Connect with us

Hi, what are you looking for?

Mac Corner

MacBook Retina 12 [Early 2015] Review กับ MacBook ที่ไม่ได้เหมาะกับทุกคน !

สิ้นสุดการรอคอยของอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ Apple กับ MacBook รุ่นล่าสุด โดยมาพร้อมดีไซน์ใหม่หมดจดแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยความบางของตัวเครื่องที่บางกว่าและเบากว่า MacBook Air แบบเดิมๆ

สิ้นสุดการรอคอยของอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ Apple กับ MacBook รุ่นล่าสุด โดยมาพร้อมดีไซน์ใหม่หมดจดแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยความบางของตัวเครื่องที่บางกว่าและเบากว่า MacBook Air แบบเดิมๆ โดยมีการใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า MacBook (ในบทความรีวิวนี้ทางทีมงาน NotebookSPEC ขอเรียกว่า MacBook Retina 12 ก็แล้วกันนะครับ เพื่อความชัดเจนและแตกต่าง) สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 43,900 บาท และในสเปกที่สูงขึ้นจะอยู่ที่ 54,900 บาท จัดได้ว่ามีราคาที่สูงอยู่ หากเทียบกับ MacBook รุ่นอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีความโดดเด่นหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นครั้งของแรกกับ MacBook ที่ไร้พัดลมระบายความร้อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเลือกใช้ชิปประมวลผล Intel Core M รุ่นล่าสุด ที่แม้ประสิทธิภาพจะไม่สูงเท่ากับพวก Core i แต่กินไฟต่ำและปลดปล่อยความร้อนออกมาน้อยมาก รวมไปถึงยังมาพร้อมกับ Trackpad และคีย์บอร์ดรุ่นใหม่ อีกทั้งพอร์ตการเชื่อมต่อก็ให้มาเพียงพอร์ตเดียวอย่าง USB-C เท่านั้นเอง

Advertisement

VDO Review

Specification

สเปคภายในของตัว MacBook Retina 12 [Early 2015] จะคล้ายกับกลุ่ม Ultrabook ทั่วไปกับขนาดหน้า 12 นิ้วที่เหมาะสมกับการพกพา แต่เหนือกว่าด้วยความละเอียดระดับ Retina Display ที่ 2304 x 1440 พิกเซล กับสัดส่วน 16:10 เหมือนกับ MacBook รุ่นอื่นๆ ส่วนพาเนลเป็น IPS คุณภาพสูง ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริงและมุมมองที่กว้างขว้าง ด้านชิปประมวลผลเป็น Intel Core M ความเร็ว 1.1GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 2.4GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 2 คอร์ 4 เทรด รุ่นล่าสุดที่เน้นการประหยัดไฟและลดความร้อน โดยเป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 5 ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDRL3 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งาน ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็นแบบออนบอร์ด Intel HD Graphics 5300 ที่เรียกได้ว่าสดใหม่กว่า HD Intel Core i รุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ฮาร์ดดิสก์ SSD ยังมีความจุสูงที่ 256GB (รุ่นสูงกว่านี้จะเป็น 512GB) ทำให้มีความเร็วสูงทั้งเขียนและอ่าน พร้อมขนาดที่ไม่ต้องกังวลในการใช้งานจริงนัก

ตัวเครื่อง MacBook Retina 12 [Early 2015] ติดตั้งกล้อง Webcam ความคมชัดระดับ 480p  และไมโครโฟนแบบ Dual Microphone ไว้สำหรับแชท และวิดีโอคอลได้อย่างคมชัดลื่นไหล พอร์ตเชื่อมต่อเองก็จะมี USB-C จำนวน 1 พอร์ตเท่านั้น ซึ่งเป็น USB ที่ไว้ทั้งชาร์ทแบตเตอรี่ให้ตัวเอง หรือถ่ายโอนข้อมูลกับอุปกรณ์อื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ Apple จัดสินใจเอา Magsafe และพอร์ตอื่นๆ ออกไปหมด ส่วนช่องต่อหูฟังอย่าง Audio Combo Jack อย่างคงอยู่ปกติ แน่นอนว่ารองรับการเชื่อมไร้สายอย่าง Wireless 802.11 ac , Bluetooth 4.0 ที่สำคัญตัวเครื่องยังเบาเพียง 0.92 กิโลกรัมเท่านั้น มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Mac OS X 10.10.4 Yosemite สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 43,900 บาท ส่วนรุ่นสูงจะอยู่ที่ 54,900 บาท โดยจะแตกต่างกันที่ชิปประมวลผลที่ดีและ SSD ความจุที่สูงกว่า

  • MacBook Retina 12 [Early 2015] Core M 1.1GHz/SSD 256GB ราคา 43,900 บาท
  • MacBook Retina 12 [Early 2015] Core M 1.2GHz/SSD 512GB ราคา 54,900 บาท

Hardware / Design

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-43

ด้านดีไซน์การออกแบบ MacBook Retina 12 [Early 2015] ถือว่าเป็นความใหม่ทั้งหมดตั้งแต่มี MacBook มา เพราะด้วยความบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน กับน้ำหนักไม่ถึง 1 กิโลกรัม รวมไปถึงความบางของตัวเครื่องก็บางเพียง 0.35–1.31 ซม. เท่านั้น นอกจากนี้ยังมาพร้อม 3 สีใหม่เลือกซื้อตามสไตล์ของ iPhone, iPad เลย อาทิ สีเงิน, สีทอง และเทาสเปซเกรย์ เรียกได้ว่าเข้าคู่กับ iPhone, iPad ที่เราใช้งานอยู่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจากเท่าที่สัมผัสดูเหมือนว่าพื้นผิวตัวเครื่องจะมีความกระด้างกว่าพวก iPhone, iPad เล็กน้อย และสีสันก็แตกต่างไปคนละเฉดนิดหน่อยด้วย อย่างไรก็ตามถ้าไม่สังเกตุมากมายอะไร คงไม่ทันเห็นถึงจุดแตกต่าง

จัดได้ว่าแรกเห็น MacBook Retina 12 [Early 2015] เป็นใครก็คงต้องชอบเพราะด้วยความบางเบาและสีสันที่ Apple ไม่เคยทำมาก่อนในผลิตภัณฑ์ MacBook โดยเป็นการวมของ MacBook Air และ MacBook Pro Retina ที่ลงตัว กับขนาดหน้าจอ 12 นิ้ว แบบ Retina Display ที่สามารถรองรับการพกพาได้สะดวกสบายที่สุด ที่โดดเด่นด้วยโลโก้ MacBook ที่ได้ถูกย้ายกับขึ้นมาอยู่ที่ใต้จอเหมือนเดิมแล้ว

สำหรับวัสดุในการผลิตอย่างอะลูมิเนียมอัลลอยด์แบบเดิมที่ให้ความสวยงามและผิวสัมผัสที่ดี รวมทั้งยังใช้เทคโนโลยีการผลิตรูปแบบ Unibody อย่าง MacBook Pro หรือ MacBook Air ในรุ่นผ่านๆ มาที่ให้ในความบางเฉียบแต่มาพร้อมความแน่นหนา โดยทั้งเครื่องหลักๆ ประกอบจากอะลูมิเนียมอัลลอยด์เพียง 3 ชิ้นเท่านั้น

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-17

ถือได้ว่า Unibody เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ MacBook Retina 12 [Early 2015] เหนือกว่าคู่แข่งในเรื่องของการออกแบบให้มีความบางแต่ยังคงมีความแข็งแรงอยู่ ด้วยความที่ว่าต้องลงทุนสูงด้วยค่าเครื่องจักรตัดโลหะด้วยคอมพิวเตอร์ CNC ประกอบกับปริมาณในการผลิตต่อวัน ไม่สามารถผลิตได้จำนวนมาก ทำให้จำเป็นต้องวางแผนอย่างรอบคอบรัดกุม ซึ่งทาง Apple เองก็สามารถบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตมีต้นทุนที่ไม่สูงมากแต่สามารถจำหน่ายได้ราคา เป็นอะไรที่ผู้ผลิตรายอื่นๆ นำไปทำตามได้ยาก

MacBook Retina 12 [Early 2015] มีสิ่งที่แตกต่างจาก MacBook รุ่นอื่นๆ ในปัจจุบัน ก็คือโลโก้ Apple ตรงฝาหลังที่ไม่สามารถเปล่งแสงได้อีกต่อไป เข้าใจว่าด้วยความบางของหน้าจอทำให้เป็นข้อจำกัดของการออกแบบ เรียกได้ว่าจุดเด่นจุดขายของ MacBook Retina 12 [Early 2015] ก็หายไปเหมือนกัน ซึ่งเอาจริงๆ ก็ไม่ได้มีผลต่อการใช้งานอะไร แต่มีผลต่อความรู้สึกเฉยๆ

ต่อกันที่ด้านล่างตัวเครื่องของ MacBook Retina 12 [Early 2015] จะเห็นว่า เหมือนกับ MacBook Air โดยมีส่วนที่เป็นสีดำกลมจะเป็นยางรองตัวเครื่องทั้ง 4 ด้าน (สองตัวด้านหลังจะสูงกว่าเล็กน้อย) สำหรับส่วนของน็อตก็เป็นแบบพิเศษ ที่สำคัญยังมีสีสันตามสีของตัวเครื่องด้วย นอกจากนี้ตรงส่วนขอบด้านหน้าที่ใช้ยกฝาจอเพื่อเปิดเครื่องใช้งานก็จะมีการทำเป็นเว้าร่องลงไปเพื่อช่วยในการเปิดเครื่องที่ง่ายขึ้น

ส่วนขนาดตัวเครื่องและความบางที่ว่าไปแล้วของ MacBook Retina 12 [Early 2015] จะมีความแตกต่างจาก MacBook Pro Retina 13 และ MacBook Pro Retina 15 แค่ไหน ลองไปเทียบจากภาพกันเลย เรียกได้ว่าพอเห็นแล้ว MacBook Pro Retina ของทางทีมงานทั้งสองเครื่องจะดูใหญ่เทอะทะขึ้นมาทันที

Keyboard / Touchpad

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-29

คีย์บอร์ดของ MacBook Retina 12 [Early 2015] ได้มีความแตกต่างจากคีย์บอร์ด MacBook รุ่นอื่นๆ ที่เป็นแบบบอลลูนพอสมควร โดยมาพร้อมกับดีไซน์การทำงานใหม่อย่างปีกผีเสื้อที่เมื่อกดแล้วจะลงไปตรงๆ ไม่เด้งไปทิศทางอื่นๆ รวมไปถึงตัวแป้นแต่ละปุ่มเองก็มีความใหญ่กว่าเดิม ส่วน Layout คีย์บอร์ดยังคงเป็น 4 แถวขนาด Full Size ซึ่งในด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด แต่ก็รู้สึกแปลกออกไปเพราะตัวแป้นเองมีความตื้นมากกว่าเดิม ให้อารมณ์เด้งเท่าไม่กับคีย์บอร์ด MacBook ปกติ ซึ่งตรงจุดนี้เราเองคงต้องปรับตัวซักหน่อย เข้าใจว่าด้วยความบางของตัวเครื่องทำให้เป็นข้อจำกัด เชื่อได้ว่าใช้งานไปซักพักก็คงพิมพ์ได้ลื่นไหลเหมือนเดิม

สำหรับไฟส่องสว่างคีย์บอร์ด หรือหลายๆ คนอาจจะเรียกว่า Backlit Keyboard ตรงนี้ MacBook Retina 12 [Early 2015] ได้มีการใส่ไฟ LED เอาไว้ในแต่ละปุ่มเลย ทำให้ความสว่างี่ออกมานั้นมีความสม่ำเสมอกันมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าสามารถใช้งานจริงได้สมบูรณ์แบบ ไม่แยงตาอย่างโน๊ตบุ๊คบางรุ่นบางยี่ห้อ และสามารถปรับระดับไฟได้ตามต้องการของลักษณะแสงและ Ambient Light Sensor คอยปรับความสว่างไปอัตโนมัติอย่างนุ่มนวลทั้ง Backlit Keyboard และความสว่างของหน้าจอ ส่วนด้านบนของแป้นคีย์บอร์ดที่เป็นปุ่ม F1-F12 จะเป็นปุ่มฟังก์ชั่นการทำงานพิเศษ อาทิเช่น การปรับความสว่างหน้าจอ เพิ่มเสียงลดเสียง และเรียกใช้งาน Mission Control, Launchpad & Dock

