เป็นเรื่องที่น่าคิดพอสมควรตั้งแต่การเปิดตัว iPhone 6 และ iPhone 6 Plus แล้วครับ สำหรับที่เก็บข้อมูลภายในของรุ่นล่าง กับรุ่นกลางนั้นมากกว่ากันแบบก้าวกระโดด คือจาก 16 GB ไปเป็น 64 GB ซึ่งเรื่องแปลกๆ นี้ก็ลามตามมาถึง iPad Air 2 และ iPad Mini 3 เช่นเดียวกัน เครื่อง iPad Air 2 รุ่นแหล่งเก็บข้อมูลขนาด 16 GB นั้นจะมีราคาอยู่ที่ $499 หรือประมาณ 15,470 บาท ส่วนในรุ่น 64 GB นั้นจะมีราคาอยู่ที่ $599 หรือประมาณ 18,570 บาท ซึ่งส่วนต่าง $100 หรือ 3,200 บาทแล้วได้รับแหล่งเก็บข้อมูลแบบก้าวกระโดดอย่างนี้ถือได้ว่าเป็นแรงจูงใจชั้นดีที่จะให้ผู้ซื้อหันมาซื้อรุ่นที่มีแหล่งเก็บข้อมูลที่มาพร้อมกับความจุระดับกลางหรือสูงครับ
สาเหตุที่แหล่งเก็บข้อมูลมีลักษณะออกมาในรูปแบบของการก้าวกระโดดแบบนี้นั้นส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ราคาของแหล่งเก็บข้อมูลความจุ 16GB และ 32GB นั้นแตกต่างกันอยู่ที่ประมาณ $5 หรือประมาณ 155 บาทเท่านั้นครับในปัจจุบัน การที่ Apple ใช้แหล่งเก็บข้อมูลสำหรับ iPad Air 2 และ iPad Mini 3 มาที่ 16 GB นั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องของการตลาดล้วนๆ ครับ
ก่อนอื่นต้องบอกว่า iPad Air 2 และ iPad Mini 3 นั้นมีการเพิ่มความละเอียดของกล้องมากขึ้นกว่าเดิมเป็น 8 MP ซึ่งแน่นอนครับว่าเมื่อความละเอียดของกล้องเพิ่มขึ้น ขนาดเนื้อที่ ที่จะใช้ในการจัดเก็บภาพแต่ละภาพนั้นก็จะมากขึ้นตาม หรือยังจำกันได้ไหมครับว่าตอนที่ Apple เปิดให้ผู้ใช้สามารถที่จะทำการอัพเดท iOS ผ่าน OTA จาก 7 ขึ้นเป็น 8 นั้น จะต้องมีพื้นที่เหลือว่างถึง 5 GB เพื่อที่จะดาวน์และทำการอัพเดท(ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายๆ คนยังไม่อัพเดท iOS กัน)
จากข้อมูลตรงส่วนนี้เองครับ เราจะเห็นได้ว่าแหล่งข้อมูลขนาด 16 GB นั้นไม่น่าจะพออีกต่อไป โดยผู้ใช้ส่วนใหญ่ น่าจะทำการซื้อ iPad Air 2 (รวมไปถึง iPhone 6, iPhone 6 Plus, iPad Mini 3) ที่มาพร้อมกับรุ่นความจุ 64 GB มากกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคาดว่า iPad Air 2(หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ) ที่มาพร้อมกับความจุ 16 GB นั้นก็จะยังคงสามารถที่จะทำตลาดได้อยู่ต่อไปสำหรับผู้ที่ต้องการแท็บเล็ตในระดับเริ่มต้นนั้นเองครัยบ
หมายเหตุ – สิ่งที่แปลกก็คือในขณะที่แหล่งเก็บข้อมูลแบบ NAND Flash ที่นิยมใช้ในสมาร์ทโฟน และ แท็บเล็ตรุ่นความจุขนาด 32 GB นั้นมีราคาต่ำลงมาใกล้กับรุ่น 16 GB มากแต่ทว่าเราก็ยังคงจะเห็นผู้ผลิตปล่อยผลิตภัณฑ์ในระดับกลางที่ 16 GB กันอยู่ดีครับ
ที่มา : cnet