ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานั้นเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางครับว่าเป็นช่วงเวลาของการเจริญเติบโตของ Social media ครับโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Facebook ที่มียอดผู้ใช้งานสูงมาก ถึงแม้ว่า Google จะเป็นเว็บที่มีคนเข้าใช้งานมากที่สุด(ในสหรัฐอเมริกา) แต่ Facebook นั้นก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารและเชื่อมต่อกับโลกรอบตัวผู้ใช้ไปเรียบร้อยแล้ว Facebook ได้อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถที่จะเข้าไปสร้างโปรไฟล์, อัพโหลดรูปภาพและวีดีโอ, ส่งข้อความหากัน โดยที่เด็ดไปกว่านั้นก็คือ Facebook ได้ทำให้เราๆ ท่านๆ ได้ทำการติดต่อสื่อสารกับเพื่อน, ครอบครัว และเพื่อนร่วมงานได้อยู่ตลอดเวลาครับ
อย่างไรก็ตามเหตุผลที่ได้กล่าวไปในข้างต้นนั้นก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่ทำให้ Facebook เติบโตมาได้จนทุกวันนี้ครับ ความจริงก็คือว่า Facebook นั้นไม่ได้เพียงแค่ให้เราติดต่อสื่อสารกับคนที่เรารักอย่างเดียวเท่านั้น แต่ Facebook นั้นได้ก้าวไปไกลกว่านั้นตรงที่ Facebook นั้นตอบสนองความต้องการของมนุษย์ขั้นพื้นฐานได้อย่างดีเยี่ยมครับ เช่นเดียวกันกับร้านขายของชำที่เราจำเป็นจะต้องเข้าไปเพื่อทำการซื้อสินค้ามาใช้งาน Facebook เองนั้นก็ทำให้เรามีความอย่างเดียวกันคือต้องใช้งานทุกวันแต่ทว่าความต้องการนั้นจะเป็นความต้องการทางด้านจิตใจครับ
Facebook ทำให้ผู้ใช้เกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง
ความภาคภูมิใจในตนเองนั้นถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้เรามีสภาพจิตที่ดีครับ ความภาคภูมิใจในตนเองนั้นเปรียบเสมือนเป็นส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนความทรงจำของเรา ความทรงจำของคุณเป็นรูปแบบของการจัดระเบียบข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับตัวเราและสะท้อนออกมาว่าเราคิดเกี่ยวกับอะไร แคร์อะไร และก็ใช้เวลากับพลังงานในการทำสิ่งต่างๆ เหล่านั้นให้มีประสิทธิภาพครับ ตัวอย่างเช่นการวิ่งไม่ได้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่อยู่ในความทรงจำของคุณ?ต่อให้คุณวิ่งเข้าที่สุดท้ายคุณก็จะไม่ได้รับผลกระทบอะไรต่อความภาคภูมิใจในตัวเอง หรือถ้าคุณเป็นคนที่มีความทรงจำว่าควรจะต้องเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลม ถ้าในการสอบของคุณเกิดได้คะแนนน้อยขึ้่นมา ก็จะทำให้เกิดผลกระทบต่อความภูมิใจในตัวของคุณได้ครับ
ทำไมถึงต้องกล่าวถึงความภาคภูมิใจในตัวเอง เหตุผลก็เนื่องมาจากว่าโปรไฟล์ Facebook ของเราๆ ท่านๆ นั้น เป็นหนึ่งในอุปกรณ์เล็กๆ ที่สะท้อนความทรงจำของตัวคุณได้เป็นอย่างดีครับ คุณจะได้เห็นว่า Facebook นั้นมีการให้เราใส่ข้อมูลกิจกรรมยามว่าง, ระดับการศึกษา, แสดงจำนวนเพื่อน และสิ่งต่างๆ ที่เราให้ความสำคัญและแคร์กับพวกมันมาก ง่ายๆ เลยก็คือ Facebook นั้นเปรียบเสมือนเครื่องมือที่ทำการจัดเรียงความทรงจำของเราแล้วทำการเปิดเผยสู่สายตาของคนอื่นทั่วโลกนั่นเองครับ และไม่เพียงแค่นั้น ทFacebook ยังคงเปิดโอกาสให้คุณทำการบล๊อคสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจในตัวของคุณได้อีกด้วยต่างหาก ตัวอย่างเช่น คุณสามารถที่จะเลือกลบข้อความเก่าๆ ที่คุณเคยโพสแล้วรู้สึกว่าข้อความนั้นๆ ไม่ทำให้คุณเกิดความภาคภูมิใจในตัวเองครับ