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-27

ทัชแพดหรือใน Mac จะเรียกว่า Trackpad ยังคงมีลักษณะรูปแบบหน้าตามีการเปลี่ยนไปเล็กน้อยหากเทียบกับ MacBook รุ่นอื่นๆ ทั้ด้วยสัดส่วนและขนาดที่มีความกว้างเป็นสีเหลี่ยนผืนผ้ามากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าวัสดุที่ทำออกมายังใช้งานได้ดี สามารถลากนิ้วได้ลื่น ไม่เกิดอาการสะดุดหรือหน่วงใดๆ รวมถึงการใช้งาน Multi-Touch Gesture แต่ล่าสุดทาง Apple ได้บรรจงใส่เทคโนโลยี Force Touch แทนแบบเดิมๆ ที่เพียงคลิกได้เท่านั้น แต่รองรับถึงแรงกดระดับต่างๆ ด้วย แน่นอนว่าในการใช้งานนั้นดีกว่าแบบเดิมๆ จากการที่ได้มีการนำ Taptic Engine ที่จะสั่นตอบสนองกับแรงกดของเราเข้าไปใต้ Trackpad ด้วย ทำให้เวลาเราออกแรงกดลงไปบน Trackpad มันจะมีการสั่นที่ไม่รู้สึกว่าเป็นการสั่นเลย แต่จะรู้สึกเหมือนเป็นการคลิกซะมากกว่าด้วย (ทั้งๆ ที่เอาระบบคลิกเดิมๆ ออกไป) ซึ่งเป็นการหลอกความรู้สึกผู้ใช้งานที่เนียนๆ มาก เรียกได้ว่ามันเป็น Trackpad แบบเดิมก็เชื่อเลย แต่แค่มีลักษณะการกดที่ตื้นกว่าเดิมเท่านั้นเอง

จากการใช้งานจริงๆ ได้มีใส่น้ำหนักในการกดลงไปบน Trackpad พบว่าจะมีจังหวะความรู้สึกในการคลิกระดับที่สองเกิดขึ้น ซึ่งนั่นก็คือการทำงานของ Force Touch นั่นเอง พูดง่ายๆ ก็คือเมื่อออกแรงกดตามปกติ เราจะรู้สึกเหมือนคลิกไปแล้วหนึ่งครั้ง แต่ๆๆ ถ้าเราใส่แรงเพิ่มมากขึ้นกดต่อไปอีก มันจะเกิดความรู้สึกเหมือนคลิกที่สองที่อยู่ลึกลงไป ซึ่งเราจะเห็นผลในการใช้งานบางโปรแกรมเท่านั้นในตอนนี้

โดยรวมแล้ว Force Touch บน Trackpad เป็นอะไรที่ใหม่มากๆ สำหรับการใช้งานทัชแพด ที่เช่ือได้ว่าคงมีโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ใช้งานตามมากอีก มีความโดดเด่นในคลิกได้ทุกพื้นที่ของ Trackpad และรองรับแรงกดในหลายระดับได้ด้วย สำหรับคนที่ใช้ทัชแพดปกติหรือ Trackpad รุ่นก่อนๆ คงต้องปรับตัวกันหน่อย แต่เชื่อว่าพอได้ลองใช้งานจริงแล้วต้องชอบกันอย่างแน่นอน รวมไปถึง Force Touch บน Trackpad ยังรองรับการวาดรูปด้วยปากกาด้วยนะ อารมณ์น่าจะใกล้เคียงใช้ Wacom เลยทีเดียว ยังไงถ้ามีโอกาสเราจะมาเจาะลึกส่วนนี้กันอีกที

 

Screen / Speaker

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-19

หน้าจอของ MacBook Retina 12 [Early 2015] นี้เป็นแบบ Glare หรือจอกระจกด้วยการใช้กระจกเพียงชิ้นเดียวกั้นหน้าจอเอาไว้ ที่ให้มีสีสันที่สดใส แต่ด้วยสารเคลือบพิเศษทำให้มีแสงสะท้อนน้อยกว่าโน๊ตบุ๊คที่เป็นจอกระจกด้วยกันจะเห็นได้ชัด รวมไปถึงมีความสวยงามกว่า MacBook Air ที่เป็นพาเนล TN ปกติ ส่วนบริเวณขอบจอโดยรอบจะมียางรองไว้ป้องกันการที่ตัวเครื่องและฝากระทบกันในตอนที่ปิดฝาเครื่องลง และสำหรับเทคโนโลยีหน้าจอ Retina Display ใน MacBook Retina 12 [Early 2015] ซึ่งมีความละเอียดอยู่ที่ 2304 x 1440 พิกเซล ที่มีความหนาแน่นของพิกเซลสูงถึง 226 ppi เรียกได้ว่ามีความหนาแน่นกว่า MacBook Pro Retina 13 เล็กน้อย ซึ่งมีพื้นที่ในการใช้งานจริงมาตรฐานที่ 1280 x 800 พิกเซล  (อย่างไรก็ตามเราสามารถปรับขยายพื้นที่ได้ในการใช้งานบางกรณี แต่ก็จะสูญเสียความเป็น Retina Display ที่มีความเรียบเนียนไป)

กล้องเว็บแคมหรือที่ทาง Apple เรียกว่า FaceTime HD camera มาพร้อมกับความละเอียด 480P (มีความคมชัดน้อยกว่ารุ่นอื่นๆ) ซึ่งเมื่อใช้งานจะมีไฟสีเขียวติดขึ้นมา ที่น่าสนใจก็คือด้านข้างของกล้องยังได้มีการติดตั้ง Ambient light sensor ไว้ทำหน้าที่ในการตรวจสภาพปริมาณแสงรอบๆ เพื่อคอยปรับความสว่างหน้าจอและคีย์บอร์ดให้เหมาะสมแบบอัตโนมัติ

สำหรับบานพับของ MacBook Retina 12 [Early 2015] เป็นแบบแกนเดียวที่ให้ความแข็งแรงเมื่อใช้งานและไม่หลวมหรือคลอนง่ายๆ เมื่อใช้งานไปนานๆ ที่ได้การออกแบบดีไซน์ได้มีความแตกต่างจาก MacBook รุ่นอื่นๆ สังเกตุได้ว่ามีขนาดเล็กลง เพราะไม่จำเป็นต้องมีช่องระบายความร้อนด้วยพัดลมอีกต่อไป สำหรับการใช้งานจริงเรื่องการปิดเปิดบานพับก็ยังคงแน่นไม่ต่างไปจากเดิมเลย (เปิดได้มือเดียวเหมือนเดิม) ประกอบกับทาง Apple ยังได้มีการติดตั้งแม่เหล็กไว้บริเวณขอบฝาด้านบนไว้สองตำแหน่งทั้งซ้ายและขวา เพื่อให้ตัวเครื่องและฝาประกบกันสนิท แต่ก็ไม่ถืงกับทำให้เปิดฝาขึ้นมาใช้งานลำบากแต่อย่างใด

MacBook Retina 12 [Early 2015] ลำโพงสเตอริโอจะติดตั้งบริเวณด้านใต้ของหน้าจอ บนขอบตัวเครื่องด้านบน ที่ปกติตรงจุดนี้จะเป็นพื้นที่ว่างๆ ทั่วไปใน MacBook Pro Retina หรือ MacBook Air ที่จากการทดลองใช้งานจริง พบว่าเป็นลำโพงที่มีคุณภาพให้เสียงที่ดีกว่า MacBook Air 13 หรือ MacBook Pro Retina 13 (ในความรู้สึกขณะที่ทดสอบ) แต่ก็ยังถือว่าด้อยกว่าลำโพงของ MacBook Pro Retina 15 พอสมควร เพราะให้ได้เพียงเสียงแหลม เสียงกลางเท่านั้น โดยเสียงทุ้มที่ก็มีมาให้เรียกได้ว่าแทบไม่มี ลักษณะเสียงออกไปแนวกลางๆ ไม่ค่อยใสเคลียร์เท่าใดนัก โดยส่วนตัวจัดว่าพอฟังได้ใช้งานได้ทีเดียว แต่ถ้าให้ดีคงจะเลือกต่อลำโพงแยกหรือหูฟังมากกว่า

Connector / Thin And Weight

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-41

เป็นครั้งแรกของพอร์ต USB-C (USB Type-C) ที่มาอยู่บนผลิตภัณฑ์ Mac ของทาง Apple โดย USB-C นั้นเป็นส่วนหนึ่งของ USB 3.1 (หน้าตาและขนาดพอๆ กับสาย Lightning เลย) ที่จะมีมามากมายบนอุปกรณ์ในอนาคตอันใกล้นี้ ที่ต้องบอกว่ามีความเร็วและข้อได้เปรียบหลายๆ อย่างเมื่อเทียบกับ USB 3.0 แบบเดิมๆ ซึ่งไม่ใช่แค่โน๊ตบุ๊คเท่านั้นแต่รวมถึงอุปกรณ์อัจฉริยะอื่นๆ ด้วย ที่ในตอนนี้บางผู้ผลิตเมนบอร์ดก็กำลังเริ่มติดตั้งเข้าไปในผลิตภัณฑ์ของตนเองแล้ว

สำหรับ USB-C บน MacBook Retina 12 [Early 2015] ได้ถูกติดตั้งไว้บริวเณขอบตัวเครื่องด้านซ้าย โดยมีอยู่พอร์ตเดียวเท่านั้น เรียกว่าไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อใดๆ ที่เป็นแบบไม่ไร้สาย ก็ต้องเชื่อมต่อผ่านทาง USB-C เท่านั้น (อาศัยตัวอแดปเตอร์แปลงเป็น HDMI, VGA, USB, LAN ที่เราต้องซื้อแยกเองเอา) รวมไปพอร์ตชาร์จไฟอย่าง Macsafe ก็โดนจับไปรวมกับ USB-C ด้วย ส่งผลให้ Macsafe แบบเดิมๆ ที่มีอยู่ใน MacBook เราคุ้นเคยหายไปด้วย (จุดขายหายไปอีกหนึ่งจุดนอกจากที่ไม่มีไฟเปร่งแสงที่โลโก้ฝาหลังแล้ว)

ในมุมมองของผู้ใช้ทั่วไปแล้วอาจจะพบว่าการมาของ USB-C ในตอนนี้นั้นเร็วมากเกินไป ส่วนหนึ่งนั้นก็เนื่องมาจากการที่อุปกรณ์ในตลาดส่วนใหญ่ยังใช้ช่องเชื่อมต่อมาตรฐาน USB 2.0 หรือ 3.0 อยู่เลย ซึ่งการที่ Apple หักดิบผู้ใช้ด้วยการที่บังคับให้ใช้ USB-C ได้แค่อย่างเดียวเท่านั้นบน MacBook รุ่นใหม่ โดยหากต้องการที่จะใช้การเชื่อมต่อแบบอื่นจะต้องทำการซื้ออแดปเตอร์เพิ่มนั้นก็อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก (เพราะตอนนี้ยังไงก็ต้องซื้อมาใช้ เพื่อมาใช้อุปกรณ์ร่วมอื่นๆ) อย่างไรก็ตามจากในอดีตที่ผ่านมานั้นเราได้เห็น Apple เป็นผู้นำในเรื่องการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่ตลอด อาทิ Thunderbolt ที่ถือว่าประสบความสำเร็จระดับนึง ส่วน USB-C ครั้งนี้คงต้องติดตามกันดูอีกที

นอกเหนือจากพอร์ต USB-C ใน MacBook Retina 12 [Early 2015] ยังมีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 ม.ม. แยกอยู่นะครับ อันนี้สบายใจได้ เพราะถ้าไม่แยกก็คงใจร้ายไปหน่อย ซึ่งอยู่บริเวณขอบตัวเครื่องด้านซ้าย ติดๆ กันอยู่ก็จะเป็นไมค์แบบคู่ไว้ใช้สนทนาร่วมกับโปรแกรมหรือไว้อัดสียงนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม Apple นั้นเป็นเพียงผู้ที่เริ่มต้นก่อนเท่านั้น ด้วยความที่ USB-IF (กลุ่มผู้ดูแลและพัฒนาเทคโนโลยีพอร์ต USB) นั้นมีคู่ค้ามากกว่า 757 คู่ค้า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นระดับใหญ่ๆ ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น Acer, Dell, Samsung, Google, ASUS, Motorola และอื่นๆ ทำให้ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์อื่นๆ ในอนคตอันใกล้นี้ จะมาพร้อม USB-C เหมือนกันแน่นอน

