สำหรับ Toshiba Kira เป็นโน๊ตบุ๊คที่มีข้อเสนอด้วยสเปคที่แข็งแกร่งมาให้ผู้ใช้ได้เป็นตัวเลือกในญี่ปุ่นสำหรับปีที่ผ่านมา ด้วยการเป็น Ultrabook 13.3″ ที่มีดีไซน์บางและเบาเป็นพิเศษ ซึ่งการออกแบบหน้าจอชั้นยอดและองค์ประกอบต่างๆ ที่มีคุณภาพ พร้อมลำโพง Harman Kardon โดยที่ยังยืนยันในการปรับปรุงด้วยการใช้ซีพียู Intel Core Gen.5
โดยชิปบางตัวออกแบบให้มีการเหมาะกับการใช้พลังงาน ที่จะทำให้ Kira สามารถใช้งานได้นานขึ้นถึง 6 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีการอัพเกรดซอฟต์แวร์และเพิ่มฟีเจอร์สำหรับการตรวจสอบใบหน้าสำหรับเข้าใช้งานโน๊ตบุ๊คหรือ Facial Recognition ด้วยกล้องเว็บแคมที่ติดมาด้วยนั่นเอง
Toshiba หวังที่จะเปิดตัว Kira ในปี 2015 เพื่อเป็น Ultrabook 13.3″ รุ่นใหม่ ที่มีการพัฒนาที่แตกต่างออกไป 3 ส่วนด้วยกัน ส่วนหนึ่งคือ การเปลี่ยนไปใช้ Intel Core Broadwell Gen 5 ที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพที่ดีขึ้น แต่ใช้พลังงานต่ำลง ในทางปฏิบัติหมายถึงความเป็นไปได้ที่ผู้ใช้จะสามารถใช้งานร่วมกับ Kira ได้นานถึง 13-16 ชั่วโมง ช่วยให้ Ultrabook รุ่นนี้ได้เกือบทั้งวันโดยไม่ต้องชาร์จไฟ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเลือกใช้งานแบบใด
ส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงอีกจุดหนึ่งก็คือ ทางเลือกของพาแนลที่มีความละเอียด 2560 x 1440 pixels น้ำหนัก 1.3 กิโลกรัม ที่ให้ระยะการทำงานได้ 13 ชั่วโมง และพาแนลแบบ Full-HD 1920 x 1080 pixels น้ำหนัก 1.1 กิโลกรัม รองรับการใช้งานที่ 16 ชั่วโมง โดยความแตกต่างเหล่านี้ ส่งผลต่อการตัดสินใจในการใช้งานระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว แต่ก็ต้องเปรียบเทียบตามความเหมาะสมว่าต้องการใช้งานความละเอียดสูงๆ ด้วยหรือไม่ แต่ในรุ่นความละเอีดยสูงนั้น จะได้ฟังก์ชั่นในระบบทัชเพิ่มเติมเข้ามาเป็นพิเศษ แต่ในรุ่นความละเอียด Full-HD จะเป็นหน้าจอสัมผัสที่เป็นโมเดลของจอโน๊ตบุ๊คพื้นฐานเท่านั้น
ส่วนตัวที่จะมากำหนดประสิทธิภาพของระบบอยู่ที่ หน่วยประมวลผลที่ใช้ซีพียู Intel Core i7-5500U ทำงานในแบบ Dual Core ความเร็วสัญญาณนาฬิกา 2.4GHz แต่เมื่อเข้าสู่โหมด TurboBoost แล้ว ยังสามารถกระชากความเร็วไปถึง 3GHz เลยทีเดียว รวมไปถึงแรมที่มีให้ถึง 8GB และผลจาก SSD 128/ 256GB ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพได้สูงยิ่งขึ้น เป็นที่ทราบกันดีว่า SSD ให้ความเร็วในการทำงานที่มั่นใจได้มากกว่า
นอกจากนี้ด้วยฟีเจอร์หลายส่วน ยังช่วยยกระดับการทำงานของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ให้ดูเหนือชั้นขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็น การใช้ใบหน้าเพื่อล็อคอินเข้าระบบด้วยกล้องคุณภาพสูง ระบบ fingerprint-resistant เป็นต้น แต่ที่น่าสนใจก็คือ ฟีเจอร์ที่ใช้ในการตรวจสอบหรือ Calibrate ระบบสีให้สอดคล้องกับการใช้งาน รวมถึงภาพที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงตามธรรมชาติมากที่สุดนั่นเอง