Facebook ให้คุณจัดการความภาคภูมิใจได้ด้วยตัวของคุณเอง
การจัดการความภาคภูมิใจเป็นกระบวนการที่ผู้คนพยายามที่จะมีอิทธิพลต่อการรับรู้ของคนอื่นครับ ถ้าพูดกันแบบแรงๆ หน่อยแล้วหล่ะก็การจัดการความภาคภูมิใจนั้นจะเป็นกระบวนการเดียวกับการสร้างภาพก็คงไม่ผิดนักครับ แต่ในทางจิตวิทยาแล้วการจัดการความภาคภูมิใจนั้นจะเบากว่าการสร้างภาพเยอะครับ เสมือนกับว่าคุณสามารถที่จะทำการจัดการตัวตนให้เหมาะสมกับการติดต่อสื่อสารได้นั่นเองครับ ในข้อนี้นั้น Facebook ก็เหมือนกันกับสื่อออนไลน์ทั่วไปครับที่ให้คุ๊สามารถที่จะจัดการความภาคภูมิใจของคุณได้ด้วยตัวคุณเอง แต่วิธีการสื่อสารที่ Facebook ทำออกมานั้นตามหลักจิตวิทยาแล้วถือว่ามีประสิทธิภาพที่ดีมากครับ
ตัวอย่างเช่นคุณสามารถที่จะใช้เวลาเท่าไรก็ได้ในการคิด วิเคราะห์และตัดสินใจก่อนที่คุณจะทำการโพสข้อความใดๆ ลงไปครับ ซึ่งนั่นทำให้คุณได้บริหารความภาคภูมิใจและสามารถใช้มันในการติดต่อสื่อสารได้เป็นอย่างดีครับ?กระบวนการการตอบสนองต่อการจัดการความภาคภูมิใจนั้นก็อย่างเช่นจำนวนยอดการกดถูกใจ (like) ครับ โดยจะเห็นได้ว่า ในผู้ใช้หลายๆ คนนั้นมักจะได้รับความรู้สึกภาคภูมิใจ หรือความรู้สึกดีๆ เมื่อสิ่งที่เขาทำการโพสลงไปนั้นมีเสียงตอบรับในทางที่ดี นอกไปจากนั้น Facebook ยังได้ให้ช่องทางในการควบคุม และดูแลการจัดการความภาคภูมิใจของแต่ละคนได้อย่างดีและลงลึกถึงรายละเอียดจริงๆ ครับ
Facebook ช่วยเปิดลักษณะการเข้าสังคมของเราขึ้นมา
Facebook นั้นยังช่วยให้เราเป็นคนเปิดเผย โดยการเปิดให้ผู้ใช้นั้นได้นำความต้องการรวมไปถึงความหลงใหลของตัวเองออกมาจากภายในสู่ภายนอกครับ สิ่งๆ ต่างๆ เหล่านี้ก็สามารถที่จะทำได้ผ่านทางการโพสสถานะ รูป วีดีโอ ฯลฯ ต่างๆ ของเรานั่นเองครับ การที่เราแสดงสิ่งต่างๆ เหล่านี้ออกไปมากเท่าไรนั่นหมายถึงว่าเราได้ทบทวนตัวเองมากกว่าที่ผู้อื่นมาจัดการให้เราครับ นอกไปจากนั้น Facebook ยังเปิดให้คุณได้ทำการซ่อนความปรารถนาลึกๆ ของตัวคุณเองไว้ด้วยอีกต่างหาก ทำให้คุณสามารถที่จะแสดงความปรารถนาออกไปได้โดยไม่ต้องกลัวสิ่งใดครับ(ผ่านการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว)
บทสรุป
จากสิ่งต่างๆ ที่ได้กล่าวไปข้างต้นนั้นจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยครับว่า Facebook มีการใช้จิตวิทยากับเราๆ ท่านๆ อยู่ทุกอย่าง ตามที่ได้บอกไปนั้นส่วนที่ดีที่สุดคงหนีไม่พ้นการที่ Facebook สามารถทำให้เราเป็นคนที่มีความภาคภูมิใจในตัวเองได้ ได้รับกำลังใจจากคนรอบข้าง และถือได้ว่าเป็นเครื่องมือชั้นดีที่สามารถใช้ในการคิดทบทวนตัวเองได้ครับ ทั้งนี้ถึงจะมีข้อดี แต่ทว่า Social media นั้นถ้าไม่รู้จักเล่นอย่างพอดีก็อาจจะทำให้คุณต้องสูญเสียชีวิตจริงไปก็เป็นได้ครับ
ที่มา :?thenextweb