Performance / Software

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-97

ในส่วนของประสิทธิภาพการทำงานของ MacBook Retina 12 [Early 2015] ถือได้ว่าเป็นเรื่องน่าสนใจอีกเรื่องนึง เพราะเป็น MacBook รุ่นแรกที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core M ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องของการบริโภคพลังงานที่ต่ำแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมไปถึงเป็นครั้งแรกกับชิปประมวลผลที่ไม่ต้องใช้พัดลมช่วยระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า Intel Atom แต่จากผลทดสอบต่างๆ ก็แสดงให้เห็นว่า Intel Core M ยังไม่พร้อมไปเทียบชั้นกับ Intel Core i ในเรื่องของความแรงในการทำงานแต่อย่างใด

จากการที่เราได้มีโอกาสทดสอบลองเล่นที่หน้าร้าน iStudio by Com7 สาขา Emquartier ก็พบว่าในการใช้งานทั่วๆ ไป MacBook Retina 12 [Early 2015] ก็ตอบสนองการทำงานได้เป็นอย่างดีทั้งในส่วนของระบบโดยรวมและการใช้งานเว็บบราวเซอร์ในเบื้องต้น แต่ถ้าหากเปิดเว็บบราวเซอร์หลายๆ หน้าต่าง หรือเปิดโปรแกรมหลายๆ โปรแกรมก็มีอาการหน่วงให้เห็นบ้างเล็กน้อย รวมไปถึงทางทีมงานได้มีโอกาสติดตั้งโปรแกรมอย่าง Adobe Photoshop CC และ Adobe Lightroom CC เพื่อใช้งานการประมวลผล ในส่วนของโปรเซสไฟล์ RAW และไฟล์ภาพความละเอียดสูง ก็เห็นได้ว่ามีความช้ากว่า MacBook Air หรือถ้าเทียบกับ MacBook Pro Retina ก็ยิ่งดูช้าไปอีก อันนี้ต้องบอกก่อนว่าส่วนตัวของผู้ทดสอบเองใช้งาน MacBook Pro Retina 15 อยู่แล้ว รวมไปถึงผู้ร่วมทดสอบก็ใช้งาน MacBook Pro Retina 13 อยู่แล้ว จึงบอกความรู้สึกได้เมื่อเทียบกับ MacBook รุ่นอื่นๆ

นอกเหนือจากนี้เมื่อทางทีมงานได้ทดสอบประสิทธิภาพความเร็วของ SSD ภายในตัวเครื่อง ก็เห็นว่ามีความช้ากว่า MacBook รุ่นใหม่ๆ ที่เป็นปี 2015 ประมาณเท่าตัวได้ ซึ่งอันนี้ก็ไม่ทราบว่าทำไมทาง Apple ถึงไม่ใช่ SSD ในรุ่นความเร็วเท่าๆ กับรุ่นอื่นๆ (แต่ก็เร็วกว่า SSD ในโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นแล้ว) หรืออาจจะเป็นข้อจำกัดบ้างอย่างอันนี้ก็ไม่ทราบได้เช่นกัน แต่จะว่าไปแล้วในการใช้งานทั่วๆ ไป ก็ไม่ได้มีผลอะไรทำให้การทำงานของระบบช้า ที่จะทำให้ช้าน่าจะเป็นคอขวดส่วนของชิปประมวลผล Intel Core M มากกว่า

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่า MacBook Retina 12 [Early 2015] จะมาพร้อมกับฮาร์ดแวร์ใหม่ทั้งหมดจนอาจจะทำให้หลายๆ คนประทับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหน่วยประมวลผล Intel Core M ที่ทำให้ Apple สามารถออกแบบให้ MacBook รุ่นใหม่นี้สามารถที่จะระบายความร้อนได้แบบไม่ต้องพึ่งพัดลม แต่ Intel Core M ที่ทาง Apple เลือกมาใช้เป็นหน่วยประมวลผลหลักก็ไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรเลยในเรื่องของประสิทธิภาพการทำงาน

และแม้ว่า Intel Core M ที่อยู่บน MacBook Retina 12 [Early 2015] นั้นจะมาพร้อมกับเทคโนโลยี  Turbo Boost technology ที่สามารถเพิ่มความเร็วของหน่วยประมวลผลไปมากกว่าเดิมขณะใช้งาน(เมื่อต้องการการทำงานที่ระดับมากกว่าปกติ โดยสามารถเพิ่มความเร็วไปได้ถึง 2.4 GHz ในรุ่นราคา 43,900 บาท และ 2.6 GHz ในรุ่นราคา 54,900 บาท) ทว่าจากผลการทดสอบในต่างประเทศและจากการที่ทีมงานได้ทดลองใช้งานจริงๆ ก็ไม่ได้ดูเหมือน MacBook Retina 12 [Early 2015] นั้นจะน่าสนใจไปมากกว่า MacBook Air  หรือ MacBook Pro Retina รุ่นใหม่นัก ในแง่ของประสิทธิภาพการประมวลผล

ถ้าถามว่า MacBook รุ่น 2015 นั้นเหมาะสมกับใคร คำตอบก็คงเหมือนกับย้อนกลับไปเมื่อปี 2008 ที่ทาง Apple เปิดตัว MacBook Air ออกมาอย่างเป็นทางการครั้งแรก ซึ่งนั่นก็คือคนที่อยากได้โน๊ตบุ๊คที่มีความสดใหม่ มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย (อาจจะมากจนเกินไปสำหรับบางคน) รวมไปถึงผู้ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คที่มีรูปทรงสวยงามน้ำหนักเบา และบางกว่าปกติพกพาไปไหนสะดวก ที่สำคัญก็คือคนคนนั้นต้องมั่นใจว่าต้องการที่จะเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีจริงๆ เพราะ MacBook Retina 12 [Early 2015] นั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นอุปกรณ์สำหรับอนาคต ซึ่งเชื่อได้ว่าถ้าใครยังไม่รีบ แนะนำให้รอซื้อ MacBook Retina 12 ในรุ่นต่อๆ ไป น่าจะมีชิปประมวลผล Intel Core M ที่ตอบสนองได้ดีกว่า

Battery / Heat / Noise

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-81

ในการทดสอบเรื่องของการใช้งานแบตเตอรี่ที่มีความจุ 5263 mAh บน MacBook Retina 12 [Early 2015] นั้น ด้วยความที่เป็นระบบปฏิบัติการ OS X จึงสามารถจัดการพลังงานได้อย่างสมบูรณ์ โดยในสถานะเครื่องเปิดไว้เฉยในสถานะแบตเตอรี่ 100% โดยทดสอบตามสถานะการใข้งานจริงด้วยการปรับความสว่างบนหน้าจออยู่ที่ 50% และไฟคีย์บอร์ด Backlit ปรับไว้ที่ 50% เช่นกัน ผลเวลาที่ได้ออกมาจะอยู่ที่ประมาณ 8 ชั่วโมงกว่าๆ (ไม่ได้ทดสอบจริงๆ แต่เป็นดูการวิเคราะก์ของระบบ)

เรื่องความร้อนของเครื่องอุณหภูมิที่ออกมาจัดได้ว่าค่อนข้างเย็นกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป ส่วนตัวเครื่องอุณหภูมิโดนรอบตัวเครื่องทั้งหมดก็ถือว่ามีอุณหภูมิที่ต่ำ เนื่องด้วยความสามารถของตัววัสดุที่ช่วยถ่ายเทความร้อนออกไปได้เร็ว รวมไปถึงชิปประมวลผล Intel Core M ก็มีการกินไฟที่ต่ำ แบบที่ไม่จำเป็นต้องใช้พัดลมระบายความร้อนทีเดียว

อย่างไรก็ตามส่วนบริเวณของกลางเครื่องที่เป็นที่อยู่ของชิปประมวลผลจะเห็นว่ามีอุณหภูมิที่ค่อนข้างสูงกว่าบริเวณอื่นๆ แต่การใช้งานจริงเพียงแค่รู้สึกร้อนๆ นิดหน่อยเท่านั้นเวลาใช้งานจริงๆ สรุปรวมๆ แล้วถึงแม้จะไม่มีพัดลมช่วยระบายความร้อนก็ยังสามารถระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี (กรณีที่ไม่ได้ใช้งานหนักๆ) อย่างไรก็ตามขอแนะนำว่าหากจำเป็นต้องใช้งานหนักหรือประมวลผลสูงๆ ก็ให้มาใช้ในห้องที่เย็นหน่อย นอกจากนี้เครื่องของ MacBook Retina 12 [Early 2015] ยังสามารถคลายความร้อนได้อย่างรวดเร็วจากบอดี้ที่เป็นวัสดุอะลูมิเนียมอัลลอยด์อีกด้วย เพราะฉะนั้นไม่ติดฟิล์มไม่ใส่เคสที่ตัวเครื่องจะดีที่สุดครับ

Conclusion / Award

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-3

สำหรับ MacBook Retina 12 ถือได้ว่าเป็นปรากฎการณ์ใหม่ของวงการโน๊ตบุ๊คทีเดียว เพราะมาพร้อมทั้งความบางเฉียบ ดีไซน์โดดเด่น มีสามสีให้เลือก และที่สำคัญยังได้ติดตั้งพอร์ตการเชื่อมต่อมาเพียงพอร์ตเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ USB-C (ยังมีช่องหูฟังปกตินะ) ซึ่งทำให้ใครหลายๆ คนได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย ทั้งในแง่ขอชื่นชมว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ดูลงตัวที่สุดรุ่นหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คแห่งอนาคตก็ว่าได้ แต่ถ้ามองในแง่ลบ ก็จะเห็นว่าทำไมถึงให้พอร์ตมาเพียงพอร์ตเดียว แถมยังมีราคาสูงเทียบเท่า MacBook Pro Retina 13 อีกด้วย ทั้งๆ ที่ประสิทธิภาพไม่ได้เลยMacBook Retina 12 Early 2015 Review-4

ซึ่งในบทความรีวิวนี้ทำให้เห็นได้ว่า MacBook Retina 12 [Early 2015] ไม่ได้เหมาะกับใครหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core M เป็นชิปประมวลผลจากทาง Intel ที่มาพร้อมกับความสามารถประหยัดพลังงานรุ่นล่าสุด ที่สำคัญยังปลดปล่อยความร้อนออกมาได้น้อย จนไม่จำเป็นต้องมีพัดลมเพื่อใช้ระบายความร้อนอีกต่อไป โดยจัดว่าเป็นสถาปัตยกรรม Gen 5 ที่ในฝั่งของระบบปฏิบัติการ Windows จะเห็นเป็นไฮบริดโน๊ตบุ๊ค แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นำมาใช้กับ MacBook Retina 12  [Early 2015] ที่เน้นในเรื่องของความบางและไร้พัดลม ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดีที่ได้รับการพัฒนามาจากทาง Intel

อย่างไรก็ตามก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของประสิทธิภาพอยู่ เพราะจากการที่ทีมงานได้ทดลองใช้งาน MacBook Retina 12 [Early 2015] ที่ร้าน BaNANA IT และเคยรีวิว Lenovo Yoga 3 Pro มาแล้ว ซึ่งใช้ชิปประมวลผล Intel Core M มารุ่นใกล้เคียงกัน จะเห็นได้ชัดเลยว่า พลังในการประมวลผลนั้นมีความสามารถที่ลดลงพอสมควรเมื่อเทียบกับ Intel Core i ตระกูล U แน่นอนว่าถ้าใครจะใช้งานที่เน้นประสิทธิภาพเป็นหลัก MacBook Retina 12 ที่ใช้ Intel Core M ไม่น่าจะใช่คำตอบเท่าไหร่ (ถ้าการใช้งานทั่วไปล่ะโอเคเลย) ซึ่งถ้าให้เทียบประสิทธิภาพมันก็มีความแรงแค่ MacBook Air เมื่อ 3-4 ปีก่อนเท่านั้น

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-80

อีกทั้งด้วยความที่ว่า MacBook Retina 12 [Early 2015] นั้นได้รับการติดตั้งพอร์ต USB-C มาเพียงพอร์ตเดียวเท่านั้น เนื่องมาจากต้องการให้ตัวเครื่องมีความบางและเบาอย่างที่สุด ซึ่งถ้าใครจะใช้งานพอร์ตอื่นๆ (อาทิ USB 3.0, VGA, HDMI, Display Port) ก็ต้องต่อผ่านอแดปเตอร์เอา โดยรุ่นที่ครบๆ จะมีราคา 2,990 บาท ที่ถึงแม้ว่าจะดีแค่ไหนในแง่ของประสิทธิภาพความเร็ว ความครบครัน แต่ก็ไม่ตอบโจทย์ของใครหลายๆ คนเช่นกัน

