ถ้าจะพูดซอฟต์แวร์สำหรับการแก้ไขภาพอย่าง Adobe Photoshop นั้นคิดว่าคงมีน้อยคนมากครับที่จะไม่รู้จักซอฟต์แวร์นี้ เนื่องจากว่าตลอดเวลา 25 ปีที่ผ่านมานี้ Photoshop ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายในฐานะที่เป็นซอฟต์แวร์สำหรับการแก้ไขรูปภาพ โดยได้รับการปรับปรุงมาตลอดในช่วงเวลา 25 ปีที่ผ่านมาครับ หากจะว่าไปแล้วอายุ 25 ปีนี้ก็ถือได้ว่าเป็นช่วงกำลังวัยร้อนเต็มสูบเลยก็ว่าได้ครับ(แต่ถ้ามาเมืองไทยก็อาจจะถือว่าเป็นเบญจเพศ ซึ่งไม่ค่อยดีเท่าไรนักได้เช่นเดียวกัน)
ตลอดระยะเวลา 25 ปีของการเปลี่ยนแปลงนั้น Photoshop ได้มีการปรับปรุงและเปลี่ยนรูปแบบของตัวเองให้เข้ากับยุคสัมยอยู่ตลอดเวลาครับ โดยหากจะว่าไปแล้วรูปลักษณ์ของ Photoshop ในแต่ละยุคนั้นก็ถือว่าเป็นโปรแกรมที่นำสมัยอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งในปัจจุบันที่โปรแกรมต่างๆ หันมาให้บริการในรูปแบบ cloud มากขึ้นและสนับสนุนการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตนั้น Photoshop ก็มีการปรับเปปลี่ยนรูปลักษณ์อยู่ตลอดเวลา
เพื่อเป็นการตอบรับปีที่ 25 ของทาง Photoshop นั้นลองไปดูวิสัยทัศน์ของผู้จัดการผลิตภัณฑ์อาวุโสอย่าง Stephen Nielson ที่ก้าวมาอยู่ในตำแหน่งใหญ่นี้ได้ระยะเวลาเป็น 3 ปีดีกว่าครับว่ามรดกตกทอดที่จะส่งต่อไปเรื่อยๆ ของ Photoshop นั้นมีอะไรบ้าง นอกไปจากนั้นทิศทางของ Photoshop ในอนาคตนั้นจะไปในแนวทางไหน ที่สำคัญที่สุดคงหนีไม่พ้นในเรื่องของฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ Photoshop ในอนาคตที่จะออกมา ยังจะคงชื่อเสียงของ Photoshop ต่อไปได้หรือไม่ เราไปดูการถอดบทสัมภาษณ์สำคัญๆ กันครับ
คำถามจาก VentureBeat: ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมี Photoshop มีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก แต่บางอย่างก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย อยากทราบว่าคุณจะอธิบายว่า Photoshop นั้นเป็นโปรแกรมที่มีลักษณะเป็นอย่างไร
คำตอบจาก Stephen Nielson: มันเป็นอย่างที่คุณบอกจริงๆ ว่าตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมานั้น Photoshop เป็นโปรแกรมที่มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่การเปลี่ยนแปลงต่างๆ เหล่านั้นก็ทำให้ Photoshop เป็นที่น่าจดจำมากขึ้นเข้าไปอีก ตัวอย่างเช่นเครื่องมือ magic wand ในเวอร์ชันแรก(ที่เป็นเครื่องมือสำหรับการทำ stamp tool) กลายเป็นเครื่องมือที่หลายๆ โปรแกรมเริ่มมีให้เห็นให้ใช้ในรูปแบบเดียวกันมากในปัจจุบัน ซึ่งนั่นหมายความว่าเราได้สร้างบางส่วนที่สำคัญขึ้นมากับเครื่องมือต่างๆ ของเรา
ในขณะเดียวกันกับที่ Layer นั้นไม่ได้ปรากฎให้เห็นในเวอร์ชันแรกซึ่งทำให้การทำงานทางด้านสีสันต่างๆ บน Photoshop เวอร์ชันแรกนั้นไม่ได้ง่าสบเหมือนในปัจจุบันนี้(รวมไปถึงการทำงานร่วมกับตัวอักษรด้วยเช่นเดียวกัน) นอกไปจากในในเวอร์ชันแรกการทำงานร่วมกับรูปร่างที่เป็นเวกเตอร์ก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ยากมาก ซึ่งทุกๆ อย่างนั้นเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมานั้น Photoshop ได้พัฒนาตัวเองในฐานะที่เป็นโปรแกรมเพื่อการแก้ไขรูปภาพที่ดีที่สุดของโลกอย่างไร
Stephen Nielson ผู้จัดการผลิตภัณฑ์อาวุโสของ Photoshop
