อุปกรณ์ VR headset นั้นถูกสร้างขึ้นมาให้เราสามารถเห็นภาพเสมือนจริงได้ครับ ซึ่งอุปกรณ์ VR headset ต่างๆ เหล่านั้นก็สามารถที่จะทำงานของมันได้เป็นอย่างดี ทว่าสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณสวมอุปกรณ์ VR headset ลงไปที่ศรีษะของคุณ คุณจะไม่สามารถมองโลกจริงๆ ภายนอกได้เลยครับ ทำให้ทักษะในการสัมผัสจับต้องสิ่งต่างๆ นั้นหายไป ตัวอย่างสำคัญที่สุดก็คือการบังคับจอยคอนโทรลเลอร์ ที่คุณจะไม่สามารถมองเห็นปุ่มต่างๆ บนตัวจอย และอาจทำให้ประสบการณ์การเล่นเกมด้วยอุปกรณ์ VR headset ของคุณนั้นแย่กว่าที่ควรจะเป็นครับ
บริษัท Leap Motion มีหนทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวครับ ด้วยการจ่ายเงินค่าอุปกรณ์เพิ่ม $79.99 หรือประมาณ 2,480 บาท คุณก็จะได้รับกล้องอินฟาเรดที่เอาไว้ใช้สำหรับติดตั้งทางด้านหน้าของอุปกรณ์ VR headset ของคุณ และใช้ซอฟต์แวร์เพื่อแสดงผลภาพสดจากกล้องนั้น คุณก็จะมองเห็นโลกภายนอกโดยที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องถอดอุปกรณ์ VR headset อีกต่อไปครับ
สำหรับอุปกรณ์ที่ทาง Leap คิดขึ้นมานั้นมีด้วยกัน 2 แบบครับ แบบแรกคือกล้องอินฟาเรดที่ต้องนำมาติดตั้งหน้าอุปกรณ์ VR headset เพื่อใช้งาน(ดังที่ได้กล่าวไปข้าวต้น) ซึ่งผู้ใช้สามารถที่จะทำการหาซื้ออุปกรณ์นี้มาใช้งานกันได้แล้ว ส่วนอีกแบบหนึ่งนั้นเป็นแบบติดตั้งภายในอุปกรณ์ VR headset ครับ โดยอุปกรณ์ชิ้นนี้มีรหัสการพัฒนาชื่อว่า?Dragonfly ?ซึ่งผู้ที่จะซื้อ?Dragonfly ?ไปใช้งานนั้นต้องเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ VR headset อย่างเช่นบริษัท Oculus, Sony ฯลฯ นั่นเองครับ
ทาง Leap ได้ทำการแสดงต้นแบบของ?Dragonfly ที่ติดตั้งอยู่กับ Oculus Rift เวอร์ชันสำหรับผู้พัฒนา โดยใช้ซอฟต์แวร์ของ Leap เองสลับการแสดงผลระหว่าตัวกล้องกับภาพของ Oculus Rift ซึ่งผลการทำงานนั้นเวลาที่ทำการแสดงผลภาพจากกล้องของ?Dragonfly จะสามารถรวมเป็นภาพเดียวกันกับภาพที่เกิดจาก Oculus Rift ได้เป็นหนึ่งเดียวนั่นหมายความว่าคุณสามารถที่จะมองเห็นมือของคุณเองควบคู่ไปกับภาพเสมือนจริงได้ครับ
และแน่นอนครับเมื่อเป็น Leap แล้วคุณจะสามารถสั่งการผ่านการเคลื่อนไหว ท่าทางของมือคุณได้ เพียงแค่คุณติดตั้งเซนเซอร์เล็กๆ เข้ากับคอมพิวเตอร์ ตัวเครื่องก็จะสามารถจับภาพได้ว่าคุณเคลื่อนไหวมือหรือนิ้วในลักษณะอย่างไร ทำให้การบังคับ และเล่นเกมผ่าน VR headset ที่ติดตั้ง Dragonfly นั้นสนุกขึ้นกว่าเดิมมากครับ
สาเหตุที่ Leap ตัดสินใจเข้ามาพัฒนาอุปกรณ์สำหรับต่อเติมความสามารถให้กับอุปกรณ์ VR headset นี้ก็เนื่องมาจากทางบริษัทคิดว่าผู้ผลิต PC ทั่วไป(รวมไปถึงผู้ใช้) คงไม่มีใครสนใจที่จะนำ Leap Motion ไปใช้งานมากนัก โดยจะดูได้จากยอดขายของคีย์บอร์ HP ที่มาพร้อมกับ Leap Motion ที่เริ่มวางขายไปเมื่อเดือนกรกฎาคมนั้นทำยอดขายได้ไม่ดีนักครับ แต่กับตลาด VR นั้นทุกอย่างจะแตกต่างออกไปจากเดิม เพราะพวกเขา(บริษัท Leap) เชื่อว่า Leap Motion เป็นเสมือนตัวเสริมที่จะทำให้อุปกรณ์ VR headset นั้นดีขึ้นกว่าเดิม ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่าเดิม
ปัญหาของการใช้ Leap กับอุปกรณ์ VR headset นั้นก็มีอยู่ครับ เนื่องจากว่าอุปกรณ์ Leap นั้นถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อิตรวจสอบการเคลื่อนไหวที่อยู่ทางด้านบนของเซนเซอร์ แต่เมื่อเอาไปติดตั้งกับ VR headset แล้วจะต้องเปลี่ยนแปลงการตรวจจับการเคลื่อนไหวมาอยู่ด้านล่างแทน(คงไม่มีใคร ชูมือเหนือหัวเล่นเกมหรอกจริงไหมครับ) ทาง Leap ได้แก้ปัญหาตรงจุดนี้ที่ซอฟต์แวร์ครับ ซึ่งจากการแก้ไขนั้นก็พบว่า Leap ให้ผลที่น่าประทับใจ แต่ยังคงต้องมีอะไรให้ทำอีกมาก ถึงจะสามารถใช้งาน Leap Motion บนอุปกรณ์ VR headset ได้อย่างเต็มรูปแบบ คงต้องรอดูกันต่อไปครับว่าการก้าวเข้าสู่ตลาด VR ของ Leap ในครั้งนี้จะสามารถทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ กับบริษัทได้หรือไม่
ที่มา :?theverge