เพราะในการใช้งานจริงของคนทั่วไปรวมไปถึงตัวผู้รีวิวเอง จำเป็นใช้พอร์ต USB และ HDMI อย่างเป็นประจำ ถ้าขืนต้องต่อผ่านอแดปเตอร์ตลอดเวลาก็คงยุ่งยากแย่ อีกทั้งต้องพาลไปซื้ออแดปเตอร์เพื่อมาใช้งานอีก ทั้งๆ ที่โน๊ตบุ๊คหรือ MacBook รุ่นอื่นๆ ก็ตามเค้ามีหมด เพราะถือว่าเป็นพอร์ตพื้นฐาน เรียกได้ว่าคนที่จะซื้อ MacBook Retina 12 [Early 2015] มาใช้งานนั้น ต้องไม่ค่อยเชื่อมต่ออะไรกับใคร ไม่ก็เน้นใช้งานไร้สายไปเลย อันนี้ก็ขึ้นอยู่ไลฟสไตล์ของแต่ละคนจริงๆ

นอกจากนี้ MacBook Retina 12 [Early 2015] จัดได้ว่ามีราคาเริ่มต้นที่ค่อนข้างสูงทีเดียวเมื่อเทียบกับ MacBook Pro Retina 13 ที่ใช้เทคโนโลยีหน้าจอ Retina Display เหมือนกัน แต่กลับมาพร้อมคุณสมบัติที่ดีกว่าทั้งในแง่ของประสิทธิภาพและการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core i ตระกูล M ที่ให้ประสิทธิภาพที่ค่อยข้างสูง ครอบคลุมหลากหลายงาน ไม่ว่าจะเป็น เล่นอินเตอร์เน็ต ดูภาพยนตร์ความละเอียดสูง หรือแม้กระทั่งงานตัดต่อวีดีโอ รวมไปถึงการเล่นเกม 3 มิติ เพราะมาพร้อมกับการ์ดจอภายในระดับสูงอย่าง Intel HD 6100 ส่วน ซึ่งต้องบอกว่า MacBook Retina 12 [Early 2015] เป็นอย่างเห็นได้ชัด โดยส่วนที่ดีกว่านั้นจะมีเพียง SSD ขนาด 256GB ที่มากกว่าเท่านั้น ในรุ่นที่ราคาเดียวกันที่ 43,900 บาท (MacBook Pro Retina 13 ตัว SSD จะมีขนาด 128GB)

Screen Shot 2558-03-10 at 01.51.14

ในเรื่องของการเชื่อมต่อก็เช่นกัน พอร์ตการเชื่อมต่อของ MacBook Pro Retina 13 มีความครบครันกว่ามาก โดยมีทั้งพอร์ต USB 3.0 จำนวน 2 พอร์ต / Thunderbolt 2 จำนวน 2 พอร์ต / HDMI จำนวน 1 พอร์ต ที่ต้องบอกว่าแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับ MacBook Retina 12 ที่มีเพียงพอร์ต USB-C เท่านั้น แน่นอนว่าถ้าใครต้องใช้พอร์ต USB และ HDMI เป็นประจำคงไม่สะดวกอย่างแน่แท้ ส่งผลให้ในงบประมาณที่เท่าๆ กัน MacBook Pro Retina 13 สามารถเอาไปใช้งานได้ดีกว่า ต่อให้ MacBook Retina 12 จะเบาและเบางกว่าก็ตามที

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-8

อย่างไรก็ตาม MacBook Retina 12 [Early 2015] จะสวยหรู จะไฮโซแค่ไหน จะบางเบาเอาเพียงไร ก็ไม่สามารถตอบโจทย์การใช้งานจริงของใครหลายๆ คนได้ แต่ก็นั่นแหละครับ Apple คงมองแล้วว่าคงมีกลุ่มคนที่จะซื้อ MacBook Retina 12 [Early 2015] อย่างแน่นอน เพราะจากความแตกต่างที่ไม่เคยทำมาก่อน อีกทั้งยังมาให้เลือกถึง 3 สีสันด้วยกัน ซึ่งก็น่าจะเป็นที่ต้องการของคนบางกลุ่มที่ไม่ต้องการซ้ำใครและต้องการประสบการณ์การใช้งานที่แตกต่าง อารมณ์ก็อาจจะคล้ายๆ คนที่ซื้อรถยนต์เหมือนกัน ถ้าใครพอมีความรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์มาบ้างก็น่าจะพอเข้าใจอยู่

ถ้าถามว่าโน๊ตบุ๊คที่ใช้ MacBook Retina 12 [Early 2015] เหมาะกับบุคคลประเภทไหน ก็คงต้องตอบว่าเป็นคนที่ใช้งานทั่วไปเช่นการท่องเน็ต ดูหนังฟังเพลงเล็กน้อย แต่ถ้าจะใช้งานหนักๆ อย่างเช่นนำมาตัดต่อภาพหรือวีดีโอ หรือจะใช้งานเพื่อการเล่นเกมแล้วนั้น บอกเลยว่า MacBook ที่ใช้หน่วยประมวลผล Intel Core M อาจจะยังไม่เหมาะสมสำหรับคุณในตอนนี้

สำหรับทีมงานก็คงนิยามให้ MacBook Retina 12 [Early 2015] สั้นๆ ว่า “โน๊ตบุ๊คดีไซน์อนาคต ประสิทธิภาพย้อนอดีต ในราคาค่าตัวปัจจุบัน”

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง iStudio by Com7 สาขา Emquartier นะครับ ที่ให้โอกาสในการรีวิว MacBook Retina 12 [Early 2015] ที่หน้าร้าน

จุดเด่น

  • เป็นโน๊ตบุ๊คขนาด 12 นิ้ว มีขนาดบาง น้ำหนักเบา สามารถพกพาไปได้สะดวก
  • มีประสิทธิภาพในการใช้งานได้เป็นอย่างดี ด้วยชิปประมวลผล, แรม และ SSD
  • Retina Display หน้าจอจอความละเอียดสูง ภาพคมชัด พาเนล IPS ให้สีสันที่ดี มุมมองกว้าง
  • เปิดเครื่องหรือตื่นจากโหมด Sleep, Boot เครื่อง และเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้อย่างรวดเร็ว
  • ดีไซน์การออกแบบสวยและงานประกอบมีความประณีต
  • วัสดุชั้นดีอย่างอะลูมิเนียมแบบ Unibody ตัวเครื่องแข็งแรง
  • มีสามสีให้เลือก คือ สีเงิน ทอง เทาสเปซเกรย์
  • มีไฟ Backlit Keyboard ที่ใช้งานได้อย่างสบายตา แต่ละปุ่มมี 1 ไฟ LED
  • Force Touch TrackPad เป็นเทคโนโลยีใหม่ สามารถตอบสนองการใช้งานได้ดี
  • แป้นคีย์บอร์ดมีขนาดใหญ่ขึ้น กว่าแป้น MacBook รุ่นอื่นๆ
  • มีช่องทางเชื่อมต่อความเร็วสูงรุ่นล่าสุดอย่าง USB-C
  • ระบบระบายความร้อนเป็นแบบไร้พัดลม ทำให้ไม่มีเสียงรบกวน
  • ใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานประมาณ 9 ชั่วโมง
  • มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Mac OS X 10.10 ที่มีคุณสมบัติมากมาย

ข้อสังเกต

  • ชิปประมวลผล Intel Core M เป็นรองเรื่องความแรงพอสมควร เมื่อเทียบกับ Intel Core i
  • สเปกฮาร์ดแวร์ภายในต่อราคาจำหน่ายไม่ค่อยมีความคุ้มค่ามากนัก เมื่อเทียบกับ MacBook รุ่นอื่นๆ
  • หากอุณหภูมิสูงภายในตัวเครื่องสูง จะใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร
  • ด้วยวัสดุเป็นอะลูมิเนียม ถ้าปลั๊กไม่มีการเดินสายดินไว้ อาจเกิดไฟดูดบ้างเล็กน้อย
  • ไม่สามารถอัพเกรดใดๆ ได้เลยในภายหลัง
  • ในการแกะฝาใต้เครื่องทำได้ยาก เพราะต้องใช้ไขควงเฉพาะ
  • มีเพียงพอร์ต USB-C เพียงพอร์จเดียวเท่านั้น
  • ราคาของอุปกรณ์ที่ใช้งานกับพอร์ต USB-C ยังมีราคาที่ค่อนข้างแพง
  • คีย์บอร์ดแบบผีเสื้อรู้สึกตื้นกว่าคีย์บอร์ดทั่วไป
  • พอร์ตสำหรับการชาร์จไฟ Magsafe ถูกตัดทิ้งไป
  • ไม่มีโลโก้เปล่งแสงที่ฝาหลังอีกต่อไป
  • กล้องความละเอียดต่ำ อยู่ที่เพียงระดับ 480p เท่านั้น
  • สีตัวเครื่อง จะเป็นสีคนละเฉดกับ iPhone, iPad

Award

โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 12 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง MacBook Retina 12 [Early 2015] ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้

Best Design

เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Apple มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดใน MacBook Retina 12 [Early 2015] ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรู ประกอบการงานการประกอบระดับคุณภาพ ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ซึ่งความบางและความเบาของตัวเครื่องก็ถือว่าทำได้ดีกว่า MacBook ทั้งหมดอีกด้วย

award_use_2_create_12

Best Mobility

ส่วนของความสามารถในการพกพาก็อยู่ในระดับที่เหนือกว่า MacBook ทั้งหมด ทั้งในความบางเพียง0.35–1.31 ซม. และน้ำหนักเบา 0.92 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะมีปัญหาอีกด้วย เพราะฮาร์ดแวร์ไม่ได้ใช้ฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก เรียกได้ว่าในการพกพาไปไหนมา ก็ตอบโจทย์ทีเดียว เทียบเท่าแล้วหนักกว่า iPad Air ใส่เคสเล็กน้อยเท่านั้นเอง

award_use_2_create_23

Best Technology

นอกเหนือจากสเปกตัวเครื่อง MacBook Retina 12 [Early 2015] จะมีความใหม่สดแล้ว ยังได้มีการเลือกใช้ชิปประมวลผล Intel Core M ที่ไร้พัดลม และมีในส่วนของพอร์ตความเร็วสูง USB-C ที่เคยมีในโน๊ตบุ๊ครุ่นไหนมาก่อน อีกทั้งในเรื่องของหน้าจอและความละเอียดจอก็มาในระดับที่สูงยังมาเป็นแบบ Retina Display ที่เป็นพาเนลจอคุณภาพสูงระดับมืออาชีพอย่าง IPS กับความละเอียด 2304 x 1440 พิกเซล ที่ให้ในส่วนของสีสันที่สวยสมจริงและมุมมองกว่าหน้าจอแบบเดิมๆ นอกจากนี้ยังจัดเต็มด้วย Trackpad และคีย์บอร์ดรุ่นใหม่ด้วย

award_use_2_create_16

Best Battery Life

แม้ว่าในตัวของ MacBook Retina 12 [Early 2015] จะอัดแน่นไปด้วยสเปกหรือเทคโนโลยีต่างๆ แต่ในเรื่องของการใช้งานของแบตเตอรี่ก็ถือว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉลี่ยแล้วถ้าใช้งานทั่วไปจะอยู่ได้นานถึงประมาณ 9 ชั่วโมงด้วยกัน ในส่วนนี้ก็เป็นผลมาจากการที่ Apple ได้ใส่แบตเตอรี่แบบลิเธียมโพลิเมอร์ความจุสูงเข้าไปตามตัวเครื่องแบบพิเศษ อีกทั้งระบบปฏิบัติการ OS X 10.10 ก็เป็นตัวช่วยจัดการพลังงานได้เป็นอย่างดี โดยที่เราไม่จำเป็นต้องปรับค่าเองแต่อย่างใดเลย

award_use_2_create_20

VDO Review

Specification

สเปคภายในของตัว MacBook Retina 12 [Early 2015] จะคล้ายกับกลุ่ม Ultrabook ทั่วไปกับขนาดหน้า 12 นิ้วที่เหมาะสมกับการพกพา แต่เหนือกว่าด้วยความละเอียดระดับ Retina Display ที่ 2304 x 1440 พิกเซล กับสัดส่วน 16:10 เหมือนกับ MacBook รุ่นอื่นๆ ส่วนพาเนลเป็น IPS คุณภาพสูง ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริงและมุมมองที่กว้างขว้าง ด้านชิปประมวลผลเป็น Intel Core M ความเร็ว 1.1GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 2.4GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 2 คอร์ 4 เทรด รุ่นล่าสุดที่เน้นการประหยัดไฟและลดความร้อน โดยเป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 5 ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDRL3 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งาน ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็นแบบออนบอร์ด Intel HD Graphics 5300 ที่เรียกได้ว่าสดใหม่กว่า HD Intel Core i รุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ฮาร์ดดิสก์ SSD ยังมีความจุสูงที่ 256GB (รุ่นสูงกว่านี้จะเป็น 512GB) ทำให้มีความเร็วสูงทั้งเขียนและอ่าน พร้อมขนาดที่ไม่ต้องกังวลในการใช้งานจริงนัก