คำถามจาก VentureBeat:ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราได้เห็นว่า Photoshop มีการใส่ฟีเจอร์เพิ่มเติมเข้ามามากมายในช่วงระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา เราอย่าจะทราบเหลือเกินว่าก้าวต่อไปของ Photoshop นั้นจะมุ่งเน้นไปยังการนำเอาสิ่งที่ยังไม่ได้อยู่ในตัวโปรแกรมมาใส่เพิ่มเติมเข้าไปในโปรแกรมอีกเรื่อยๆ ใช่หรือไม่
คำตอบจาก Stephen Nielson:จุดมุ่งมั่นของเราสำหรับ Photoshop ก็คือการก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งผมอยากจะพูดว่าทุกๆ เวอร์ชันใหม่ของ Photoshop ที่จะออกมานั้นเราอาจจะทำให้มันดีกว่าเดิมเป็น 2 เท่าเสมอ พวกเรา(หมายถึงทีมงานผู้พัฒนา Photoshop) พยายามอยู่ตลอดเวลาที่จะสร้างความสามารถในการทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีใน Photoshop มาก่อนเพิ่มเข้าไปเสมอๆ แต่ทว่าสิ่งใหม่ๆ ที่จะเพิ่มเข้ามานั้นจะเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อที่จะมุ่งเน้นให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานได้อย่างมีคุณภาพมากกว่าเดิมมากกว่า
ผมไม่อยากจะพูดว่าสิ่งที่เราทำนั้นยากหรือง่ายอย่างไร ตัวอย่างเช่นเราสามารถที่จะทำการเลือกทำการนำเอาฟีเจอร์ต่างๆ ที่อยู่ใน Libraries ของ CS 5 มาปรับปรุงแล้วรวมเข้ากับสิ่งใหม่ๆ แล้วใส่ลงไปบนเวอร์ชัน CC ได้ทันที แต่ทว่าเราก็เลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้นเพราะเราต้องการให้ทุกอย่างออกมาดูแล้วมีประสิทธิภาพเสมือนกับว่าทุกฟีเจอร์ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ได้รับการพัฒนาไปตามเวอร์ชันของ Photoshop ด้วยตลอดเวลา ถึงแม้ว่านั่นจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดในการที่จะรวบรวมคำสั่งและสร้างคำสั่งใน Photoshop เวอร์ชันใหม่ก็ตาม
อีกสิ่งหนึ่งที่เราอยากให้คุณรู้ก็คือเรามีอุปกรณ์เครื่องมือหลายๆ อย่างมากมายใน Photoshop ซึ่งการมีอุปกรณ์เครื่องมือหลายๆ อย่างในโปรแกรมเดียวนั้นถือได้ว่าเป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนในเวลาเดียวกัน อย่างที่คุณอาจจะทราบว่าผู้คนรักที่จะใช้งาน Photoshop ก็เพราะการที่ตัวโปรแกรมสามารถทำอะไรหลายๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกันแต่ทว่านั่นก็กลับกลายเป็นหอกทิ่มแทงผู้ใช้งานที่เพียงแค่ต้องการฟีเจอร์การใช้งานเพียงแค่ 2 – 3 อย่างก็เพียงพอต่อความต้องการของพวกเขาแล้ว แถมเครื่องมืออื่นๆ นั้นก็เข้ามาทำให้งานของเขานั้นยุ่งยากไปมากกว่าเดิมอีก
ดังนั้นหากจะว่าไปการที่มีอุปกรณ์เครื่องมือการทำงานหลายๆ อย่างในโปรแกรม Photoshop นั้นก็กลายเป็นเรื่องที่ทำร้ายผู้ใช้งานอย่างหลีกเลี่ยงเสียไม่ได้ ทว่าพวกเรา(ทีมงาน) ก็คิดว่าการที่ Photoshop มีเครื่องมืออุปกรณ์ในการใช้งานครบถ้วนทุกอย่างนั้นน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าต่อผู้ใช้งานของพวกเรา และด้วยเหตุนี้เราจึงได้แยกโครงการ Recess ออกมาเพื่อที่จะทำการแยกเครื่องมือบนโปรแกรม Photoshop ไปใช้งานในโปรแกรมอื่นๆ ที่ผู้ใช้ต้องการแยกต่างหาก(หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือ Photoshop ในเวอร์ชันที่มีเครื่องมืออุปกรณ์ไม่มากนั่นเองครับ)
คำถามจาก VentureBeat:คุณสามารถที่จะพูดได้หรือไม่ว่าสิ่งที่ Photoshop ส่งผลกระทบนั้นเกิดขึ้นกับชุมชนของนักดีไซน์อย่างกว้างขวาง
คำตอบจาก Stephen Nielson: เราสามารถที่จะทำการตอบได้อย่างภาคภูมิใจว่า Photoshop นั้นได้ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อวงการการออกแบบดีไซน์และแม้แต่กระทั่งวงการการถ่ายภาพด้วยเช่นเดียวกัน มีหลายๆ คนชอยที่จะชี้ออกไปและเรียกผลสำเร็จ(รูปภาพ) นั้นว่า Photoshop แต่ผมจะคิดอยู่เสมอว่า Photoshop นั้นไม่ได้เป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับรูปภาพแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะในความคิดของผมนั้น Photoshop หมายถึงการออกแบบด้วยเช่นเดียวกัน(ในที่นี้คือไม่ได้เป็นเพียงแต่การปรับแต่งภาพ แต่เสมือนกับเป็นการนำภาพมาออกแบบสร้างสรรค์ให้ได้สิ่งใหม่ๆ เช่นการทำกราฟิกดีไซน์ หรือการออกแบบเว็บไซต์)
และสำหรับในสายตาของประชาชนทั่วไปแล้ว เรายังเคยได้ยินคนใช้คำว่า Photoshopping — หรือใช้คำว่า Photoshop ในฐานะที่เป็นคำกริยา ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราไม่อาจจะปล่อยผ่านไปได้เฉยๆ หรืออย่างน้อยฝ่ายกฎหมายของเราก็ไม่ต้องการให้เราไปทำอะไรใหญ่โต เพราะการที่ชื่อผลิตภัณฑ์หนึ่งสามารถกลายมาเป็นคำกริยาได้ ตัวอย่างเช่น “hey, go Google that.” นั่นเป็นหลักฐานอย่างดีว่าผลิตภัณฑ์นั้นต้องมีผลกระทบต่อการใช้งานมากแค่ไหนจนผู้คนทั่วไปนำชื่อของผลิตภัณฑ์ไปใช้เป็นคำกริยากัน
คำถามจาก VentureBeat:แต่ในบางทีการพูดโดยใช้คำว่า “shopped” นั้นก็ไม่ได้มีความหมายไปในทางที่ดี คุณมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร
คำตอบจาก Stephen Nielson:ก็เป็นเรื่องจริงอย่างที่คุณว่า เพราะเครื่องมือชิ้นหนึ่งๆ นั้นคงจะไม่สามารถที่จะดีและไม่ดีไปพร้อมๆ กันในสายตาของใครบางคนได้อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการใช้คำพูดชื่อผลิตภัณฑ์ของเราในการสื่อความหมายนั้นก็คงจะไปหวังว่าผู้ใช้จะมีความหมายไปในทิศทางที่ดีอยู่ตลอดเวลาไม่ได้ ผมคิดว่าก่อนหน้านี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันคำว่า “Photoshopping” นั้นถูกถกเถียงกันมาอย่างยาวนานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการแฟชัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาพที่แสดงทางเรื่องสภาพของร่างกายที่เมื่อผ่านการทำ Photoshop แล้วอาจจะดูดีเกินความจริง แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ Adobe เองเคยเอามาใช้ในการโปรโมตผลิตภัณฑ์ Photoshop แต่อย่างใด
ตัวอย่างภาพก่อนและหลังจากที่ผ่านการทำ Photoshop
อย่างไรก็ตามเหมือนกับที่คุณบอกว่าเครื่องมือของเรานั้นสามารถที่จะถูกนำไปใช้งานได้ทั้งในทิศทางที่ดีและทิศทางที่ไม่ดี แต่เรามั่นใจว่าผู้ที่ใช้เครื่องมือของเราในการทำงานนั้นมีความตั้งใจที่จะใช้เครื่องมือไปในสถานการณ์ที่ดีมากกว่าในการที่จะสร้างสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความเสียหาย เรา(หมายถึงทีมงาน) มีเรื่องราวต่างๆ มากมายของการทำ Photoshop ที่ไปสร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญทางการแพทย์(น่าจะหมายถึงการปรับใสห้เกิดความสวยงามเกินจริงเพื่อใช้ในการโฆษณา) แต่เราก็มีเรื่องราวมากมายที่ Photoshop ได้ถูกนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาเรื่องของอาชญากรรมเช่นเดียวกัน
