ก่อนหน้าที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการนั้นมีข่าวลือมากมายอย่างหนาหูครับว่า iPhone 6 นั้นจะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมกับกระจกหน้าจอแบบ Sapphire ทว่าก็อย่างที่เราๆ ท่านๆ ทราบกันดีหลังจากที่มีการเปิดตัว iPhone 6 อย่างเป็นทางการไปแล้วว่า iPhone 6 ทั้ง 2 รุ่นนั้นไม่ได้มาพร้อมกับหน้าจอแบบกระจก Sapphire ปัญหานั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่ Apple เข้าไปเซ็นสัญญากับทาง GT Advanced Technologies ครับ ด้วยความที่ Apple ต้องการจะให้?GT Advanced Technologies เป็นผู้ผลิตหน้าจอแบบ Sapphire ให้แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น(หรือเอาง่ายๆ ก็คือผลิตภายใต้สัญญาของบริษัท Apple แต่เพียงผู้เดียว) หลังจากที่มีการเซ็นสัญญาแล้วความสัมพันธ์ของทั้ง 2 บริษัทนั้นก็ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ
มีข้อมูลหลุดออกมาว่าทาง?GT Advanced Technologies นั้นไม่สามารถที่จะผลิตหน้าจอแบบกระจก Sapphire ให้กับ Apple ได้ในขนาดและปริมาณ(รวมไปถึงคุณภาพ) ตามที่ Apple ต้องการ ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 บริษัทนั้นเริ่มขาดออกจากกันเรื่อยๆ ตัวอย่างของความล้มเหลวก็อย่างเช่นหน้าจอแบบกระจก Sapphire นั้นมีราคาต่อหน่วยในการผลิตที่แพงมาก หรือแม้แต่กระทั่งพนักงานที่ทาง?GT Advanced Technologies รับเข้าไป 700 กว่าชีวิตก็ยังไม่รู้ครับว่าตัวเองจะต้องทำงานอย่างไร หรือแม้แต่กระทั่งความจริงที่ว่าก่อนที่ทั้ง 2 บริษัทจะเซ็นสัญญากันนั้น?GT Advanced Technologies ได้ผลิต Sapphire มากถึง 262.18 kg แต่ทว่ากลับไม่สามารถที่จะใช้งานได้แม้แต่กรัมเดียวครับ
นอกเหนือไปจากนั้นความต้องการของทาง Apple นั้นก็น่ากลัวครับ Tim Cook ผู้เป็น CEO ของ Apple และทีมของเขาต้องการของดีที่มีคุณภาพแต่ราคานั้นย่อมเยาว์ ซึ่งนั่นทำให้เกิดปัญหากับบริษัทที่ร่วมงานกับ Apple ในเรื่องของการบริหารกำไรที่จะได้จาก Apple เป็นอย่างมาก ทำให้?GT Advanced Technologies ไม่สามารถที่จะทำได้ตามที่ต้องการทั้งกับความต้องการของทาง Apple เองและความต้องการของบริษัทครับ อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีข่าวออกมาว่าทั้ง 2 บริษัทได้ทำการลงทุนไปถึงกว่า $1 billion หรือ 3.1 หมื่นล้านบาท เพื่อที่จะทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดจุดที่พอดีต่อความต้องการของทั้ง 2 บริษัทนั้น แต่การร่วมทำงานนี้ก็ยังคงไม่ประสบความสำเร็จดังที่ Apple หรือ?GT Advanced Technologies ได้คาดหวังไว้ครับ ยังเป็นการยากครับที่จะบอกในตอนนี้ว่า Apple จะเลิกลากับเทคโนโลยีหน้าจอกระจกแบบ Sapphire หรือไม่และความสัมพันธ์ของทั้ง 2 บริษัทนี้จะจบลงเช่นไร คงต้องรอคอยดูกันต่อไปครับ
ที่มา : theverge