ตัวเครื่อง MacBook Retina 12 [Early 2015] ติดตั้งกล้อง Webcam ความคมชัดระดับ 480p  และไมโครโฟนแบบ Dual Microphone ไว้สำหรับแชท และวิดีโอคอลได้อย่างคมชัดลื่นไหล พอร์ตเชื่อมต่อเองก็จะมี USB-C จำนวน 1 พอร์ตเท่านั้น ซึ่งเป็น USB ที่ไว้ทั้งชาร์ทแบตเตอรี่ให้ตัวเอง หรือถ่ายโอนข้อมูลกับอุปกรณ์อื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ Apple จัดสินใจเอา Magsafe และพอร์ตอื่นๆ ออกไปหมด ส่วนช่องต่อหูฟังอย่าง Audio Combo Jack อย่างคงอยู่ปกติ แน่นอนว่ารองรับการเชื่อมไร้สายอย่าง Wireless 802.11 ac , Bluetooth 4.0 ที่สำคัญตัวเครื่องยังเบาเพียง 0.92 กิโลกรัมเท่านั้น มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Mac OS X 10.10.4 Yosemite สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 43,900 บาท ส่วนรุ่นสูงจะอยู่ที่ 54,900 บาท โดยจะแตกต่างกันที่ชิปประมวลผลที่ดีและ SSD ความจุที่สูงกว่า

  • MacBook Retina 12 [Early 2015] Core M 1.1GHz/SSD 256GB ราคา 43,900 บาท
  • MacBook Retina 12 [Early 2015] Core M 1.2GHz/SSD 512GB ราคา 54,900 บาท

Hardware / Design

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-43

ด้านดีไซน์การออกแบบ MacBook Retina 12 [Early 2015] ถือว่าเป็นความใหม่ทั้งหมดตั้งแต่มี MacBook มา เพราะด้วยความบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน กับน้ำหนักไม่ถึง 1 กิโลกรัม รวมไปถึงความบางของตัวเครื่องก็บางเพียง 0.35–1.31 ซม. เท่านั้น นอกจากนี้ยังมาพร้อม 3 สีใหม่เลือกซื้อตามสไตล์ของ iPhone, iPad เลย อาทิ สีเงิน, สีทอง และเทาสเปซเกรย์ เรียกได้ว่าเข้าคู่กับ iPhone, iPad ที่เราใช้งานอยู่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจากเท่าที่สัมผัสดูเหมือนว่าพื้นผิวตัวเครื่องจะมีความกระด้างกว่าพวก iPhone, iPad เล็กน้อย และสีสันก็แตกต่างไปคนละเฉดนิดหน่อยด้วย อย่างไรก็ตามถ้าไม่สังเกตุมากมายอะไร คงไม่ทันเห็นถึงจุดแตกต่าง

จัดได้ว่าแรกเห็น MacBook Retina 12 [Early 2015] เป็นใครก็คงต้องชอบเพราะด้วยความบางเบาและสีสันที่ Apple ไม่เคยทำมาก่อนในผลิตภัณฑ์ MacBook โดยเป็นการวมของ MacBook Air และ MacBook Pro Retina ที่ลงตัว กับขนาดหน้าจอ 12 นิ้ว แบบ Retina Display ที่สามารถรองรับการพกพาได้สะดวกสบายที่สุด ที่โดดเด่นด้วยโลโก้ MacBook ที่ได้ถูกย้ายกับขึ้นมาอยู่ที่ใต้จอเหมือนเดิมแล้ว

สำหรับวัสดุในการผลิตอย่างอะลูมิเนียมอัลลอยด์แบบเดิมที่ให้ความสวยงามและผิวสัมผัสที่ดี รวมทั้งยังใช้เทคโนโลยีการผลิตรูปแบบ Unibody อย่าง MacBook Pro หรือ MacBook Air ในรุ่นผ่านๆ มาที่ให้ในความบางเฉียบแต่มาพร้อมความแน่นหนา โดยทั้งเครื่องหลักๆ ประกอบจากอะลูมิเนียมอัลลอยด์เพียง 3 ชิ้นเท่านั้น

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-17

ถือได้ว่า Unibody เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ MacBook Retina 12 [Early 2015] เหนือกว่าคู่แข่งในเรื่องของการออกแบบให้มีความบางแต่ยังคงมีความแข็งแรงอยู่ ด้วยความที่ว่าต้องลงทุนสูงด้วยค่าเครื่องจักรตัดโลหะด้วยคอมพิวเตอร์ CNC ประกอบกับปริมาณในการผลิตต่อวัน ไม่สามารถผลิตได้จำนวนมาก ทำให้จำเป็นต้องวางแผนอย่างรอบคอบรัดกุม ซึ่งทาง Apple เองก็สามารถบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตมีต้นทุนที่ไม่สูงมากแต่สามารถจำหน่ายได้ราคา เป็นอะไรที่ผู้ผลิตรายอื่นๆ นำไปทำตามได้ยาก

MacBook Retina 12 [Early 2015] มีสิ่งที่แตกต่างจาก MacBook รุ่นอื่นๆ ในปัจจุบัน ก็คือโลโก้ Apple ตรงฝาหลังที่ไม่สามารถเปล่งแสงได้อีกต่อไป เข้าใจว่าด้วยความบางของหน้าจอทำให้เป็นข้อจำกัดของการออกแบบ เรียกได้ว่าจุดเด่นจุดขายของ MacBook Retina 12 [Early 2015] ก็หายไปเหมือนกัน ซึ่งเอาจริงๆ ก็ไม่ได้มีผลต่อการใช้งานอะไร แต่มีผลต่อความรู้สึกเฉยๆ

ต่อกันที่ด้านล่างตัวเครื่องของ MacBook Retina 12 [Early 2015] จะเห็นว่า เหมือนกับ MacBook Air โดยมีส่วนที่เป็นสีดำกลมจะเป็นยางรองตัวเครื่องทั้ง 4 ด้าน (สองตัวด้านหลังจะสูงกว่าเล็กน้อย) สำหรับส่วนของน็อตก็เป็นแบบพิเศษ ที่สำคัญยังมีสีสันตามสีของตัวเครื่องด้วย นอกจากนี้ตรงส่วนขอบด้านหน้าที่ใช้ยกฝาจอเพื่อเปิดเครื่องใช้งานก็จะมีการทำเป็นเว้าร่องลงไปเพื่อช่วยในการเปิดเครื่องที่ง่ายขึ้น

ส่วนขนาดตัวเครื่องและความบางที่ว่าไปแล้วของ MacBook Retina 12 [Early 2015] จะมีความแตกต่างจาก MacBook Pro Retina 13 และ MacBook Pro Retina 15 แค่ไหน ลองไปเทียบจากภาพกันเลย เรียกได้ว่าพอเห็นแล้ว MacBook Pro Retina ของทางทีมงานทั้งสองเครื่องจะดูใหญ่เทอะทะขึ้นมาทันที

Keyboard / Touchpad

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-29

คีย์บอร์ดของ MacBook Retina 12 [Early 2015] ได้มีความแตกต่างจากคีย์บอร์ด MacBook รุ่นอื่นๆ ที่เป็นแบบบอลลูนพอสมควร โดยมาพร้อมกับดีไซน์การทำงานใหม่อย่างปีกผีเสื้อที่เมื่อกดแล้วจะลงไปตรงๆ ไม่เด้งไปทิศทางอื่นๆ รวมไปถึงตัวแป้นแต่ละปุ่มเองก็มีความใหญ่กว่าเดิม ส่วน Layout คีย์บอร์ดยังคงเป็น 4 แถวขนาด Full Size ซึ่งในด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด แต่ก็รู้สึกแปลกออกไปเพราะตัวแป้นเองมีความตื้นมากกว่าเดิม ให้อารมณ์เด้งเท่าไม่กับคีย์บอร์ด MacBook ปกติ ซึ่งตรงจุดนี้เราเองคงต้องปรับตัวซักหน่อย เข้าใจว่าด้วยความบางของตัวเครื่องทำให้เป็นข้อจำกัด เชื่อได้ว่าใช้งานไปซักพักก็คงพิมพ์ได้ลื่นไหลเหมือนเดิม

สำหรับไฟส่องสว่างคีย์บอร์ด หรือหลายๆ คนอาจจะเรียกว่า Backlit Keyboard ตรงนี้ MacBook Retina 12 [Early 2015] ได้มีการใส่ไฟ LED เอาไว้ในแต่ละปุ่มเลย ทำให้ความสว่างี่ออกมานั้นมีความสม่ำเสมอกันมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าสามารถใช้งานจริงได้สมบูรณ์แบบ ไม่แยงตาอย่างโน๊ตบุ๊คบางรุ่นบางยี่ห้อ และสามารถปรับระดับไฟได้ตามต้องการของลักษณะแสงและ Ambient Light Sensor คอยปรับความสว่างไปอัตโนมัติอย่างนุ่มนวลทั้ง Backlit Keyboard และความสว่างของหน้าจอ ส่วนด้านบนของแป้นคีย์บอร์ดที่เป็นปุ่ม F1-F12 จะเป็นปุ่มฟังก์ชั่นการทำงานพิเศษ อาทิเช่น การปรับความสว่างหน้าจอ เพิ่มเสียงลดเสียง และเรียกใช้งาน Mission Control, Launchpad & Dock

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-27

ทัชแพดหรือใน Mac จะเรียกว่า Trackpad ยังคงมีลักษณะรูปแบบหน้าตามีการเปลี่ยนไปเล็กน้อยหากเทียบกับ MacBook รุ่นอื่นๆ ทั้ด้วยสัดส่วนและขนาดที่มีความกว้างเป็นสีเหลี่ยนผืนผ้ามากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าวัสดุที่ทำออกมายังใช้งานได้ดี สามารถลากนิ้วได้ลื่น ไม่เกิดอาการสะดุดหรือหน่วงใดๆ รวมถึงการใช้งาน Multi-Touch Gesture แต่ล่าสุดทาง Apple ได้บรรจงใส่เทคโนโลยี Force Touch แทนแบบเดิมๆ ที่เพียงคลิกได้เท่านั้น แต่รองรับถึงแรงกดระดับต่างๆ ด้วย แน่นอนว่าในการใช้งานนั้นดีกว่าแบบเดิมๆ จากการที่ได้มีการนำ Taptic Engine ที่จะสั่นตอบสนองกับแรงกดของเราเข้าไปใต้ Trackpad ด้วย ทำให้เวลาเราออกแรงกดลงไปบน Trackpad มันจะมีการสั่นที่ไม่รู้สึกว่าเป็นการสั่นเลย แต่จะรู้สึกเหมือนเป็นการคลิกซะมากกว่าด้วย (ทั้งๆ ที่เอาระบบคลิกเดิมๆ ออกไป) ซึ่งเป็นการหลอกความรู้สึกผู้ใช้งานที่เนียนๆ มาก เรียกได้ว่ามันเป็น Trackpad แบบเดิมก็เชื่อเลย แต่แค่มีลักษณะการกดที่ตื้นกว่าเดิมเท่านั้นเอง

จากการใช้งานจริงๆ ได้มีใส่น้ำหนักในการกดลงไปบน Trackpad พบว่าจะมีจังหวะความรู้สึกในการคลิกระดับที่สองเกิดขึ้น ซึ่งนั่นก็คือการทำงานของ Force Touch นั่นเอง พูดง่ายๆ ก็คือเมื่อออกแรงกดตามปกติ เราจะรู้สึกเหมือนคลิกไปแล้วหนึ่งครั้ง แต่ๆๆ ถ้าเราใส่แรงเพิ่มมากขึ้นกดต่อไปอีก มันจะเกิดความรู้สึกเหมือนคลิกที่สองที่อยู่ลึกลงไป ซึ่งเราจะเห็นผลในการใช้งานบางโปรแกรมเท่านั้นในตอนนี้

