ผู้ให้บริการสำรองข้อมูลผ่านทาง Online อย่าง backblaze ได้สรุปรายงานประจำปีที่ผ่านมาของฮาร์ดไดร์ฟที่เขาเลือกใช้กับองค์กร ซึ่งในรายงานนี้มีไฮไลท์บางส่วนอยู่ที่ทาง backblaze ได้ทำค่าเฉลี่ยของอายุฮาร์ดไดร์ฟที่เขาเลือกใช้ รวมถึงทำผลสรุปของอัตราการพังหรือ Failure Rates (A failure is when we have to replace a drive in a pod.) ของฮาร์ดไดร์ฟอีกด้วย โดยทาง backblaze ได้เลือกใช้ฮาร์ดไดร์ฟจาก 3 แบรนด์หลักๆ ทั้ง HGST , Segate และ Western Digital หรือ WD โดยมีผลสรุปรายงานออกมาตามกราฟดังนี้
อัตราการพังของฮาร์ดไดร์ฟ
ซึ่งอัตราการพังหรือ Failure?Rates ของฮาร์ดไดร์ฟในปีที่ผ่านมาของ backblaze?นั้น ดูเหมือนว่าฮาร์ดไดร์ฟความจุ 3TB พังง่ายมากที่สุด ตามมาด้วยความจุ 1.5TB โดยแบรนด์ที่มีอัตราการ Failure?Rates ?หรืออัตราการพังมากที่สุดจะเป็นแบรนด์ Seagate ที่มีอัตราอ Failure?Rates ในความจุ 3TB เฉลียระหว่างปี 2013-2014 มากถึง 40% ด้วยกันจากฮาร์ดไดร์ฟทั้งหมดที่ทาง backblaze ใช้กว่า 25,000 ตัว ซึ่อัตราการพังเพิ่มจากปี 2013 มากถึง 30 กว่า % กันเลยทีเดียวส่วนค่าเฉลี่ยของฮาร์ดไดร์ฟนั้นจะมีอายุอยู่ที่ 2.2 ปีเมื่อใช้งานตลอดเวลาครับ เช่นเดียวกับแบรนด์อย่าง HGST และ WD เองก็มีอัตรา?Failure?Rates เพิ่มขึ้นมากไม่แพ้กันครับ
ซึ่งอย่างไรก็ตามความผิดพลาดหรือ Failure?Rates ?นี้อาจจะเกิดขึ้นได้เสมอครับเพราะทาง backblaze เองก็ใช้ฮาร์ดไดร์ฟค่อนข้างหนักเรียกได้ว่าเปิดตลอด 24 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว เอาเป็นว่าก็ขอฝากไว้เป็นข้อมูลครับ ส่วนใครที่อยากอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมก็เข้าไปดูได้เลยที่ลิงค์ด้านล่างครับ
อย่างไรก็ตามข้อมูลจาก Blackblaze เป็นแค่ข้อมูลจากสื่อทางเดียว ซึ่งไม่สามารถชี้วัดอะไรได้มาก และไม่สามารถนำใช้ประกอบการตัดสินใจว่าฮาร์ดไดร์ฟตัวไหนดีหรือไม่ดีหรือไม่อย่างไร รวมไปถึงประกอบการตัดสินใจซื้อฮาร์ดไดร์ฟไปใช้งานทั่วไปได้ซะทีเดียว เพราะเป็นเพียงประสบการการณ์ใช้จริงจากสื่อเดียวและดูเหมือนข้อมูลอ้างอิงจะเห็นได้ว่า Blackblaze นั้นใช้ฮาร์ดไดร์ฟบางส่วนที่ผิดประเภท เช่นนำฮาร์ดไดร์ฟบางส่วนจากฝั่งผู้ใช้ทั่วไป ทั้งแบบ Internal และ External ไปใช้งานในองค์กรที่ผ่านการโมดิฟายมาแล้วเป็นต้น ซึ่งผู้อ่านก็โปรดโช้วิจารณญาณในการอ่าน หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมกันด้วยนะครับ
ที่มา : Guru3d?/ ข้อมูลเพิ่มเติม :Blackbaze , Blackblaze2