เป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนจอใหญ่ที่มาพร้อมปากกาที่ตื่นตาตื่นใจที่สุดกับ?Samsung Galaxy Note 4 โดยต่อยอดมาจาก Samsung Galaxy Note 3 แน่นอนว่ามีสเปกและความสามารถคุณสมบัติที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งในตอนนี้ Samsung ประเทศไทยใกล้ที่จะนำเอาเข้ามาจำหน่ายแล้ว (คาดการณ์ว่าจะเปิดตัวและวางขายในไทยในงาน Thailand Mobile Expo 2014)โดยราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณสองหมื่นบาทต้นๆ
โดยจัดได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ตัวท็อป (ของจริง) ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ระดับ 5.7 นิ้ว ความละเอียดมากกว่า Full HD โดยอยู่ที่ 2K หรือ 2560 x 1440 พิกเซล ที่เราจะเรียกว่าเป็นแฟ็บเล็ต (Phablet = Smartphone + Tablet) ก็สามาถทำได้ ในส่วนของหน่วยความจำรอมภายในมีมาให้ขนาด 32GB ?(ใส่ micro-SD เพิ่มได้) ซึ่งตัวเครื่องที่จำหน่ายในประเทศไทยตอนนี้ก็จะมีให้เลือก 3 สีด้วยกัน คือ สีทอง สีขาว และ สีดำ
จัดเป็นสมาร์ทโฟนจอใหญ่ที่มาพร้อมปากกาในตระกูล Galaxy Note รุ่นที่ 4 แล้ว สำหรับจุดเด่นของเรือธงตระกูลโน้ตยังไงก็หนีไม่พ้นปากกา S-Pen ซึ่งใน Samsung Galaxy Note 4 ก็ได้มีการพัฒนาให้เหมือนใช้งานปากกาจริงๆ เข้าไปอีก (ที่เหนือกว่า Note 3 ยิ่งขึ้นไปอีก) ดีไซน์โดยรวมมีการใช้กรอบขอบตัวเครื่องเป็นโลหะ แต่ฝาหลังยังคงเป็นหนังเทียมเช่นเดียวกับ Galaxy Note 3 อยู่ ทว่าได้ตัดในส่วนของรอยประออกไปครับ(ตรงจุดนี้น่าจะเพื่อคงความรู้สึกให้ผู้ใช้เหมือนกับจับสมุนโน๊ตของจริงครับ)
สเปกเต็มๆ ของ?Samsung Galaxy Note 4
- หน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว Super AMOLED display
- มีความละเอียดหน้าจอที่ 2,560 x 1,440 พิกเซล (515 ppi)
- ใช้กระจกหน้าจอรุ่นใหม่ 2.5D Gorilla Glass 3
- มีให้เลือก 2 รุ่นโดยจะแยกเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Quad-core 2.7 GHz Snapdragon 805
- และ octa-core Exynos 5433 processors
- GPU แยกตามรุ่นของหน่วยประมวลผลได้แก่ Adreno 420 บนรุ่นที่ใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon 805
- และ Mali-T760 บนรุ่นที่ใช้หน่วยประมวลผล Exynos 5433
- 3 GB RAM
- กล้องหลังที่ 16 ล้านพิกเซล?มาพร้อมกับ ระกันสั่น (OIS)
- กล้องหน้าความละเอียด 3.7 ล้านพิกเซล พร้อมรับภาพได้กว้างกว่าเดิมเพื่อการถ่าย selfie โดยเฉพาะ
- แหล่งเก็บข้อมูลมีให้เลือกที่ขนาดความจุด 16/32/64 GB
- รองรับการเพิ่มแหล่งเก็บข้อมูลแบบ MicroSD card สูงสุด 64 GB
- แบตเตอรี่ความจุ 3,220 mAh
- ระบบปฏิบัติการ Android 4.4 KitKat
- ขนาด 153.5 x 78.6 x 8.5 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 176?กรัม