โดยรวมแล้ว Force Touch บน Trackpad เป็นอะไรที่ใหม่มากๆ สำหรับการใช้งานทัชแพด ที่เช่ือได้ว่าคงมีโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ใช้งานตามมากอีก มีความโดดเด่นในคลิกได้ทุกพื้นที่ของ Trackpad และรองรับแรงกดในหลายระดับได้ด้วย สำหรับคนที่ใช้ทัชแพดปกติหรือ Trackpad รุ่นก่อนๆ คงต้องปรับตัวกันหน่อย แต่เชื่อว่าพอได้ลองใช้งานจริงแล้วต้องชอบกันอย่างแน่นอน รวมไปถึง Force Touch บน Trackpad ยังรองรับการวาดรูปด้วยปากกาด้วยนะ อารมณ์น่าจะใกล้เคียงใช้ Wacom เลยทีเดียว ยังไงถ้ามีโอกาสเราจะมาเจาะลึกส่วนนี้กันอีกที

 

Screen / Speaker

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-19

หน้าจอของ MacBook Retina 12 [Early 2015] นี้เป็นแบบ Glare หรือจอกระจกด้วยการใช้กระจกเพียงชิ้นเดียวกั้นหน้าจอเอาไว้ ที่ให้มีสีสันที่สดใส แต่ด้วยสารเคลือบพิเศษทำให้มีแสงสะท้อนน้อยกว่าโน๊ตบุ๊คที่เป็นจอกระจกด้วยกันจะเห็นได้ชัด รวมไปถึงมีความสวยงามกว่า MacBook Air ที่เป็นพาเนล TN ปกติ ส่วนบริเวณขอบจอโดยรอบจะมียางรองไว้ป้องกันการที่ตัวเครื่องและฝากระทบกันในตอนที่ปิดฝาเครื่องลง และสำหรับเทคโนโลยีหน้าจอ Retina Display ใน MacBook Retina 12 [Early 2015] ซึ่งมีความละเอียดอยู่ที่ 2304 x 1440 พิกเซล ที่มีความหนาแน่นของพิกเซลสูงถึง 226 ppi เรียกได้ว่ามีความหนาแน่นกว่า MacBook Pro Retina 13 เล็กน้อย ซึ่งมีพื้นที่ในการใช้งานจริงมาตรฐานที่ 1280 x 800 พิกเซล  (อย่างไรก็ตามเราสามารถปรับขยายพื้นที่ได้ในการใช้งานบางกรณี แต่ก็จะสูญเสียความเป็น Retina Display ที่มีความเรียบเนียนไป)

กล้องเว็บแคมหรือที่ทาง Apple เรียกว่า FaceTime HD camera มาพร้อมกับความละเอียด 480P (มีความคมชัดน้อยกว่ารุ่นอื่นๆ) ซึ่งเมื่อใช้งานจะมีไฟสีเขียวติดขึ้นมา ที่น่าสนใจก็คือด้านข้างของกล้องยังได้มีการติดตั้ง Ambient light sensor ไว้ทำหน้าที่ในการตรวจสภาพปริมาณแสงรอบๆ เพื่อคอยปรับความสว่างหน้าจอและคีย์บอร์ดให้เหมาะสมแบบอัตโนมัติ

สำหรับบานพับของ MacBook Retina 12 [Early 2015] เป็นแบบแกนเดียวที่ให้ความแข็งแรงเมื่อใช้งานและไม่หลวมหรือคลอนง่ายๆ เมื่อใช้งานไปนานๆ ที่ได้การออกแบบดีไซน์ได้มีความแตกต่างจาก MacBook รุ่นอื่นๆ สังเกตุได้ว่ามีขนาดเล็กลง เพราะไม่จำเป็นต้องมีช่องระบายความร้อนด้วยพัดลมอีกต่อไป สำหรับการใช้งานจริงเรื่องการปิดเปิดบานพับก็ยังคงแน่นไม่ต่างไปจากเดิมเลย (เปิดได้มือเดียวเหมือนเดิม) ประกอบกับทาง Apple ยังได้มีการติดตั้งแม่เหล็กไว้บริเวณขอบฝาด้านบนไว้สองตำแหน่งทั้งซ้ายและขวา เพื่อให้ตัวเครื่องและฝาประกบกันสนิท แต่ก็ไม่ถืงกับทำให้เปิดฝาขึ้นมาใช้งานลำบากแต่อย่างใด

MacBook Retina 12 [Early 2015] ลำโพงสเตอริโอจะติดตั้งบริเวณด้านใต้ของหน้าจอ บนขอบตัวเครื่องด้านบน ที่ปกติตรงจุดนี้จะเป็นพื้นที่ว่างๆ ทั่วไปใน MacBook Pro Retina หรือ MacBook Air ที่จากการทดลองใช้งานจริง พบว่าเป็นลำโพงที่มีคุณภาพให้เสียงที่ดีกว่า MacBook Air 13 หรือ MacBook Pro Retina 13 (ในความรู้สึกขณะที่ทดสอบ) แต่ก็ยังถือว่าด้อยกว่าลำโพงของ MacBook Pro Retina 15 พอสมควร เพราะให้ได้เพียงเสียงแหลม เสียงกลางเท่านั้น โดยเสียงทุ้มที่ก็มีมาให้เรียกได้ว่าแทบไม่มี ลักษณะเสียงออกไปแนวกลางๆ ไม่ค่อยใสเคลียร์เท่าใดนัก โดยส่วนตัวจัดว่าพอฟังได้ใช้งานได้ทีเดียว แต่ถ้าให้ดีคงจะเลือกต่อลำโพงแยกหรือหูฟังมากกว่า

Connector / Thin And Weight

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-41

เป็นครั้งแรกของพอร์ต USB-C (USB Type-C) ที่มาอยู่บนผลิตภัณฑ์ Mac ของทาง Apple โดย USB-C นั้นเป็นส่วนหนึ่งของ USB 3.1 (หน้าตาและขนาดพอๆ กับสาย Lightning เลย) ที่จะมีมามากมายบนอุปกรณ์ในอนาคตอันใกล้นี้ ที่ต้องบอกว่ามีความเร็วและข้อได้เปรียบหลายๆ อย่างเมื่อเทียบกับ USB 3.0 แบบเดิมๆ ซึ่งไม่ใช่แค่โน๊ตบุ๊คเท่านั้นแต่รวมถึงอุปกรณ์อัจฉริยะอื่นๆ ด้วย ที่ในตอนนี้บางผู้ผลิตเมนบอร์ดก็กำลังเริ่มติดตั้งเข้าไปในผลิตภัณฑ์ของตนเองแล้ว

สำหรับ USB-C บน MacBook Retina 12 [Early 2015] ได้ถูกติดตั้งไว้บริวเณขอบตัวเครื่องด้านซ้าย โดยมีอยู่พอร์ตเดียวเท่านั้น เรียกว่าไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อใดๆ ที่เป็นแบบไม่ไร้สาย ก็ต้องเชื่อมต่อผ่านทาง USB-C เท่านั้น (อาศัยตัวอแดปเตอร์แปลงเป็น HDMI, VGA, USB, LAN ที่เราต้องซื้อแยกเองเอา) รวมไปพอร์ตชาร์จไฟอย่าง Macsafe ก็โดนจับไปรวมกับ USB-C ด้วย ส่งผลให้ Macsafe แบบเดิมๆ ที่มีอยู่ใน MacBook เราคุ้นเคยหายไปด้วย (จุดขายหายไปอีกหนึ่งจุดนอกจากที่ไม่มีไฟเปร่งแสงที่โลโก้ฝาหลังแล้ว)

ในมุมมองของผู้ใช้ทั่วไปแล้วอาจจะพบว่าการมาของ USB-C ในตอนนี้นั้นเร็วมากเกินไป ส่วนหนึ่งนั้นก็เนื่องมาจากการที่อุปกรณ์ในตลาดส่วนใหญ่ยังใช้ช่องเชื่อมต่อมาตรฐาน USB 2.0 หรือ 3.0 อยู่เลย ซึ่งการที่ Apple หักดิบผู้ใช้ด้วยการที่บังคับให้ใช้ USB-C ได้แค่อย่างเดียวเท่านั้นบน MacBook รุ่นใหม่ โดยหากต้องการที่จะใช้การเชื่อมต่อแบบอื่นจะต้องทำการซื้ออแดปเตอร์เพิ่มนั้นก็อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก (เพราะตอนนี้ยังไงก็ต้องซื้อมาใช้ เพื่อมาใช้อุปกรณ์ร่วมอื่นๆ) อย่างไรก็ตามจากในอดีตที่ผ่านมานั้นเราได้เห็น Apple เป็นผู้นำในเรื่องการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่ตลอด อาทิ Thunderbolt ที่ถือว่าประสบความสำเร็จระดับนึง ส่วน USB-C ครั้งนี้คงต้องติดตามกันดูอีกที

นอกเหนือจากพอร์ต USB-C ใน MacBook Retina 12 [Early 2015] ยังมีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 ม.ม. แยกอยู่นะครับ อันนี้สบายใจได้ เพราะถ้าไม่แยกก็คงใจร้ายไปหน่อย ซึ่งอยู่บริเวณขอบตัวเครื่องด้านซ้าย ติดๆ กันอยู่ก็จะเป็นไมค์แบบคู่ไว้ใช้สนทนาร่วมกับโปรแกรมหรือไว้อัดสียงนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม Apple นั้นเป็นเพียงผู้ที่เริ่มต้นก่อนเท่านั้น ด้วยความที่ USB-IF (กลุ่มผู้ดูแลและพัฒนาเทคโนโลยีพอร์ต USB) นั้นมีคู่ค้ามากกว่า 757 คู่ค้า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นระดับใหญ่ๆ ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น Acer, Dell, Samsung, Google, ASUS, Motorola และอื่นๆ ทำให้ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์อื่นๆ ในอนคตอันใกล้นี้ จะมาพร้อม USB-C เหมือนกันแน่นอน

Performance / Software

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-97

ในส่วนของประสิทธิภาพการทำงานของ MacBook Retina 12 [Early 2015] ถือได้ว่าเป็นเรื่องน่าสนใจอีกเรื่องนึง เพราะเป็น MacBook รุ่นแรกที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core M ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องของการบริโภคพลังงานที่ต่ำแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมไปถึงเป็นครั้งแรกกับชิปประมวลผลที่ไม่ต้องใช้พัดลมช่วยระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า Intel Atom แต่จากผลทดสอบต่างๆ ก็แสดงให้เห็นว่า Intel Core M ยังไม่พร้อมไปเทียบชั้นกับ Intel Core i ในเรื่องของความแรงในการทำงานแต่อย่างใด

จากการที่เราได้มีโอกาสทดสอบลองเล่นที่หน้าร้าน iStudio by Com7 สาขา Emquartier ก็พบว่าในการใช้งานทั่วๆ ไป MacBook Retina 12 [Early 2015] ก็ตอบสนองการทำงานได้เป็นอย่างดีทั้งในส่วนของระบบโดยรวมและการใช้งานเว็บบราวเซอร์ในเบื้องต้น แต่ถ้าหากเปิดเว็บบราวเซอร์หลายๆ หน้าต่าง หรือเปิดโปรแกรมหลายๆ โปรแกรมก็มีอาการหน่วงให้เห็นบ้างเล็กน้อย รวมไปถึงทางทีมงานได้มีโอกาสติดตั้งโปรแกรมอย่าง Adobe Photoshop CC และ Adobe Lightroom CC เพื่อใช้งานการประมวลผล ในส่วนของโปรเซสไฟล์ RAW และไฟล์ภาพความละเอียดสูง ก็เห็นได้ว่ามีความช้ากว่า MacBook Air หรือถ้าเทียบกับ MacBook Pro Retina ก็ยิ่งดูช้าไปอีก อันนี้ต้องบอกก่อนว่าส่วนตัวของผู้ทดสอบเองใช้งาน MacBook Pro Retina 15 อยู่แล้ว รวมไปถึงผู้ร่วมทดสอบก็ใช้งาน MacBook Pro Retina 13 อยู่แล้ว จึงบอกความรู้สึกได้เมื่อเทียบกับ MacBook รุ่นอื่นๆ

นอกเหนือจากนี้เมื่อทางทีมงานได้ทดสอบประสิทธิภาพความเร็วของ SSD ภายในตัวเครื่อง ก็เห็นว่ามีความช้ากว่า MacBook รุ่นใหม่ๆ ที่เป็นปี 2015 ประมาณเท่าตัวได้ ซึ่งอันนี้ก็ไม่ทราบว่าทำไมทาง Apple ถึงไม่ใช่ SSD ในรุ่นความเร็วเท่าๆ กับรุ่นอื่นๆ (แต่ก็เร็วกว่า SSD ในโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นแล้ว) หรืออาจจะเป็นข้อจำกัดบ้างอย่างอันนี้ก็ไม่ทราบได้เช่นกัน แต่จะว่าไปแล้วในการใช้งานทั่วๆ ไป ก็ไม่ได้มีผลอะไรทำให้การทำงานของระบบช้า ที่จะทำให้ช้าน่าจะเป็นคอขวดส่วนของชิปประมวลผล Intel Core M มากกว่า

