เม้าส์จัดว่าเป็นอุปกรณ์เกมมิ่งที่เกมเมอร์ทุกคนขาดไม่ได้ถึงขนาดถ้าไม่มีเม้าส์เล่นเกมก็เหมือนขาดใจกันเลยทีเดียวซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีเม้าส์จำนวนมากออกสู่ตลาดที่มาพร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยให้เพื่อนๆได้เลือกซื้อกันแต่จะมีสักกี่คนที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของเม้าส์หรือการใช้เม้าส์ที่ถูกต้องซึ่งเชื่อว่าในตอนนี้ก็อาจจะมีหลายๆคนมีความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการใช้เม้าส์กันอยู่ ทางเว็บไซต์ PCGamer จึงได้รวบรวมคำถามและประเด็นต่างๆที่เกี่ยวกับเม้าส์มาให้รับชมกันพร้อมกันนี้ก็ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญเรื่องเม้าส์คุณ François Morier ที่เป็นวิศวกรอาวุโสและคุณ Chris Pate ผู้จัดการฝ่ายสินค้าแห่งบริษัท Logitech มาให้ความรู้เพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันอีกด้วยครับ
เม้าส์ Optical มีประสิทธิภาพดีกว่าเม้าส์ Laser
ประเด็นแรกที่เกี่ยวกับเม้าส์แบบ Optical และแบบ Laser นี้ดูเหมือนผู้เชี่ยวชาญทั้งสองจะเห็นตรงกันว่าการทำงานของเม้าส์ Optical จะมีประสิทธิภาพดีกว่าเม้าส์แบบ Laser นั่นก็เพราะว่าเม้าส์แบบ Laser ถึงจะมีการเก็บรายละเอียดพื้นผิวเพื่อประมวลผลได้อย่างละเอียดก็จริงแต่เมื่อเจอกับสภาพผิวที่ขรุขระหรือมีฝุ่นหนาก็จะทำให้ตัวเซ็นเซอร์ประมวลผลได้ไม่ดีและมีอาการสับสนหรือกระตุกบ่อยครั้ง ต่างจากเม้าส์แบบ Optical ที่มีความทนทานต่อทุกสภาพผิวมากกว่าและใช้กับแผ่นรองเม้าส์ได้ทุกชนิด(มีราคาถูกกว่า) อีกด้วย
เม้าส์ที่มีประสิทธิภาพหรือความเร็วที่แตกต่างกันความแตกต่างดังกล่าวขึ้นอยู่กับค่าความเร่ง (Acceleration)
เรื่องความเร่งของเม้าส์นี้จัดว่าเป็นปัญหาที่ซับซ้อนพอสมควรแต่คุณ Pate และคุณ Morier ต่างก็ปฏเสธข้อความด้านบนว่ามันไม่เป็นความจริงแต่ก็มีส่วนถูกอยู่บ้างซึ่งค่าความเร่งนี้มันก็คือตัวช่วยเร่งความเร็วการลากเคอร์เซอร์เม้าส์ไปได้ไกลขึ้น นอกจากนี้คุณ Morier ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า
“การที่คุณเคลื่อนเม้าส์ที่มีประสิทธิภาพต่างกันด้วยความเร็วปัญหามันอยู่ที่การอ่านข้อมูลของเม้าส์ต่างหาก”
ตั้งค่า DPI สูงสุดเป็นเรื่องที่ดี
นี่ก็เป็นความเชื่อหนึ่งที่เข้าใจผิดไปมากโขถึงแม้ว่าการปรับค่าความละเอียดหรือ DPI เอาไว้สูงๆมันจะช่วยให้ลากเม้าส์ไปหาเป้าหมายได้รวดเร็วขึ้นก็ตามแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับขนาดหน้าจอคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้แต่ละคนด้วยซึ่งการใช้ค่า DPI สูงจะเหมาะกับผู้เล่นที่มีหน้าจอขนาดใหญ่มีจำนวน Pixel มากกว่ารวมไปถึงผู้เล่นที่ชอบต่อจอ 2-3 จอขึ้นไปด้วยแต่ถ้าหากหน้าจอของผู้ใช้มีขนาดเล็กหรือปกติแต่ค่า DPI ที่สูงก็จะทำให้การควบคุมเม้าส์เป็นไปอย่างลำบากและไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยหรือจะอธิบายอีกอย่างว่าถ้ามีจอขนาด 1024 x 768 และเราตั้งค่า DPI ของเม้าส์ไว้ที่ 1,000 ก็จะสามารถลากเม้าส์จากซ้ายสุดไปขวาสุดของจอในระยะทาง 1 นิ้ว ฉะนั้นแล้วค่า DPI นั้นควรจะปรับให้เหมาะสมกับขนาดของหน้าจอจะดีกว่า