- มาพร้อมกับระบบสแกนลายนิ้วมือ, ระบบวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และ UV light sensor
- S-Pen ได้รับการอัพเกรดให้ใช้งานได้ดีกว่าเดิม สามารถที่จะเอียง S-Pen แล้วเขียนได้
โดยสเปคของ Samsung Galaxy Note 4 นี่ถือว่าแรงที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟน Android ตัวท็อปที่ขับเคี่ยวกันในท้องตลาดแล้ว ด้วยพลังขับเคลื่อนจากชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 805 รุ่นล่าสุด แต่ทีเด็ดของสเปคมันคือหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียด Quad-HD ?เพราะเล่นเอาจอตัวเดียวกับใน Samsung Galaxy Tab S มาใส่กันเลยทีเดียว ซึ่งหน้าจอของ Samsung Galaxy Tab S ก็มีสีสันสดใสไม่แพ้ใครอยู่แล้วด้วย เชื่อว่าประสบการณ์ใช้งานบน Samsung Galaxy Note 4 จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
สำหรับฟีเจอร์เจ๋งๆ ของ Samsung Galaxy Note 4 นอกจากเจ้าปากกา S-Pen รุ่นใหม่แล้วก็ยังมีฟีเจอร์เด็ดๆ อย่างอื่นอีก เช่น กล้องหน้าที่ออกแบบมารองรับการ Selfie อย่างเต็มรูปแบบ เพราะเล่นจัดหนักที่กล้องหน้าความละเอียด 3.7 ล้านพิกเซล เลนส์ Wide ที่มีมุมมองการถ่ายภาพกว้างมากที่ 120 องศา (กึ่งๆ พาโนราม่าเลยทีเดียว) มั่นใจว่าจะเก็บรูปเพื่อนทั้งกลุ่มโดยไม่ต้องง้อไม้เซลฟี่แน่นอน ส่วนกล้องหลังก็โหดไม่แพ้กันเพราะมันมาพร้อมกับระบบ OIS กันภาพสั่นไหวแบบอนาล็อก หรือฟีเจอร์ที่ออกแบบมาซัพพอร์ตการทำงาน เช่น Snap Note การแปลงตัวหนังสือในรูปภาพให้เป็น Text จริงๆ ต่อไปนี้อยากบันทึกอะไรก็แค่ถ่ายรูปอย่างเดียวแล้วครับ, การอัดเสียงแบบ 8 ทิศทางพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน เป็นต้น
เอาเป็นว่าเดี๋ยวเราจะมาอัพเดทกันอีกทีนะครับ สำหรับ?Samsung Galaxy Note 4 ?เมื่อเข้าไทยอย่างเป็นทางการแล้ว?
Samsung ไม่ได้ทำการเปิดตัวแค่ Samsung Galaxy Note 4?แต่เพียงอย่างเดียวครับ เพราะยังได้มีอุปกรณ์เสริมที่ไว้ใช้กับ Samsung Galaxy Note 4 โดยเฉพาะ ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือออกมาว่าทาง Samsung กำลังแอบซุ่มพัฒนาอยู่ อุปกรณ์ชิ้นนั้นก็คือ Gear VR อุปกรณ์สวมใส่สำหรับสร้างภาพเสมือนจริง ที่คล้ายคลึงกันกับ Oculus Rift ครับ เนื่องจากว่าทาง Samsung ได้ทำการพัฒนา Gear VR ร่วมกันกับบริษัท Oculus ผู้ผลิต Oculus Rift นั่นเองครับ