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่า MacBook Retina 12 [Early 2015] จะมาพร้อมกับฮาร์ดแวร์ใหม่ทั้งหมดจนอาจจะทำให้หลายๆ คนประทับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหน่วยประมวลผล Intel Core M ที่ทำให้ Apple สามารถออกแบบให้ MacBook รุ่นใหม่นี้สามารถที่จะระบายความร้อนได้แบบไม่ต้องพึ่งพัดลม แต่ Intel Core M ที่ทาง Apple เลือกมาใช้เป็นหน่วยประมวลผลหลักก็ไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรเลยในเรื่องของประสิทธิภาพการทำงาน

และแม้ว่า Intel Core M ที่อยู่บน MacBook Retina 12 [Early 2015] นั้นจะมาพร้อมกับเทคโนโลยี  Turbo Boost technology ที่สามารถเพิ่มความเร็วของหน่วยประมวลผลไปมากกว่าเดิมขณะใช้งาน(เมื่อต้องการการทำงานที่ระดับมากกว่าปกติ โดยสามารถเพิ่มความเร็วไปได้ถึง 2.4 GHz ในรุ่นราคา 43,900 บาท และ 2.6 GHz ในรุ่นราคา 54,900 บาท) ทว่าจากผลการทดสอบในต่างประเทศและจากการที่ทีมงานได้ทดลองใช้งานจริงๆ ก็ไม่ได้ดูเหมือน MacBook Retina 12 [Early 2015] นั้นจะน่าสนใจไปมากกว่า MacBook Air  หรือ MacBook Pro Retina รุ่นใหม่นัก ในแง่ของประสิทธิภาพการประมวลผล

ถ้าถามว่า MacBook รุ่น 2015 นั้นเหมาะสมกับใคร คำตอบก็คงเหมือนกับย้อนกลับไปเมื่อปี 2008 ที่ทาง Apple เปิดตัว MacBook Air ออกมาอย่างเป็นทางการครั้งแรก ซึ่งนั่นก็คือคนที่อยากได้โน๊ตบุ๊คที่มีความสดใหม่ มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย (อาจจะมากจนเกินไปสำหรับบางคน) รวมไปถึงผู้ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คที่มีรูปทรงสวยงามน้ำหนักเบา และบางกว่าปกติพกพาไปไหนสะดวก ที่สำคัญก็คือคนคนนั้นต้องมั่นใจว่าต้องการที่จะเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีจริงๆ เพราะ MacBook Retina 12 [Early 2015] นั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นอุปกรณ์สำหรับอนาคต ซึ่งเชื่อได้ว่าถ้าใครยังไม่รีบ แนะนำให้รอซื้อ MacBook Retina 12 ในรุ่นต่อๆ ไป น่าจะมีชิปประมวลผล Intel Core M ที่ตอบสนองได้ดีกว่า

Battery / Heat / Noise

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-81

ในการทดสอบเรื่องของการใช้งานแบตเตอรี่ที่มีความจุ 5263 mAh บน MacBook Retina 12 [Early 2015] นั้น ด้วยความที่เป็นระบบปฏิบัติการ OS X จึงสามารถจัดการพลังงานได้อย่างสมบูรณ์ โดยในสถานะเครื่องเปิดไว้เฉยในสถานะแบตเตอรี่ 100% โดยทดสอบตามสถานะการใข้งานจริงด้วยการปรับความสว่างบนหน้าจออยู่ที่ 50% และไฟคีย์บอร์ด Backlit ปรับไว้ที่ 50% เช่นกัน ผลเวลาที่ได้ออกมาจะอยู่ที่ประมาณ 8 ชั่วโมงกว่าๆ (ไม่ได้ทดสอบจริงๆ แต่เป็นดูการวิเคราะก์ของระบบ)

เรื่องความร้อนของเครื่องอุณหภูมิที่ออกมาจัดได้ว่าค่อนข้างเย็นกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป ส่วนตัวเครื่องอุณหภูมิโดนรอบตัวเครื่องทั้งหมดก็ถือว่ามีอุณหภูมิที่ต่ำ เนื่องด้วยความสามารถของตัววัสดุที่ช่วยถ่ายเทความร้อนออกไปได้เร็ว รวมไปถึงชิปประมวลผล Intel Core M ก็มีการกินไฟที่ต่ำ แบบที่ไม่จำเป็นต้องใช้พัดลมระบายความร้อนทีเดียว

อย่างไรก็ตามส่วนบริเวณของกลางเครื่องที่เป็นที่อยู่ของชิปประมวลผลจะเห็นว่ามีอุณหภูมิที่ค่อนข้างสูงกว่าบริเวณอื่นๆ แต่การใช้งานจริงเพียงแค่รู้สึกร้อนๆ นิดหน่อยเท่านั้นเวลาใช้งานจริงๆ สรุปรวมๆ แล้วถึงแม้จะไม่มีพัดลมช่วยระบายความร้อนก็ยังสามารถระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี (กรณีที่ไม่ได้ใช้งานหนักๆ) อย่างไรก็ตามขอแนะนำว่าหากจำเป็นต้องใช้งานหนักหรือประมวลผลสูงๆ ก็ให้มาใช้ในห้องที่เย็นหน่อย นอกจากนี้เครื่องของ MacBook Retina 12 [Early 2015] ยังสามารถคลายความร้อนได้อย่างรวดเร็วจากบอดี้ที่เป็นวัสดุอะลูมิเนียมอัลลอยด์อีกด้วย เพราะฉะนั้นไม่ติดฟิล์มไม่ใส่เคสที่ตัวเครื่องจะดีที่สุดครับ

Conclusion / Award

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-3

สำหรับ MacBook Retina 12 ถือได้ว่าเป็นปรากฎการณ์ใหม่ของวงการโน๊ตบุ๊คทีเดียว เพราะมาพร้อมทั้งความบางเฉียบ ดีไซน์โดดเด่น มีสามสีให้เลือก และที่สำคัญยังได้ติดตั้งพอร์ตการเชื่อมต่อมาเพียงพอร์ตเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ USB-C (ยังมีช่องหูฟังปกตินะ) ซึ่งทำให้ใครหลายๆ คนได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย ทั้งในแง่ขอชื่นชมว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ดูลงตัวที่สุดรุ่นหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คแห่งอนาคตก็ว่าได้ แต่ถ้ามองในแง่ลบ ก็จะเห็นว่าทำไมถึงให้พอร์ตมาเพียงพอร์ตเดียว แถมยังมีราคาสูงเทียบเท่า MacBook Pro Retina 13 อีกด้วย ทั้งๆ ที่ประสิทธิภาพไม่ได้เลยMacBook Retina 12 Early 2015 Review-4

ซึ่งในบทความรีวิวนี้ทำให้เห็นได้ว่า MacBook Retina 12 [Early 2015] ไม่ได้เหมาะกับใครหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core M เป็นชิปประมวลผลจากทาง Intel ที่มาพร้อมกับความสามารถประหยัดพลังงานรุ่นล่าสุด ที่สำคัญยังปลดปล่อยความร้อนออกมาได้น้อย จนไม่จำเป็นต้องมีพัดลมเพื่อใช้ระบายความร้อนอีกต่อไป โดยจัดว่าเป็นสถาปัตยกรรม Gen 5 ที่ในฝั่งของระบบปฏิบัติการ Windows จะเห็นเป็นไฮบริดโน๊ตบุ๊ค แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นำมาใช้กับ MacBook Retina 12  [Early 2015] ที่เน้นในเรื่องของความบางและไร้พัดลม ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดีที่ได้รับการพัฒนามาจากทาง Intel

อย่างไรก็ตามก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของประสิทธิภาพอยู่ เพราะจากการที่ทีมงานได้ทดลองใช้งาน MacBook Retina 12 [Early 2015] ที่ร้าน BaNANA IT และเคยรีวิว Lenovo Yoga 3 Pro มาแล้ว ซึ่งใช้ชิปประมวลผล Intel Core M มารุ่นใกล้เคียงกัน จะเห็นได้ชัดเลยว่า พลังในการประมวลผลนั้นมีความสามารถที่ลดลงพอสมควรเมื่อเทียบกับ Intel Core i ตระกูล U แน่นอนว่าถ้าใครจะใช้งานที่เน้นประสิทธิภาพเป็นหลัก MacBook Retina 12 ที่ใช้ Intel Core M ไม่น่าจะใช่คำตอบเท่าไหร่ (ถ้าการใช้งานทั่วไปล่ะโอเคเลย) ซึ่งถ้าให้เทียบประสิทธิภาพมันก็มีความแรงแค่ MacBook Air เมื่อ 3-4 ปีก่อนเท่านั้น

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-80

อีกทั้งด้วยความที่ว่า MacBook Retina 12 [Early 2015] นั้นได้รับการติดตั้งพอร์ต USB-C มาเพียงพอร์ตเดียวเท่านั้น เนื่องมาจากต้องการให้ตัวเครื่องมีความบางและเบาอย่างที่สุด ซึ่งถ้าใครจะใช้งานพอร์ตอื่นๆ (อาทิ USB 3.0, VGA, HDMI, Display Port) ก็ต้องต่อผ่านอแดปเตอร์เอา โดยรุ่นที่ครบๆ จะมีราคา 2,990 บาท ที่ถึงแม้ว่าจะดีแค่ไหนในแง่ของประสิทธิภาพความเร็ว ความครบครัน แต่ก็ไม่ตอบโจทย์ของใครหลายๆ คนเช่นกัน

เพราะในการใช้งานจริงของคนทั่วไปรวมไปถึงตัวผู้รีวิวเอง จำเป็นใช้พอร์ต USB และ HDMI อย่างเป็นประจำ ถ้าขืนต้องต่อผ่านอแดปเตอร์ตลอดเวลาก็คงยุ่งยากแย่ อีกทั้งต้องพาลไปซื้ออแดปเตอร์เพื่อมาใช้งานอีก ทั้งๆ ที่โน๊ตบุ๊คหรือ MacBook รุ่นอื่นๆ ก็ตามเค้ามีหมด เพราะถือว่าเป็นพอร์ตพื้นฐาน เรียกได้ว่าคนที่จะซื้อ MacBook Retina 12 [Early 2015] มาใช้งานนั้น ต้องไม่ค่อยเชื่อมต่ออะไรกับใคร ไม่ก็เน้นใช้งานไร้สายไปเลย อันนี้ก็ขึ้นอยู่ไลฟสไตล์ของแต่ละคนจริงๆ

นอกจากนี้ MacBook Retina 12 [Early 2015] จัดได้ว่ามีราคาเริ่มต้นที่ค่อนข้างสูงทีเดียวเมื่อเทียบกับ MacBook Pro Retina 13 ที่ใช้เทคโนโลยีหน้าจอ Retina Display เหมือนกัน แต่กลับมาพร้อมคุณสมบัติที่ดีกว่าทั้งในแง่ของประสิทธิภาพและการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core i ตระกูล M ที่ให้ประสิทธิภาพที่ค่อยข้างสูง ครอบคลุมหลากหลายงาน ไม่ว่าจะเป็น เล่นอินเตอร์เน็ต ดูภาพยนตร์ความละเอียดสูง หรือแม้กระทั่งงานตัดต่อวีดีโอ รวมไปถึงการเล่นเกม 3 มิติ เพราะมาพร้อมกับการ์ดจอภายในระดับสูงอย่าง Intel HD 6100 ส่วน ซึ่งต้องบอกว่า MacBook Retina 12 [Early 2015] เป็นอย่างเห็นได้ชัด โดยส่วนที่ดีกว่านั้นจะมีเพียง SSD ขนาด 256GB ที่มากกว่าเท่านั้น ในรุ่นที่ราคาเดียวกันที่ 43,900 บาท (MacBook Pro Retina 13 ตัว SSD จะมีขนาด 128GB)

Screen Shot 2558-03-10 at 01.51.14

ในเรื่องของการเชื่อมต่อก็เช่นกัน พอร์ตการเชื่อมต่อของ MacBook Pro Retina 13 มีความครบครันกว่ามาก โดยมีทั้งพอร์ต USB 3.0 จำนวน 2 พอร์ต / Thunderbolt 2 จำนวน 2 พอร์ต / HDMI จำนวน 1 พอร์ต ที่ต้องบอกว่าแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับ MacBook Retina 12 ที่มีเพียงพอร์ต USB-C เท่านั้น แน่นอนว่าถ้าใครต้องใช้พอร์ต USB และ HDMI เป็นประจำคงไม่สะดวกอย่างแน่แท้ ส่งผลให้ในงบประมาณที่เท่าๆ กัน MacBook Pro Retina 13 สามารถเอาไปใช้งานได้ดีกว่า ต่อให้ MacBook Retina 12 จะเบาและเบางกว่าก็ตามที