เม้าส์แบบมีสายมีความแม่นยำและเร็วกว่าเม้าส์ไร้สาย (wireless)
ตามทรรศนะแล้วข้อความนี้ถือว่าเป็นจริง ณ เวลานี้เนื่องจากการส่งสัญญาณผ่านตามสายจะทำได้รวดเร็วกว่า ซึ่งเม้าส์แบบไร้สายนั้นจำเป็นจะต้องแปลงสัญญาณเป็นรูปแบบคลื่นก่อนและจุดนี้คือข้อแตกต่างอย่างชัดเจนเพราะในระหว่างที่เม้าส์ไร้สายต้องทำการแปลงสัญญาณจะทำให้เกิดการตอบสนองที่ช้ากว่าและความแม่นยำก็จะน้อยกว่าเม้าส์แบบมีสาย ทั้งนี้คุณ Morier ก็ได้เพิ่มเติมว่า
“การใช้เม้าส์แบบไร้สายควรจะเก็บตัวรับสัญญาณให้ห่างจากตัวปล่อย Wireless ไม่ว่าจากโทรศัพท์มือถือหรืออะไรก็ตามเพราะมันจะส่งสัญญาณรบกวนและจะทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานลดลง”
แต่อย่างไรก็ตามในอนาคตข้างหน้าคุณอาจจะแยกไม่ออกว่าเม้าส์ตัวไหนเป็นแบบมีสายหรือไร้สายก็เป็นได้ครับอีกทั้งความสะดวกในการพกพาก็ยังเป็นจุดเด่นที่เม้าส์แบบมีสายทำไม่ได้อีกด้วย
ปรับแต่งค่า Mouse sensitivity ใน Windows ในระดับที่ 6 จาก 11 ระดับ
แนวคิดนี้ค่อนข้างจะเก่าและโบราณไปแล้วเนื่องจากเกมในสมัยนี้ไม่มีความจำเป็นต้องปรับแต่งเม้าส์ใน Windows อีกต่อไปแล้ว การเซ็ตค่า Mouse sensitivity ไว้ที่ระดับ 6 นี้เป็นการตั้งค่าขั้นพื้นฐานเพื่อให้ใช้งานทั่วไปแต่การที่จะปรับค่านี้ให้สูงขึ้นก็ไม่ช่วยอะไรแถมยังให้การควบคุมเม้าส์เป็นไปอย่างลำบากอีก และเกมในยุคสมัยใหม่ก็สามารถตั้งค่าเหล่านี้ได้โดยตรงไม่จำเป็นต้องปรับแต่งใน Windows mouse settings ครับ
Logitech MX 518 เป็นเม้าส์ที่ได้รับสมญาว่า”เม้าส์เกมมิ่งที่ดีที่สุดตั้งแต่มีการผลิตขึ้นมา”
คำกล่าวนี้หากมองตามความจริงแล้วก็คงยังไม่ถึงในระดับนั้นแต่ว่าประสิทธิภาพกับรูปร่างที่เหมาะมือของมันก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าในสมัยก่อนมันเป็นเม้าส์ที่เกมเมอร์แทบทุกคน (โดยเฉพาะสาย FPS) หลงรักและได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2005 แต่อย่างไรก็ตาม MX 518 มันอาจจะเป็นเม้าส์ที่ดีที่สุดในวันนั้นแต่มันคงจะไม่ใช่เม้าส์ที่ดีที่สุดใน ณ วันนี้ปัจจุบันนี้
การนำเทปกาวปิดตัวเซ็นเซอร์ด้านใต้เม้าส์ครึ่งหนึ่งจะทำให้ลดค่า Lift-Off Distance
แม้ทางเทคนิคแล้วจะสามารถทำได้แต่ไม่แนะนำ ซึ่งสิ่งที่เรียกว่า Lift-Off Distance นั้นคือตัวที่บอกว่าหัวเซ็นเซอร์ของเม้าส์สามารถห่างจากพื้นได้ในระยะเท่าไหร่ถ้าหากตัวเม้าส์เลยความสูงที่กำหนดก็จะหยุดกระบวนการทันที ซึ่งค่า Lift-Off Distance ที่สูงเกินไปก็ไม่เป็นผลดีต่อเม้าส์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นเกมแนว FPS แต่การแก้ไขแบบบ้านๆด้วยการนำเทปแปะใต้ท้องนั้น คุณ Morier ได้บอกว่ามันจะส่งผลกระทบต่อตัวเซ็นเซอร์โดยตรงเพราะ LED ใต้ท้องจะฉายเพียงครึ่งเดียวซึ่งมันจะลดประสิทธิภาพการทำงานถ้าหากใช้วิธีการนี้ไปเรื่อยๆ อีกทั้งในปัจจุบันนี้ก็มีเม้าส์รุ่นใหม่หลายตัวที่มีฟีเจอร์ที่แก้ปัญหาเรื่อง Lift-Off Distanceได้แล้วและไม่จำเป็นต้องใช้เทปกาวแปะใต้ท้องเม้าส์อีก
สุดท้ายนี้ก็หวังว่าเพื่อนๆจะได้รับเกร็ดความรู้ใหม่ๆไปไม่มากก็น้อยนะครับและถ้าหากมีข้อเสนอแนะหรือเกร็ดความรู้เพิ่มเติมก็สามารถแสดงความคิดเห็นกันมาได้เลยครับ
ที่มา : PCGAMER