คำถามจาก VentureBeat:จากที่ตอนนี้ทาง Adobe ได้ก้าวเข้ามาทำให้โปรแกรมอยู่ในการใช้งานผ่านระบบ cloud หรือที่ใช้ชื่อว่า Creative Cloud และได้มีการพลักดันให้ Photoshop นั้นดูน่าตื่นเต้นขึ้นตลอดเวลาในทุกๆ ปี ทำให้ผลิตภัณฑ์ Creative Cloud เป็นการพลักดันในรูปแบบใหม่ที่ต่างไปจากเดิม คุณมีความรู้สึกว่า Creative Cloud นั้นป้องกันฟีเจอร์ไร้ประโยชน์ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมากรึเปล่า
คำตอบจาก Stephen Nielson:ใช่อย่างแน่นอนมากที่สุดครับ ผมคิดว่าแนวทางที่เราเปลี่ยนจากการพยายามในการเปลียนรูปแบบการขายผลิตภัณฑ์จากรูปของกล่องที่ขายขาดมาเป็นการให้บริการลงทะเบียนผ่านระบบ cloud นั้นอาจจะทำให้ผู้ใช้บางคนเกิดความขุ่นหมองใจบ้าง แต่ทว่านี่เป็นหนทางที่ดีที่สุดที่เราจะได้พบกับผู้ใช้รายใหม่ให้มากขึ้นๆ เท่าที่พวกเราจะทำได้(ซึ่งสามารถบอกได้จากจำนวนตัวเลขของผู้ลงทะเบียนในปัจจุบัน) และผมขอตอบตามตรงเลยว่าสิ่งนี้ทำให้เราเห็นคุณค่าของตัวโปรแกรมมากกว่าที่เราเคยเห็นมา
ในการเปลี่ยนรูปแบบมาใช้การลงทะเบียนเพื่อที่จะใช้งานตัวโปรแกรมแทนนั้นทำให้เรามีแนวคิดไปในทิศทางที่บวกมากขึ้นในการพัฒนาตัวโปรแกรมและการเพิ่มเติมฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้าไป ผมหมายถึงรูปแบบการใช้งานแบบลงทะเบียนนั้นน่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับ Adobe อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ผมคิดว่ารูปแบบการลงทะเบียนในการใช้งานไม่ได้ดีกับพวกเราแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะผู้ใช้ก็ได้รับผลดีด้วยเช่นเดียวกัน อย่างน้อยก็คือในส่วนของราคาที่จะถูกมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดครับ
นอกเหนือไปจากนั้นรูปแบบการใช้งานผ่านระบบ cloud ยังทำให้พวกเราสามารถที่จะทำการมุ่งจุดสำคัญที่จะตอบสนองกับผู้ใช้งานได้อย่างมากที่สุดอีกต่างหาก ซึ่ง ณ ปัจจุบันคำถามในการพัฒนา Photoshop ของเรานั้นกลายเป้นว่า อะไรที่ผู้ใช้จะใช้งานมากที่สุด แทนที่จะเป็นคำถามแบบเก่าๆ ที่ถามว่าทำอย่างไร Photoshop ถึงจะดูดีมากที่สุด เห็นไหมครับว่าวิธีการแบบนี้ทำให้เราได้นึกถึงผู้ใช้งานมากขึ้นขนาดไหน
อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องมานั่งคอยคิดกันอีกต่อไปแล้วว่าเราจะเอาจุดขายใดขึ้นมาในการทำโฆษณาสำหรับการขาย Photoshop เวอร์ชันใหม่ๆ เพราะผู้ใช้ได้ให้คำตอบกับเราไปหมดเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นหน้าที่ของเราจึงมีแค่เพียงการพัฒนาให้ Photoshop ดีขึ้นมากกว่าเดิมต่อๆ ไปเท่านั้น อย่างไรก็ตามผมไม่ได้หมายความว่าเราจะทิ้งคำถามต่างๆ เหล่านั้นไว้เป็นอดีตหมดเลยนะครับ เพราะอย่างไรแล้วเมื่อถึงจุดหนึ่งเราก็ต้องนำมันมาพิจารณาเพื่อที่จะหาลูกค้ารายใหม่ๆ อยู่ดีครับ
คำถามจาก VentureBeat:คำถามสุดท้ายแล้วครับ เราสามารถที่จะถามคุณให้ลึกลงไปในรายละเอียดกว่าเดิมได้ไหมครับว่าในอนาคตของ Photoshop นั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอีกในลักษณะใด และจาก 25 ปีที่ผ่านมานี้(หากเทียบเวลาตามระยะเวลาของอินเทอร์เน็ตแล้ว) ถือได้ว่า Photoshop เป็นโปรแกรมที่แก่แล้วหรือไม่ครับ