MacBook Retina 12 Early 2015 Review-8

อย่างไรก็ตาม MacBook Retina 12 [Early 2015] จะสวยหรู จะไฮโซแค่ไหน จะบางเบาเอาเพียงไร ก็ไม่สามารถตอบโจทย์การใช้งานจริงของใครหลายๆ คนได้ แต่ก็นั่นแหละครับ Apple คงมองแล้วว่าคงมีกลุ่มคนที่จะซื้อ MacBook Retina 12 [Early 2015] อย่างแน่นอน เพราะจากความแตกต่างที่ไม่เคยทำมาก่อน อีกทั้งยังมาให้เลือกถึง 3 สีสันด้วยกัน ซึ่งก็น่าจะเป็นที่ต้องการของคนบางกลุ่มที่ไม่ต้องการซ้ำใครและต้องการประสบการณ์การใช้งานที่แตกต่าง อารมณ์ก็อาจจะคล้ายๆ คนที่ซื้อรถยนต์เหมือนกัน ถ้าใครพอมีความรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์มาบ้างก็น่าจะพอเข้าใจอยู่

ถ้าถามว่าโน๊ตบุ๊คที่ใช้ MacBook Retina 12 [Early 2015] เหมาะกับบุคคลประเภทไหน ก็คงต้องตอบว่าเป็นคนที่ใช้งานทั่วไปเช่นการท่องเน็ต ดูหนังฟังเพลงเล็กน้อย แต่ถ้าจะใช้งานหนักๆ อย่างเช่นนำมาตัดต่อภาพหรือวีดีโอ หรือจะใช้งานเพื่อการเล่นเกมแล้วนั้น บอกเลยว่า MacBook ที่ใช้หน่วยประมวลผล Intel Core M อาจจะยังไม่เหมาะสมสำหรับคุณในตอนนี้

สำหรับทีมงานก็คงนิยามให้ MacBook Retina 12 [Early 2015] สั้นๆ ว่า “โน๊ตบุ๊คดีไซน์อนาคต ประสิทธิภาพย้อนอดีต ในราคาค่าตัวปัจจุบัน”

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง iStudio by Com7 สาขา Emquartier นะครับ ที่ให้โอกาสในการรีวิว MacBook Retina 12 [Early 2015] ที่หน้าร้าน

จุดเด่น

  • เป็นโน๊ตบุ๊คขนาด 12 นิ้ว มีขนาดบาง น้ำหนักเบา สามารถพกพาไปได้สะดวก
  • มีประสิทธิภาพในการใช้งานได้เป็นอย่างดี ด้วยชิปประมวลผล, แรม และ SSD
  • Retina Display หน้าจอจอความละเอียดสูง ภาพคมชัด พาเนล IPS ให้สีสันที่ดี มุมมองกว้าง
  • เปิดเครื่องหรือตื่นจากโหมด Sleep, Boot เครื่อง และเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้อย่างรวดเร็ว
  • ดีไซน์การออกแบบสวยและงานประกอบมีความประณีต
  • วัสดุชั้นดีอย่างอะลูมิเนียมแบบ Unibody ตัวเครื่องแข็งแรง
  • มีสามสีให้เลือก คือ สีเงิน ทอง เทาสเปซเกรย์
  • มีไฟ Backlit Keyboard ที่ใช้งานได้อย่างสบายตา แต่ละปุ่มมี 1 ไฟ LED
  • Force Touch TrackPad เป็นเทคโนโลยีใหม่ สามารถตอบสนองการใช้งานได้ดี
  • แป้นคีย์บอร์ดมีขนาดใหญ่ขึ้น กว่าแป้น MacBook รุ่นอื่นๆ
  • มีช่องทางเชื่อมต่อความเร็วสูงรุ่นล่าสุดอย่าง USB-C
  • ระบบระบายความร้อนเป็นแบบไร้พัดลม ทำให้ไม่มีเสียงรบกวน
  • ใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานประมาณ 9 ชั่วโมง
  • มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Mac OS X 10.10 ที่มีคุณสมบัติมากมาย

ข้อสังเกต

  • ชิปประมวลผล Intel Core M เป็นรองเรื่องความแรงพอสมควร เมื่อเทียบกับ Intel Core i
  • สเปกฮาร์ดแวร์ภายในต่อราคาจำหน่ายไม่ค่อยมีความคุ้มค่ามากนัก เมื่อเทียบกับ MacBook รุ่นอื่นๆ
  • หากอุณหภูมิสูงภายในตัวเครื่องสูง จะใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร
  • ด้วยวัสดุเป็นอะลูมิเนียม ถ้าปลั๊กไม่มีการเดินสายดินไว้ อาจเกิดไฟดูดบ้างเล็กน้อย
  • ไม่สามารถอัพเกรดใดๆ ได้เลยในภายหลัง
  • ในการแกะฝาใต้เครื่องทำได้ยาก เพราะต้องใช้ไขควงเฉพาะ
  • มีเพียงพอร์ต USB-C เพียงพอร์จเดียวเท่านั้น
  • ราคาของอุปกรณ์ที่ใช้งานกับพอร์ต USB-C ยังมีราคาที่ค่อนข้างแพง
  • คีย์บอร์ดแบบผีเสื้อรู้สึกตื้นกว่าคีย์บอร์ดทั่วไป
  • พอร์ตสำหรับการชาร์จไฟ Magsafe ถูกตัดทิ้งไป
  • ไม่มีโลโก้เปล่งแสงที่ฝาหลังอีกต่อไป
  • กล้องความละเอียดต่ำ อยู่ที่เพียงระดับ 480p เท่านั้น
  • สีตัวเครื่อง จะเป็นสีคนละเฉดกับ iPhone, iPad

Award

โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 12 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง MacBook Retina 12 [Early 2015] ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้

Best Design

เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Apple มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดใน MacBook Retina 12 [Early 2015] ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรู ประกอบการงานการประกอบระดับคุณภาพ ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ซึ่งความบางและความเบาของตัวเครื่องก็ถือว่าทำได้ดีกว่า MacBook ทั้งหมดอีกด้วย

award_use_2_create_12

Best Mobility

ส่วนของความสามารถในการพกพาก็อยู่ในระดับที่เหนือกว่า MacBook ทั้งหมด ทั้งในความบางเพียง0.35–1.31 ซม. และน้ำหนักเบา 0.92 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะมีปัญหาอีกด้วย เพราะฮาร์ดแวร์ไม่ได้ใช้ฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก เรียกได้ว่าในการพกพาไปไหนมา ก็ตอบโจทย์ทีเดียว เทียบเท่าแล้วหนักกว่า iPad Air ใส่เคสเล็กน้อยเท่านั้นเอง

award_use_2_create_23

Best Technology

นอกเหนือจากสเปกตัวเครื่อง MacBook Retina 12 [Early 2015] จะมีความใหม่สดแล้ว ยังได้มีการเลือกใช้ชิปประมวลผล Intel Core M ที่ไร้พัดลม และมีในส่วนของพอร์ตความเร็วสูง USB-C ที่เคยมีในโน๊ตบุ๊ครุ่นไหนมาก่อน อีกทั้งในเรื่องของหน้าจอและความละเอียดจอก็มาในระดับที่สูงยังมาเป็นแบบ Retina Display ที่เป็นพาเนลจอคุณภาพสูงระดับมืออาชีพอย่าง IPS กับความละเอียด 2304 x 1440 พิกเซล ที่ให้ในส่วนของสีสันที่สวยสมจริงและมุมมองกว่าหน้าจอแบบเดิมๆ นอกจากนี้ยังจัดเต็มด้วย Trackpad และคีย์บอร์ดรุ่นใหม่ด้วย

award_use_2_create_16

Best Battery Life

แม้ว่าในตัวของ MacBook Retina 12 [Early 2015] จะอัดแน่นไปด้วยสเปกหรือเทคโนโลยีต่างๆ แต่ในเรื่องของการใช้งานของแบตเตอรี่ก็ถือว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉลี่ยแล้วถ้าใช้งานทั่วไปจะอยู่ได้นานถึงประมาณ 9 ชั่วโมงด้วยกัน ในส่วนนี้ก็เป็นผลมาจากการที่ Apple ได้ใส่แบตเตอรี่แบบลิเธียมโพลิเมอร์ความจุสูงเข้าไปตามตัวเครื่องแบบพิเศษ อีกทั้งระบบปฏิบัติการ OS X 10.10 ก็เป็นตัวช่วยจัดการพลังงานได้เป็นอย่างดี โดยที่เราไม่จำเป็นต้องปรับค่าเองแต่อย่างใดเลย

award_use_2_create_20

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

CONTENT

iPhone ตกน้ำ เปียกน้ำ โดนฝน 2024 แจ้งว่ามีของเหลวขณะเสียบสายชาร์จ แก้ไขเบื้องต้นใน 4 ขั้นตอน หนึ่งในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ก็คือมือถือเปียกน้ำ แม้มือถือส่วนใหญ่จะกันน้ำได้บ้าง แต่ก็อาจพบปัญหาตอนเสียบสายชาร์จ อย่างใน iPhone เองจะมีข้อความแจ้งว่าตรวจพบของเหลว และตัดการจ่ายไฟ ทำให้ไม่สามารถชาร์จไฟได้เลย โดยเฉพาะช่วงอากาศร้อนแบบนี้ หลายท่านคงมักหากิจกรรมที่เกี่ยวกับน้ำเพื่อคลายร้อน ไม่ว่าจะลงสระว่ายน้ำ หรือลงไปดำน้ำ เล่นน้ำทะเลเป็นต้น ที่สำคัญคือ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา...

Tips & Tricks

แนะนำเทคนิค วิธีแต่งหน้าจอไอโฟน สวย เก๋ เท่ มีสไตล์เฉพาะตัว อัพเดต 2024 ตั้งแต่ iOS 14 เป็นต้นมา Apple ก็ได้เพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานได้ปรับแต่ง iPhone ได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน iOS 17 ที่เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งหน้าจอ ทั้งหน้าจอ Lock Screen...

Tips & Tricks

สอนติดตั้งฟอนต์ไอโฟน ฟรี พร้อมการใช้งาน เปลี่ยนฟอนต์ธรรมดา ให้สวยน่ารักขึ้นได้ง่ายๆ อัพเดท 2024 ใครที่ใช้งาน iPhone แล้วอยากได้ฟอนต์น่ารักๆ หรือฟอนต์สวยๆ ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งชื่อ ทำงาน หรือใช้บนโซเชียลมีเดีย เราสามารถติดตั้งฟอนต์ได้ง่ายๆ เลย ทีมงาน NotebookSPEC ก็ได้รวบรวมวิธีการตั้งตั้งฟอนต์ไอโฟน ฟรี ที่ทำได้ง่าย ทำตามได้แน่นอน รับรองว่าจากฟอนต์ธรรมดาๆ...

Buyer's Guide

สายชาร์จไอโฟนยุคนี้ มีเงินร้อยบาทนิดๆ ก็ซื้อมาต่อชาร์จได้แล้วนะ! เจ้าของไอโฟนย่อมมีสายชาร์จไอโฟนมากกว่าหนึ่งเส้นแน่นอน อย่างน้อยต้องมีติดโต๊ะที่บ้านและออฟฟิศอย่างละเส้นเป็นอย่างน้อยและอาจจะมีติดกระเป๋าคู๋กับพาวเวอร์แบงค์หรือต่อทิ้งเอาไว้กับรถยนต์เผื่อชาร์จเวลาขับรถไปไหนมาไหนจะได้ชาร์จมือถือไปดูแผนที่ไปได้ แถมยุคนี้สายชาร์จจากแบรนด์อื่นๆ ก็มีลูกเล่นร้อยแปด ไม่ว่าจะมีหัวชาร์จหลายแบบในตัว, มีหน้าจอบอกกำลังชาร์จติดมาตรงหัวชาร์จและมีกำลังชาร์จตั้งแต่หลักสิบวัตต์ไปจนร้อยวัตต์ ชาร์จได้ไม่ว่าจะ iPhone หรือ iPad ก็ได้ แม้ตอนนี้ทาง Apple จะเปลี่ยนพอร์ตไอโฟนจาก Lightning มาเป็น USB-C แล้ว แต่ผู้ใช้ที่ยังใช้ไอโฟนรุ่นเก่าที่ยังไม่พร้อมอัปเกรดมาเป็น iPhone 15...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก