักษณะของปุ่มกลไก ซึ่งหากคุณเป็นแฟนคนหนึ่งของคีย์บอร์ดแบบ Mechanical นี้ ต้องพลาดไม่ได้ เพราะนี่คือ หนึ่งในคีย์บอร์ดที่จัดฟีเจอร์มาเต็มอีกรุ่นหนึ่งในเวลานี้
Specification
แกะกล่อง Cougar 500K
มาดูที่แพ็คเกจของ Cougar 500K รุ่นนี้กันก่อน มาพร้อมบรรจุภัณฑ์ที่ดูสวยงาม ด้วยรูปของคีย์บอร์ดที่สกรีนมาเต็มหน้ากล่องและบอกรายละเอียดฟีเจอร์ในบางส่วน
เมื่อกลับอีกด้านก็จะเห็นรายละเอียดของฟีเจอร์สำคัญของคีย์บอร์ดรุ่นนี้อย่างครบครัน
เปิดกล่องออกมาจะพบคีย์บอร์ด 500K และคู่มือการใช้งาน พร้อมสติ๊กเกอร์ของ Cougar
รูปลักษณ์ของเกมมิ่งคีย์บอร์ด Cougar 500K
กล่าวได้ว่าความแตกต่างหลักของรุ่น 700K และ 500K นั้น อยู่ที่โครงสร้างของ 500K ไม่ได้เป็นอลูมิเนียม แต่เป็นพลาสติก ซึ่งก็ทำให้ตัวคีย์บอร์ดไม่หนักมากนัก เพราะทำมาจากพลาสติก ที่เน้นโทนสีดำเป็นหลัก รวมถึง 500K ยังเป็นคีย์บอร์ดแบบ Full-size ที่มาพร้อมกับคีย์ต่างๆ ครบครันและมี Num Pad อยู่ด้วย
ความแตกต่างต่อมาก็คือ 500K ไม่ได้มีคีย์เป็นแบบ Mechanical Switch แต่เป็นแบบ Membrane Keyboard โดยคีย์จะเป็นสีกำเหมือนกับตัวคีย์บอร์ดและเป็นแบบ illuminated คือเรืองแสงได้ สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของคีย์บอร์ดรุ่นนี้ก็คือ Spacebar แบบแยก โดยเหมือนถูกตัดแบ่งครึ่ง โดยทางด้านซ้ายจะถูกใช้ในการทำงานทั่วไปและทางด้านขวาจะเป็นหนึ่งในหกปุ่มโปรแกรมสำหรับ G-Key
โดยที่ปุ่ม G-Key นั้นจะปรากฏอยู่ทางด้านซ้ายของคีย์บอร์ด ในโทนสีเงิน ไม่ได้เป็นสีดำเหมือนกับปุ่มปกติ ด้านบนจะเป็นคีย์บอร์ดที่มีตัว M1-M13 ซึ่งจะใช้ในการสวิทช์ระหว่าง 3 โปรไฟล์ที่ต่างกัน และมี MR Key ที่ช่วยในการบันทึกการใช้ Macro on the fly บนปุ่ม F1-F4 สามารถเลือกใช้เป็นฟังก์ชั่นหรือการเป็นปุ่มสำหรับ Repeat rate ผู้ใช้สามารถเลือกระหว่าง 1x, 2x 4x และ 8x ได้ พร้อมการทำงานของไฟ LED ที่กำหนดให้ Repeat ได้เช่นกัน
ในส่วนตรงกันข้าม จะเป็นคีย์พิเศษ ซึ่งจะเป็นปุ่มที่ใช้ปรับแสงสว่าง, Windows lock, Play/ Pause, Stop, Back, Forward, Mute, Volume โดยมี Scroll lock และ Pause/ Break ที่้เลือกฟังก์ชั่นการใช้งานระหว่าง 6-key rollover และ N-Key rollover ได้
โดยที่คีย์บอร์ดมาพร้อมกับออพชั่นที่วางมือ ทางด้านซ้ายคือสิ่งที่เรียกว่า FPS palm rest จะเป็นส่วนที่ยกสูง ทำให้การวางมือทำได้ดีขึ้นและสะดวกสบายในการวางข้อมือ สำหรับการเล่นเกม FPS และยังสามารถถอดออกได้
เมื่อมองจากทางด้านซ้ายของคีย์บอร์ด ก็จะเห็นคีย์แถวแรกที่อยู่ขอบด้านข้างและยกตัวทำมุมเอียงไปทางด้านล่าง ซึ่งจะทำหน้าที่เหมือนปุ่มฟีตของคีย์บอร์ดที่ให้มุมในการกดที่สะดวกกว่า
ส่วนทางด้านบนขวาของคีย์บอร์ด จะเป็นพอร์ต USB สำหรับใช้ต่อพ่วงกับอุปกรณ์ USB อื่นๆ เช่นแฟลชไดรฟ์เป็นต้น
เมื่อหงายคีย์บอร์ดดูด้านใต้ จะเห็นฟีตที่เป็นตัวยกให้สูงจากพื้น 5 จุดด้วยกัน โดยเป็นแบบยางเพื่อยึดเกาะกับพื้นโต๊ะได้ดียิ่งขึ้น ป้องกันการเลื่อนหรือขยับ
สาย USB ที่มากับคีย์บอร์ด ต่อนข้างหนาและถักทอได้สวย นั่นหมายถึงความทนทานต่อแรงดึงหรือกระชากได้ดี พร้อมหัวต่อ USB ชุบทองในแบบ Gold-plated
ซอฟต์แวร์และการปรับแสงสว่างบนแป้นพิมพ์
สำหรับ Cougar 500K จะไม่ได้มีการตั้งค่าใดๆ มาเมื่อออกจากล่อง แต่ถ้าต้องการที่จะเพิ่มความสามารถให้ ผู้ใช้จะต้องดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ UIX จากทาง Cougar เมื่อติดตั้งซอฟต์แวร์แล้วเปิดขึ้นทำงานในหน้าหลัก จะช่วยให้ผู้ใช้เลือกการตั้งค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Polling rate, N-key rollover, Repeat delay และ Repeat rate acceleration โดยเลือกให้การ Repeat rate ทดสอบและเปลี่้ยนแปลงได้ถึง 3 รูปแบบโพรไฟล์ที่แตกต่างกัน
แท็ปต่อมาจะเป็นการตั้งค่าคีย์ ที่สามารถเปลี่ยนให้เหมาะตามความต้องการได้ โดยสามารถตั้งให้เป็นชอร์ตคัทหรือมาโครสำหรับ G-Key ได้
ปุ่มมาโครจัดการได้ง่ายมากๆ และเลือกตั้งได้ตามใจและบันทึกเอาไว้เป็นมาโคร เพื่อให้ระบบจดจำสำหรับการใช้ Macro on the fly ได้ตามต้องการ
สุดท้ายคือ แท็ปสำหรับควบคุมระบบแสง ซึ่งผู้ใช้เลือกตั้งค่าให้แตกต่างได้ถึง 5 รูปแบบ ระดับของไฟที่สว่างขึ้นที่ปุ่มบนคีย์บอร์ด สิ่งนี้เรียกว่าเป็น Breathing mode
และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น นั่นคือ แป้นพิมพ์ที่มีไฟส่องสว่างที่เปิดขึ้นระหว่างการทำงาน แน่นอนว่าความสว่างบนของจริงค่อนข้างชัดเจนกว่าดูในภาพ
ผลที่ได้จากการใช้งาน
สิ่งที่ดูเป็นความเปลี่ยนแปลงอย่างมากก็คือ การที่ 500K นั้นเลือกใช้ปุ่มที่เป็น membrane อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหากเป็นผู้ที่ใช้ mechanical keyboard มาก่อนอาจจะต้องปรับตัวสักเล็กน้อย ในขณะที่ 500K ก็ให้ความสะดวกสบายในระดับหนึ่้ง แม้จะเทียบไม่ได้กับ 600K และ 700K ที่ใช้ Mechanical Keyboard ก็ตาม เพราะคีย์รูปแบบนี้ให้ความรู้สึกในการกดได้ดีกว่า อย่างไรก็ดีการเปลี่ยนแปลงสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ Spacebar ที่ถูกแบ่งครึ่งในการใช้งาน เป็นอีกครั้งที่ทำให้ต้องปรับตัวอยู่บ้างในการใช้งาน
มาถึงการเล่นเกมกันบ้าง 500K มีแป้นพิมพ์ค่อนช้างมาก โดยแป้นพิมพ์ทั้งหมดสามารถใช้เป็นมาโครหรือคีย์ลัดได้ แต่ต้องเลือกระหว่างการกดซ้ำๆ ด้วยการ Repeat 1x, 2x, 4x และ 8x ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเล่นเกมที่ต้องกดปุ่มเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า แน่นอนว่ามีให้ตั้งเป็น 3 รูปแบบที่แตกต่างกัน ในการเก็บค่าต่างๆ ทั้งหมด จะถูกจัดเก็บไว้ที่แป้นพิมพ์ นอกจากนี้ด้วยที่วางมือ ที่เรียกว่า FPS Palm rest ก็ทำให้การเล่นเกม FPS สะดวกมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ส่วนคุณสมบัติเด่นอื่นๆ ของแป้นพิมพ์ทำให้สว่างเต็มที่ในสีส้มมี 5 ระดับที่แตกต่างกันและใน Breathing mode ก็เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีชุดของปุ่มมัลติมีเดียมาอย่างครบครัน ก็เป็นสิ่งที่ดีในการเล่นเกมเพราะสามารถปรับเสียงได้สะดวกหรือปิดได้ทันทีทันใด และยังมีพอร์ต USB ทำให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็น Flash drive หรือ Mouse และชุดหูฟัง สิ่งที่ทำให้คีย์บอร์ดรุ่นนี้อาจจะดูขัดไปบ้างก็คงเป็นเรื่องที่ไม่ได้เป็น Mechanical keyboard และไม่ได้เป็นอลูมิเนียมที่มีคุณภาพ เช่นเดียวกับคีย์บอร์ดรุ่นพี่ๆ แต่หากผู้ใช้สามารถปรับตัวและไม่ได้ให้ความสำคัญกับคีย์เหล่านั้นมากนัก ก็น่าจะสนุกกับเกมต่างๆ ได้อย่างสบายๆ
ที่มา : thinkcomputers