คำตอบจาก Stephen Nielson:ก็เป็นไปอย่างที่คุณพูดนะครับ โปรแกรมนี้ก็มีอายุเข้ามาสู่ปีที่ 25 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหากเปรียบเป็นอายุในวงการณ์เทคโนโลยีแล้วหล่ะก็ถือได้ว่า 25 ปีของ Photoshop นั้นเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมากเลยทีเดียว บางคนอาจจะคิดว่าวันที่รุ่งเรืองของโปรแกรม Photoshop ได้ผ่านมาแล้ว หรือบางคนอาจจะคิดว่าวันนั้นของ Photoshop ยังคงมาไม่ถึง แต่ผมคิดว่าเราได้มีโอกาสที่มหัศจรรย์มากๆ ในการที่จะทำให้ Photoshop ก้าวไปข้างหน้าอย่างไร โดยผมจะแบ่งออกเป็น 3 ด้านด้วยกันครับ
ด้านแรกนั้นก็คือ Photoshop และ Creative Cloud นั้นจะกลายมาเป็นวิธีการปกติทั่วไปที่ผู้คนธรรมดาหันมาใช้งานในการสร้างสรรค์ผลงานทางด้านการออกแบบต่างๆ ออกมา Creative Cloud Libraries จะเป็นสิ่งหนึ่งที่พวกผู้ใช้คิดถึงเมื่อต้องการที่จะสร้างงานที่มีความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ในขณะที่แอปพลิเคชันสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ก็จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยให้การทำงานของพวกเขาเหล่านั้นง่ายขึ้นไม่ว่าจะอยู่ที่ใด
โปรแกรม Adobe Photoshop เวอร์ชันแรกสุดที่ถูกผลิตออกมาขายในแบบกล่องเมื่อ 25 ปีที่แล้ว
ด้านที่สองนั้นก็คือรูปแบบความนิยมหรือโอกาสที่ทางพวกเราจะได้รับในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ ออกมาเพิ่มเติมครับ ซึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคงหนีไม่พ้นในเรื่องของโครงการ Recess ที่จะเปิดโอกาสให้เราสามารถที่จะทำการสร้างเครื่องมือที่แตกต่างกันออกไปในการสร้างสรรค์ผลงานของผู้ใช้ตามประสบการณ์ของผู้ใช้งาน แน่นอนว่า Photoshop นั้นสามารถที่จะทำทุกอย่างได้ แต่ปัญหาที่เราจะต้องทำการแก้ไขก็คือการทำงานในด้านต่างๆ เปล่านั้นจะสร้างประสบการณ์ที่ดีพอให้ผู้ใช้งานในสาขาที่แตกต่างกันได้หรือไม่ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เรากำลังพัฒนาอยู่อย่างไม่หยุดยั้งครับ
ส่วนด้านสุดท้ายนั้นซึ่งเป็นสิ่งที่เราพยายามที่จะทำให้เกิดขึ้นเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นก็คือการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นบนโลกของ Photoshop และนวัตกรรมนั้นจะเกิดขึ้นเร็วจนที่คู่แข่งรายอื่นๆ คิดตามาเราไม่ทันอย่างแน่นอน(เผลอๆ อาจจะไม่มีความสามารถในการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ให้เหมือนอย่างที่เราทำได้) ส่วนที่เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่เราเร่งสร้างสรรค์ให้เร็วที่สุดในตอนนี้ก็คือเรื่องของโลก 3 มิติ ครับ
ผมเชื่อว่าในอนาคตนั้นเราจะได้เห็นกล้องที่มาพร้อมกับเซนเซอร์ที่สามารถถ่ายภาพที่มีความลึกมากกว่าเดิมได้อย่างแน่นอน และจุดนั้นเองเป็นสิ่งที่เราอาจจะพัฒนาไปนำเสนอให้กับผู้ใช้ได้สัมผัสก่อนและเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับรู้ว่า Adobe Photoshop นั้นจะก้าวไปข้างหน้าเรื่องๆ ตามทิศทางใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อรองรับกับการใช้งานของผู้ใช้จากทุกแขนงครับ และสิ่งหนึ่งที่เรามั่นใจมากก็คือวันที่ดีที่สุดจะอยู่ในอนาคตควบคู่ไปกับผู้ใช้ในแต่ละยุคสมัยอย่างแน่นอนครับ
ที่มา : venturebeat