เรื่องของการปิดกั้นทางการแข่งขันนั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ Apple ต้องเจอฟ้องมาหลายๆ ต่อหลายครั้งเลยทีเดียวครับ หนึ่งในครั้งนั้นก็คือการรวมตัวกันของผู้ใช้งาน iPod ที่ได้ทำการฟ้อง Apple ว่าโปรแกรม iTunes นั้นได้ทำการลบเพลงหรือเนื้อหาที่ไม่ได้มีที่มาจากทาง iTunes โดยการฟ้องร้องนี้เกิดขึ้นจากการรวมตัวของผู้ใช้งาน iPod ตั้งแต่ในช่วงปี 2006 – 2009 ซึ่งได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากทาง Apple ถึง?$350 million หรือประมาณ 1.155 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียวครับ
สิ่งที่น่าสนใจนั้นเกิดขึ้นขณะที่วิศวกรสำหรับ iTunes เก่านาม?Rod Schultz ซึ่งเป็นพยานฝ่ายโจทก์ได้ให้การต่อศาลว่าตัวของ?Schultz นั้นเคยทำงานอยู่ในทีมพัฒนา iTunes ครับ โดยเขาทำหน้าที่อยู่ในโครงการที่มีชื่อว่า “Candy” ช่วงปี 2006 – 2007 โดยหน้าที่ของเขาก็คือการหาวิธีปิดกั้นแอปของคู่แข่งรวมไปถึงเนื้อหาดิจิทัลที่ไม่ได้มาจาก iTunes โดยตรง(แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลไว้ว่ารูปแบบของตัวงานนั้นมีตื้นลึกหนาบางเป็นอย่างไร) โดยทาง?Schultz ได้ทำงานกับ Apple จนถึงปี 2008 ก่อนที่จะลาออกจาก Apple ไปครับ
หลังจากที่ออกมาจากบริษัท Apple แล้ว ในปี 2012 ทาง?Schultz ได้เขียนเอกสารทางวิชาการหัวข้อ??The?Many?Facades?of?DRM? และตีพิมพ์ออกมา?ซึ่งเนื้อหานั้นเกี่ยวข้องกับการต่อสู้อย่างลับๆ ของบริษัท Apple กับเหล่าแฮกเกอร์ ที่ทาง Apple ต้องการที่จะป้องกันไม่ให้ iPod ถูกเจาะระบบโดยบรรดาแฮกเกอร์ได้ ซึ่งเป็นที่มาของโครงการ Candy นั่นเองครับ อย่างไรก็ตามทนายฝ่ายโจทก์ได้ยื่นขอให้ศาลรับเอกสารทางวิชาการฉบับนี้เข้าเป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาคดี แต่ทว่าศาลก็ได้ทำการปฏิเสธไปเป็นที่เรียบร้อยครับ
อย่างไรก็ตามครับ หลังจากที่ได้ขึ้นให้การในชั้นศาลเสร็จทาง?Schultz ก็ได้ออกมาให้ความเห็นนอกศาลว่า สิ่งที่ Apple ทำนั้นเกิดขึ้นมาจากความพยายามที่ทาง Apple ต้องการที่จะป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์บน iPod ให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้แฮกเกอร์สามารถที่จะทำการเจาะระบบ iPod เข้าไปได้(รวมไปถึงนำเอาไฟล์ที่ซื้อถูกลิขสิทธิ์ผ่านทาง iTunes ไปเผยแพร่ที่อื่น) แต่เมื่อเวลาผ่านไปนั้นกลับกลายเป็นว่าสิ่งที่ Apple ทำนั้นเปลี่ยนเป็นเครื่องมือในการผูกขาดตลาดเนื้อหาดิจิทัลไปครับ
ที่มา :?blogs.wsj.com