Gear VR นั้นถูกพัฒนาขึ้นมาด้วยแนวคิดเดียวกันกับ Google Cardboard project ครับ(เป็นโปรเจคที่จะนำเอาโลกเสมือนจริงมาสู่ผู้ใช้งาน smartphone ด้วยเลนส์ราคาถูกเพื่อสร้างประสบการณ์ทางด้านโลกเสมือนจริงให้กับผู้ใช้) แต่ทว่า Gear VR นั้นดูเหมือนกับ Oculus Rift มากกว่าในมุมของด้านการดีไซน์และรูปลักษณ์ภายนอก(และที่สำคัญคือคุณไม่ต้องทำ Gear VR เองเหมือนที่คุณต้องสร้าง Oculus Rift ขึ้นมาเองจากอุปกรณ์ที่ผู้ผลิตส่งมาให้คุณครับ) Gear VR ถูกกำหนดขึ้นมาให้ใช้งานคู่กันกับ Galaxy Note 4 ครับ โดยตัว Gear VR นั้นจะดึงภาพของ Galaxy Note 4 มาทำการสร้างเป็นแอฟเฟค 3 มิติบนตัวเลนส์ของ Gear VR นอกไปจากนั้น Gear VR ยังจะรองรับการใช้งานร่วมกันกับคอนโทรเลอร์ที่เชื่อมต่อผ่านทาง Bluetooth เพื่อใช้ในการเล่นเกมโดยเฉพาะด้วยอีกครับ
การใช้งาน Gear VR นั้นให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับ Oculus Rift ครับ(ซึ่งไม่น่าแปลกเพราะ Samsung ร่วมพัฒนา Gear VR กับ Oculus) แต่สิ่งหนึ่งที่ Gear VR ดีกว่า Oculus Rift นั้นก็คือ Gear VR ไม่มีสายเชื่อมต่อให้ผู้ใช้ต้องมากวนใจเวลาใช้งานครับ ทำให้การใช้งาน Gear VR นั้นง่ายและทำให้เกิดความสะดวกสบายกว่า Oculus Rift มาก การเคลื่อนไหวเวลาที่สวม Gear VR อยู่นั้นผู้ใช้ก็จะรู้สึกไม่ติดขัดเพราะไม่มีสาย(แต่ถึงกระนั้น Samsung ก็แนะนำให้ผู้ใช้ Gear VR ใช้งานตอนที่นั่งมากกว่าที่จะใช้งานแล้วทำการเดินไปเดินมาครับ) หากเทียบ Gear VR กับ Cardboard ของ Google แล้วก็พบว่าเวลาใช้งาน Gear VR นั้นคุณไม่จำเป็นต้องเงยหน้าให้เข้ากันกับเลนส์ของตัว Gear VR ครับ เพราะ Gear VR ถูกออกแบบมาให้อยู่ในระดับสายตาพอดี ทำให้เวลาใช้งานไม่เกิดอาการเมื่อยคอครับ นอกไปจากนั้น Gear VR ยังมีโหมดให้คุณทำการฉายภาพจากกล้องด้านหลัังของ Galaxy Note 4 ได้เวลาที่คุณสวม Gear VR อยู่ นั่นยิ่งทำให้การใช้งานเวลาเดินนั้นง่ายขึ้นมาในทันทีครับ(ไม่ต้องคอยถอดออก)
สำหรับทางด้านซอฟต์แวร์ที่รองรับนั้น ในตอนนี้ทาง Samsung ได้มีการพัฒนาตัวอย่างซอฟต์แวร์สำหรับใช้งานกับ Gear VR ขึ้นมา 2 ? 3 ตัวอย่างครับ ซึ่งแต่ละตัวอย่างนั้นก็แสดงให้เห็นถึงการใช้งานที่ดีของ Gear VR ส่วนในอนาคตนั้นทาง Samsung จะได้ทำการปล่อย SDK ของ Gear VR ออกมาให้ผู้ผลิตภายนอกได้นำไปพัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้นมารองรับกับ Gear VR ครับ(แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าจะปล่อยออกมาในช่วงใด หรือได้ทำการปล่อยออกมาแล้วหรือไม่)
ทั้งนี้นี่ก็ถือเป็นอีกครั้งที่ Samsung ทำการสร้างนวัตกรรมให้กับโลก smartphone ครับ ถึงแม้ว่าอุปกรณ์สร้างภาพเสมือนจริงนั้นจะไม่ใช่ของแปลกใหม่อะไร แต่จากสิ่งที่ Samsung ทำในครั้งนี้ก็ถือได้ว่าเป็นการนำภาพเสมือนจริงที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้ใช้ในเร็วๆ วันนี้มาใกล้กับผู้บริโภคทั่วไปมากขึ้นครับ น่าเสียดายที่ทาง Samsung ไม่ได้ให้ข้อมูลว่า Gear VR นั้นจะพร้อมวางจำหน่ายช่วงไหน และราคาอยู่ที่เท่าไร แต่จากการคาดการณ์แล้วคงจะเป็นช่วงหลังจากที่ Galaxy Note 4 วางขายอย่างเป็นทางการไปแล้วอย่างน้อย 2 ? 3 เดือนขึ้นไปแน่นอนครับ