หลังมีคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีแรงงาน ให้นายจ้างสามารถไล่ลูกจ้างที่ใช้คอมพิวเตอร์ และเครื่องมือสื่อสารด้วยการแชทหรือเล่นอินเตอร์เน็ตในเวลางานออกจากงานได้ทันที และนายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายแก่ลูกจ้าง ซึ่งสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทยระบุว่า ใน 500 บริษัท มีการเลิกจ้างงานจากกรณีนี้ 31 รายแล้ว เพราะทำให้พนักงานนั่งแชททั้งวัน ไม่มีสมาธิทำงาน ส่งงานไม่ทันตามกำหนด รวมทั้งนายจ้างตักเตือนทางวาจาและออกหนังสือเตือนแล้ว แต่ไม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจึงต้องให้ออกจากงาน รวมทั้งหากอยู่ในสายการผลิต การละสายตาจากงานเพียงเสี้ยววินาที อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบการผลิตได้
ซึ่งนายวรานนท์ ปีติวรรณ รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน บอกว่า หากลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถใช้สิทธิร้องทุกข์ต่อพนักงานตรวจแรงงาน เพื่อตรวจสอบ รวมถึงใช้สิทธิร้องต่อศาลแรงงานให้คุ้มครองได้
ส่วนเดลีเมล์ อังกฤษ มีกรณีตัวอย่าง เมื่อสาวชาวรัฐเทกซัส สหรัฐ ชื่อ เซลลา ได้งานเป็นบริกรในร้านพิซซ่า และจะเริ่มงานภายในวันรุ่งขึ้น ทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า “โอ้ย พรุ่งนี้ฉันต้องเริ่มงานห่วยๆ แล้ว” แต่นายโรเบิร์ต เจ้าของร้านเห็นข้อความนี้ เขาโมโหและทวิตตอบกลับไปว่า “คุณไม่ต้องมาเริ่มทำงานห่วยๆ วันนี้แล้วนะ! ผมไล่คุณออก! ขอให้โชคดีกับชีวิตที่ไม่มีเงิน ไม่มีงานนะครับ!” กลายเป็นเรื่องโด่งดังในโลกออนไลน์
บางคนมองว่าเป็นเรื่องไม่ยุติธรรมที่เธอถูกไล่ออก เนื่องจากข้อความของเธอไม่มีกล่าวอ้างถึงชื่อร้านอาหาร แตาหลายคนก็มองว่า สมควรแล้ว เป็นตัวอย่างหนึ่งของวัยรุ่นยุคนี้ และผลจากโซเชี่ยวมีเดียนั่นเอง
ที่มา : voicetv